สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(13 มิถุนายน 2568)---------ในการประชุม FOMC วันที่ 17-18 มิ.ย. ซึ่งเป็นรอบที่ 4 จากทั้งหมด 8 รอบในปีนี้ คาดว่าเฟดจะคงดอกเบี้ยต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีที่ระดับ 4.25-4.50% เนื่องจาก
• เฟดคงต้องการเห็นภาพผลกระทบของมาตรการปรับขึ้นภาษีนำเข้าต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อสหรัฐฯ ให้ชัดเจนกว่านี้ก่อนพิจารณาปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยแม้จะมีความคืบหน้าในการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับหลายประเทศคู่ค้า รวมถึงจีนที่มีการบรรลุข้อตกลงการค้าเบื้องต้น แต่อัตราภาษีที่สหรัฐฯ จะเรียกเก็บกับแต่ละประเทศคู่ค้ายังไม่มีความชัดเจน ขณะที่หลายประเทศคู่ค้าอาจไม่สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าได้ทันภายในวันที่ 9 ก.ค. 2568 ส่งผลให้มีความเสี่ยงที่อัตราภาษีตอบโต้ (Reciprocal tariff) จะกลับมามีผลบังคับใช้อีกครั้ง
• ตลาดแรงงานในปัจจุบันยังสะท้อนภาพแข็งแกร่ง โดยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Nonfarm payroll) เดือนพ.ค. 2568 เพิ่มสูงขึ้นกว่าคาดโดยอยู่ที่ 139,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานเดือนพ.ค. 2568 ยังทรงตัวอยู่ที่ระดับ 4.2% ซึ่งสนับสนุนให้เฟดยังมีมุมมองระมัดระวังและไม่จำเป็นต้องเร่งรีบปรับลดดอกเบี้ย
• เงินเฟ้อในระยะข้างหน้ามีความเสี่ยงปรับสูงขึ้นจากผลของภาษีนำเข้า แม้เงินเฟ้อสหรัฐฯ วัดจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ค. 2568 เพิ่มสูงขึ้นน้อยกว่าตลาดคาด อย่างไรก็ดี ทิศทางเงินเฟ้อในระยะข้างหน้าอาจปรับสูงขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการมีแนวโน้มทยอยส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นจากภาษีนำเข้าไปยังราคาสินค้าผู้บริโภคในระยะข้างหน้า
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า เฟดมีแนวโน้มปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 2 ครั้งในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ โดยมองเฟดอาจเริ่มปรับลดดอกเบี้ยครั้งแรกของปีนี้อย่างเร็วสุดในเดือนก.ย. 2568 เนื่องจากคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเห็นผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษีนำเข้าที่ชัดเจนขึ้นหลังการชะลอการปรับขึ้นภาษีนำเข้า 90 วันสิ้นสุดลงในวันที่ 9 ก.ค. 2568 และเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มชะลอลงอย่างมีนัยสำคัญในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ อย่างไรก็ดี จังหวะการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดในระยะข้างหน้าคงขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่ออกมาเป็นสำคัญ
ทั้งนี้ ในการประชุมรอบนี้จะมีการเผยแพร่ประมาณการเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และ Dot Plot ซึ่งเฟดมีแนวโน้มจะยังคงส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย 2 ครั้งสอดคล้องกับ Dot Plot ที่เผยแพร่ในครั้งก่อนหน้าในการประชุมเดือนมี.ค. 2568 เช่นเดียวกับประมาณการเศรษฐกิจและเงินเฟ้อที่คาดว่าจะไม่ปรับเปลี่ยนจากประมาณการในครั้งก่อนหน้าเท่าใดนัก