สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(13 มิถุนายน 2568)----------บทวิเคราะห์ บล.พาย เปิดเผยว่า ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 101 จุด (+0.24%) แรงหนุนจากสหรัฐฯ รายงานดัชนี PPI ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้คลายกังวลเงินเฟ้อ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 0.59% จากแรงขายทำกำไรเพราะวันก่อนหน้าแกว่งบวกมากถึง 4% แต่อย่างไรก็ตามเช้านี้ฟื้นตัวเด่นจากความกังวลตะวันออกกลาง

เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯ รายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่ 0.1%MoM และ 2.6%YoY ต่ำกว่า Bloomberg Consensus คาดการณ์ที่ 0.3%MoM นอกจากนี้ยังได้รายงานผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานที่ 2.48 แสนรายมากกว่า Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 2.42 แสนรายและเริ่มเร่งขึ้นจากช่วงก่อนหน้าที่มักอยู่แถว 2.1 แสนรายสะท้อนมุมมองเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีสัญญาณชะลอตัว ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 2 , 10 ปี ปรับตัวลง พร้อมกับการอ่อนค่าของ Dollar Index ที่ทำสถิติต่ำสุดในรอบ 3 ปี และทำให้ราคาทองคำวิ่งขึ้น (เช้านี้เกินกว่าระดับ 3400 $ / ทรอยออนซ์) ส่วนปัจจัยในประเทศเมื่อวานที่ผ่านมามหาวิทยาลัยหอการค้าไทยรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน พ.ค. ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 และต่ำสุดในรอบ 27 เดือน เพราะผู้บริโภคกังวล เกี่ยวกับสงครามการค้าจากนโยบาย Trump 2.0 พร้อมกับรู้สึกว่าเศรษฐกิจไทยกำลังชะลอตัวต่อเนื่อง แม้ว่ารัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้และธนาคารแห่งประเทศไทยก็ได้ปรับลดดอกเบี้ยมาแล้ว 2 ครั้ง แต่ถึงกระนั้นผู้บริโภคก็ยังเข้าถึงสินเชื่อลำบาก ในขณะเดียวกันปัจจัยภายในประเทศก็มีอีกเรื่องที่น่ากังวลเกี่ยวกับปัจจัยการเมือง จากการที่แพทย์สภายังคงยืนยันลงโทษแพทย์ 3 คนเกี่ยวกับคดีชั้น 14 สร้างความสั่นคลอนทางการเมืองและเสถียรภาพของรัฐบาล ส่วนเช้านี้มีรายงานจาก CNBC ว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ล่วงหน้าปรับฐานลงหลังมีรายงานว่ารัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินพิเศษตามการโจมตีของอิสราเอลต่ออิหร่าน กดดันให้ราคาน้ำมันเช้านี้ฟื้นตัวอย่างมีนัยยะสำคัญ พร้อมกับราคาทองคำ ระยะสั้นอาจเลือกเก็งกำไรในกลุ่มพลังงาน (PTTEP) ส่วนคืนนี้รอติดตามความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐฯ จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน Bloomberg Consensus คาดการณ์ที่ 53.5 หากต่ำกว่าคาดการณ์อาจสร้างแรงกดดันกับภาวะเศรษฐกิจ

วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1120 – 1140 จุด อาจมีแรงกดดันจากตลาดหุ้นทั่วโลกที่แกว่งลงจากความกังวลตะวันออกกลาง แต่ SET จะได้แรงหนุนจากกลุ่มน้ำมัน เชิงกลยุทธ์ระยะสั้นอาจเลือก Trading ในหุ้นน้ำมัน (PTTEP) รวมไปถึงกลุ่ม Defensive (BDMS ADVANC BH) นอกจากนี้ยังชอบกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม (AMATA WHA)

BDMS (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 26.00 บาท)
คาดการณ์รายได้ปี 2025 ที่เติบโตในอัตราลดลง (-2%) โดยใน 1Q25 ประกาศกำไรสุทธิที่ 4.3 พันล้านบาท (+7% YoY) ทรงตัวจากไตรมาสก่อน หนุนจาก 1) รายได้รับรู้จากโรงพยบาลและเตียงผู้ป่วยใหม่ และ 2) การเติบโตของผู้ป่วยต่างชาติ โดยเฉพาะในกลุ่มตะวันออกกลาง (+22% YoY) และ CLMV (+11% YoY) ขณะที่ใน 2Q25 เรามองว่าผลประกอบการจะเติบโต YoY

AMATA (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 33.50 บาท)
ผลประกอบการในปี 25 ของ AMATA ยังมีโอกาสเติบโตจากปีก่อนได้ จากผลดีของ Backlog ที่อยู่ในระดับสูง ทำให้เรายังงคงกำไรทั้งปีที่ระดับ 2,975 ล้านบาท (+20%YoY) ไว้เท่าเดิมก่อน อย่างไรก็ตามด้วยความไม่แน่นอนของสงครามการค้าที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจชะลอการโอนที่ดินไป ซึ่งจะทำให้รายได้ไม่เป็นไปตามเป้าที่คาดไว้ สำหรับคำแนะนำการลงทุน ระยะสั้นเรามองว่าราคาหุ้นปรับตัวลดลงเพราะกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าไปมากแล้ว