สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 12 มิถุนายน 2568 )---- SCC เผย SCGC อยู่ระหว่างเตรียมการลดสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทร่วมในประเทศอินโดนีเซีย ลงจำนวน 10.57% ตามแผนกลยุทธ์ลดภาระทางการเงิน (Deleverage) และ จัดสรรเงินทุนใหม่เพื่อโอกาสทางธุรกิจในอนาคต

นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) SCC เปิดเผยว่าบริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (หรือ “SCC”) ขอเรียนให้ทราบว่า บริษัทเอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) (หรือ “SCGC”) ที่ SCC ถือหุ้นทั้งหมด จะปรับสถานะการลงทุนใน PT Chandra Asri Pacific Tbk (หรือ “CAP”) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในประเทศอินโดนีเซีย (IDX) ที่ SCGC ถือหุ้นในสัดส่วน ร้อยละ 30.57 จากเดิมที่เป็นบริษัทร่วม (Associated Company) เป็นการลงทุนอื่น (Other Investments) โดย SCGC อยู่ระหว่างเตรียมการลดสัดส่วนการถือหุ้นใน CAP ลงจำนวนร้อยละ 10.57 และลดการมีส่วนร่วมใน การบริหาร CAP ซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ปัจจุบันของ SCGC ในการลดภาระทางการเงิน (Deleverage) และ จัดสรรเงินทุนใหม่เพื่อโอกาสทางธุรกิจในอนาคต

SCC ขอชี้แจงว่าเนื่องจากธุรกรรมดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาเพื่อทำรายการ จึงยังไม่สามารถ คำนวณขนาดของรายการตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในเรื่องการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่ง สินทรัพย์ได้ โดย SCC จะแจ้งข้อมูลเพิ่มเติมเมื่อธุรกรรมมีความชัดเจนแล้ว

บริษัทหลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด ออกบทวิเคราะห์ SCC มองบวกขึ้นจากการขายเงินลงทุนและเปลี่ยนนโยบายใน CAP จะช่วยลดภาระทางการเงินให้ลดลงภายใต้สถานการณ์อุตสาหกรรมที่ยังไม่ฟื้นตัว หลังจากนี้คงต้องรอดูว่าอุปสงค์จะกลับมาฟื้นตัวหรือไม่ ประกอบกับส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่จะกลับมาได้หรือไม่ จะเป็นตัวขับเคลื่อนการดำเนินงาน แต่ในระยะสั้นจากข่าวดังกล่าวเป็นบวกต่อการดำเนินงานจากรายการพิเศษดังกล่าวเข้ามา

SCC แจ้งตลาดถึงการเปลี่ยนนโยบายการลงทุนใน PT Chandra Asri Pacific TBK (CAP) ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อินโดนีเซีย ที่ปัจจุบัน SCGC ถืออยู่ 30.57% จากเดิมจะรับรู้เป็นบ. ร่วม เป็นการลงทุนอื่น โดยอยู่ระหว่างลดสัดส่วนการถือหุ้นใน CAP ลง 10.57% เพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ของ SCGC ในการลดภาระทางการเงิน

CAP เป็นผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ครบวงจรรายใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซียโดยจะอยู่ในส่วนโอเลฟินส์ โดย SCC เข้าลงทุนใน CAP ตั้งแต่ปี 2011 นอกจากนี้ยังมี TOP เข้าลงทุนอยู่ 15.38% เบื้องต้น สิ้น 2Q25 บ.จะปรับปรุงรายการที่เกี่ยวข้องดังกล่าวและปรับมูลค่าใหม่ทำให้ใน 2Q25 จะรับรู้กำไรจากการปรับสถานการณ์ลงทุนจากบ. ร่วมเป็นเงินลงทุนอื่น โดยสิ้นปี 2024 มูลค่าตามบัญชีอยู่ที่ 28,761 ลบ. และลำดับถัดไปหากธุรกรรมการขายเรียบร้อยจะมีการรับรู้กำไรจากการขายอีกครั้ง

คำแนะนำ : มองบวกขึ้นหลังการตัดขาย CAP ออกไปเพื่อช่วยให้ตรงตามกลยุทธ์ของบ. และลดภาระทางการเงิน

///จบ///