สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(22 พฤษภาคม 2568)---------ธนาคารกลางอินโดนีเซีย (BI) กลับมาใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินอีกครั้งด้วยการลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ลงมาอยู่ที่ระดับ 5.50% ในการประชุมวันที่ 20-21 พ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี เป็นไปตามที่ตลาดคาดหลังจากค่าเงินรูเปียห์เริ่มมีทิศทางดีขึ้นหนุนให้ลดดอกเบี้ยเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัว พร้อมกันนี้ได้ลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากมาอยู่ที่ 4.75% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ 6.25% โดยมีปัจจัยติดตาม ดังนี้

• ค่าเงินรูเปียห์กลับมาแข็งค่าหลังสหรัฐฯ-จีนบรรลุข้อตกลงลดภาษีชั่วคราว คลายแรงกดดันต่อค่าเงินรูเปียห์ โดยล่าสุดปิดตลาดวันที่ 21 พ.ค. ค่าเงินรูเปียห์อยู่ที่ 16,406 รูเปียห์/ดอลลาร์ฯ กลับมาแข็งค่าที่ 3.3% เทียบกับระดับอ่อนค่าเป็นประวัติการณ์ที่ 16,943 รูเปียห์/ดอลลาร์ฯ ณ วันที่ 9 เม.ย. ส่วนหนึ่งเป็นผลบวกจากการที่ BI พยายามอย่างหนักในการแทรกแซงตลาดในช่วงที่ผ่านมา (รูปที่ 1)

• เงินทุนไหลกลับเข้าประเทศในเดือน พ.ค. หนุนค่าเงินรูเปียห์ฟื้นตัว (รูปที่ 1) จากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกมีสัญญาณบวกระยะสั้น และนโยบาย BI ในการหนุนเสถียรภาพค่าเงินและตลาดพันธบัตรสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างชาติ แต่ยังมีความน่ากังวลหากภาครัฐยังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นในการบริหารงานในภาพรวมได้ ทั้งนี้ Jakarta Composite Index (JCI) ณ วันที่ 21 พ.ค. อยู่ที่ 7,142.5 จุด ปรับตัวดีขึ้น 19.7% จากจุดต่ำสุดที่ 5,969.9 จุด ณ 9 เม.ย. 2025

• BI เดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจโดยเสริมสภาพคล่องให้ระบบธนาคารผ่าน 2 มาตรการหลักเริ่ม 1 มิ.ย. ได้แก่ 1) มาตรการลดสัดส่วนการสำรองสภาพคล่องสำหรับธนาคารทั่วไปลงมาอยู่ที่ 4% (จาก 5%) และสำหรับธนาคารอิสลามมาอยู่ที่ 2.5% (จาก 3.5%) 2) มาตรการเพิ่มเพดานการใช้เงินทุนต่างประเทศเป็น 35% ของเงินกองทุน (จาก 30%)

• อัตราเงินเฟ้อเดือน เม.ย. ขยับขึ้นต่อเนื่องมาอยู่ที่ 1.95% เป็นระดับสูงสุดในรอบปี เป็นผลต่อเนื่องจากมาตรการลดค่าไฟฟ้าสิ้นสุดลงตั้งแต่เดือน ก.พ. ขณะที่แนวโน้มข้างหน้าเงินเฟ้อจะยังปรับตัวอยู่ในกรอบเป้าหมายที่ 1.5%-3.5% (รูปที่ 2) เนื่องจาก BI ยังคงดูแลเงินเฟ้อด้วยการควบคุมราคาอาหารผ่านหน่วยงานรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่น

เศรษฐกิจไตรมาส 1/2025 เติบโตที่ 4.87%YoY

• เศรษฐกิจไตรมาส 1/2025 เติบโตช้าที่ 4.87% เป็นการเติบโตรายไตรมาสที่ต่ำสุดในรอบกว่า 3 ปี (รูปที่ 2) ตอกย้ำเศรษฐกิจต้องการแรงผลักดันจากภาครัฐเพื่อรับมือกับการบริโภคในประเทศที่อ่อนแอ รายได้รัฐที่ลดลง และความไม่แน่นอนในการเจรจาลดภาษีที่สหรัฐฯ เก็บอินโดนีเซียถึง 32% ทั้งนี้ BI ปรับคาดการณ์ GDP ปีนี้มาอยู่ที่ 4.6-5.4%

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ต้องติดตามการเจรจาลดภาษีระหว่างสหรัฐฯ-อินโดนีเซียที่อาจส่งผลต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่คาดว่าเงินเฟ้อในปีนี้ยังอยู่ในระดับต่ำหนุนการผ่อนคลายทางการเงิน แต่ BI จะยังคงให้น้ำหนักกับการรักษาเสถียรภาพค่าเงินรูเปียห์ หากค่าเงินยังประคองตัวได้ต่อเนื่องมีโอกาสลดดอกเบี้ยอีกอย่างน้อย 1 ครั้งในปีนี้เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ