คาด SET Index ปรับตัวลง : แรงกดดันมาจากความการที่ Moody's ปรับลดอันดับเครดิตสหรัฐฯ รวมถึงความกังวลว่าไทยจะได้เข้าเจรจาทางการค้ากับสหรัฐฯหรือไม่ หากแต่พอมีแรงพยุงจากหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะกลุ่ม รวมถึงลุ้น BOI เคาะมาตรการช่วยผู้ประกอบการ
แนวรับ-ต้าน
1,180-1,200
กลยุทธ์การลงทุน
1) Thai ESGX : ADVANC, AMATA, BCPG, CKP,GULF, PTT, WHA
2)รับเหมาฯ : CK, STECON, UNIQ
3) ปศุสัตว์ : BTG, CPF, GFPT, TFG
4) พลังงาน : BCP, PTTEP, SPRC, TOP
5)Defensive : BCH, CHG, PR 9 , TTW
6) Short sell : AAV, BA, CRC, JMT, SAWAD
ภาพมหภาคนำมาแต่ความกังวล
Moody's หั่นอันดับเครดิตสหรัฐฯ : คาดการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงจะเผชิญกับการลดสถานะเพื่อเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัย สะท้อนจาก Dow Jones Future เช้านี้(7.00 น.)ที่ติดลบ 0.6% สวนทางกับราคาทองคำ Spot ที่ปรับตัวขึ้นกว่า 1% ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลัง Moody's ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐฯจากระดับ Aaa ลงมาอยู่ที่ Aa1 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยให้เหตุผลว่าหนี้สาธารณะของรัฐบาลเพิ่มสูงขึ้นและภาระดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็เพิ่มขึ้นด้วย
ไทยจะได้คุยกับสหรัฐฯไหม : นอกจากนี้ คาด Sentiment เชิงลบมาจากการที่สหรัฐฯได้ส่งสัญญาณเป็นผู้กำหนดภาษีฝ่ายเดียว หลังในวันศุกร์ที่ผ่านมาปธน.ทรัมป์เผยว่ามี 150 ประเทศต้องการทำข้อตกลงกับสหรัฐฯ แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะสามารถพบปะกับประเทศต่างๆได้มากขนาดนั้น ดังนั้น สหรัฐฯจะบังคับใช้ภาษีศุลกากรอัตราใหม่ในช่วง 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า โดย รมว.คลัง และรมว.พาณิชย์สหรัฐฯ จะส่งหนังสือไปยังประเทศต่างๆ เพื่อแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับอัตราภาษีศุลกากรใหม่ที่สหรัฐฯจะเรียกเก็บจากประเทศต่างๆ ภาพข้างต้นส่งผลให้เกิดความกังวลว่าไทยจะได้เข้าเจรจากับสหรัฐฯภายใน 2-3 สัปดาห์ข้างหน้าหรือไม่
ปศุสัตว์และพลังงานมีปัจจัยหนุน : แรงพยุงคาดมาจากหุ้นในกลุ่มที่มีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว โดยคาด 1) หุ้นกลุ่มปศุสัตว์จะได้แรงหนุนจากการที่จีนและสหภาพยุโรปประกาศระงับการนำเข้าเนื้อไก่จากบราซิล หลังฟาร์มแห่งหนึ่งทางตอนใต้พบการระบาดของไข้หวัดนกสายพันธุ์รุนแรง และ 2) หุ้นในกลุ่มพลังงานจะได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวขึ้น 1.41% ปิดที่ 62.49 ต่อบาร์เรล เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา อีกทั้ง ถือเป็นการปิดบวกเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน
ติดตาม GDP 1Q68 : และบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ ปัจจัยติดตามในวันนี้ ได้แก่ 1) การเผย GDP 1Q68 โดยตลาดคาดขยายตัว 3.0% y-y ชะลอตัวลงจาก 3.2% y-y ใน 4Q67 นอกจากนี้ คาดสภาพัฒน์จะปรับประมาณการเศรษฐกิจปี 68 ลง และ 2) การประชุมบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อพิจารณาโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งอาจมีการยกเลิกโครงการแจกเงิน 1 หมื่นบาท เฟส 3-4 และนำเอาเม็ดเงิน 1.57 แสนล้านบาท ไปใช้ในโครงการอื่นๆ เพื่อรองรับผลกระทบทางเศรษฐกิจมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ นอกจากนี้ ติดตามการเผยตัวเลขเศรษฐกิจจีนเช้านี้
ปัจจัยเพิ่มเติม
(+) ติดตามการประชุมบอร์ด BOI วันนี้ วาระสำคัญคือเสนอมาตรการใหม่รองรับและช่วยส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทย เพื่อลดผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ และการปรับปรุงมาตรการเก่าให้สอดรับปัจจุบัน
(+) ปธน.ทรัมป์ เผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่าต้องการไปพบปธน.สี พร้อมเสริมว่าความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯนั้นสำคัญ
(-) KResearch คาด NIM ของระบบแบงก์ไทยมีแนวโน้มชะลอลงต่อเนื่องใน 2Q68 มาอยู่ที่ 2.83% จาก 2.92% ใน 1Q68 และคาดว่า NIM ยังมีโอกาสลดลงต่อเนื่องไปอยู่ที่ระดับประมาณ 2.75% ในช่วง 2H68 ภายใต้สมมติฐานที่มองว่าอัตราดอกเบี้ยในประเทศอาจปรับลดลงอีก 1 ครั้ง
(-) KKP Research ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 68 เหลือ 1.7% จาก 2.3% ส่วนหนึ่งสะท้อนผลจากนโยบายการค้าสหรัฐฯต่อการส่งออก การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าโลก
ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน
ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ -นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ และทางเทคนิค #9501
ชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ, CISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค #37928
ภัทรดนัย จตุรพร นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน #094041
พศุตม์ โงวิวัฒน์ชัย, CISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน #127632
ฐนพงษ์ แซ่โล้ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ชนพัฒน์ สุวิยานนท์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์