สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(13 พฤษภาคม 2568)------ บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จํากัด (มหาชน)KCE ขอเรียนชี้แจงผลการดําเนินงานไตรมาส 1 ปี 2568 ของบริษัท และ บริษัทย่อย (กลุ่มบริษัท) ตามงบการเงินรวมสําหรับงวดสามเดือนสินสุดวันที 31 มีนาคม 2568 ทีผ่านการสอบทานแล้ว ปรากฏว่ากลุ่มบริษัทมีรายได้รวมจํานวน 3,425.9 ล้านบาท และมีกําไรสุทธิ 229.8 ล้านบาท เทียบกับ ไตรมาส 1 ในปี 2567 ทีมีรายได้รวมจํานวน 3,925.3 ล้านบาท และมีกําไรสุทธิ 515.4 ล้านบาท

รายได้รวมของกลุ่มบริษัทฯในไตรมาส 1/68 มีมูลค่า 3,425.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.1 เทียบกับไตรมาสก่อน หน้า แต่ลดลงร้อยละ 12.7 เมือเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้รวมของไตรมาส 1/68 นีประกอบด้วยรายได้จาก การขายสินค้า จํานวน 3,324.0 ล้านบาท และ รายได้อืนๆ จํานวน 101.9 ล้านบาท โดยรายได้อืนในไตรมาส 1/68 ลดลง จาก 118.0 ล้านบาทในไตรมาส 4/67และลดลงจาก 146.5 ล้านบาทในไตรมาส 1/67 เนืองจากผลกระทบจากความผัน ผวนของอัตราแลกเปลียนส่งผลทําให้การรับรู้กําไรจากอัตราแลกเปลียนลดลง 44.3 ล้านบาท เมือเทียบกับ ไตรมาสที 1/67 รายได้จากการขายสินค้า

กลุ่มบริษัทรายงานกําไรสุทธิรวมจํานวน 229.8 ล้านบาท สําหรับไตรมาส 1/68 ซึ่งลดลงอย่างมีนัยสําคัญเมือเปรียบเทียบ กับไตรมาสก่อนหน้าและช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปัจจัยหลักทีส่งผลให้กําไรลดลง ได้แก่ การรับรู้รายได้ทีลดลง อันเป็นผลมาจากการปรับลดราคาขาย การแข็งค่าของเงินบาทเมือเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ และคําสั่งซื้อจากลูกค้าหลักในกลุ่ม อุตสาหกรรมยานยนต์ทีชะลอตัว

โดยสรุป ผลประกอบการที่อ่อนตัวลงในไตรมาสนี้มีสาเหตุจากภาวะอุปสงค์ในตลาดโลกที่ลดลง และอัตราแลกเปลียนที่ไม่เอื้อต่อการดําเนินธุรกิจ ซึ่งส่งผลกระทบต่อรายได้ของกลุ่มบริษัทโดยตรง นอกจากนี้ การใช้กําลังการผลิตทีไม่เต็ม ประสิทธิภาพในไตรมาสนียังส่งผลกระทบต่ออัตรากําไรอีกด้วย ส่งผลให้กําไรต่อหุ้นขันพืนฐานในไตรมาส 1/68 อยู่ที 0.19 บาท กลุ่มบริษัทยังคงดําเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยติดตามภาวะเศรษฐกิจโลกและ แนวโน้มคําสั่งซื้อของลูกค้าอย่างใกล้ชิด พร้อมกันนี้ยังคงให้ความสําคัญกับการเพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุนและการ ปรับปรุงกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง

ด้านความคืบหน้าแผนการก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟืนตัวอย่างเต็มที่ ส่งผลให้โรงงานของบริษัทยังดําเนินการผลิตในระดับที่ไม่เต็มกําลัง โดยมีอัตราการใช้กําลังการผลิตเฉลียอยู่ทีประมาณ 70% บริษัทจึงได้พิจารณาเลื่อนแผนการก่อสร้างโรงงาน แห่งใหม่ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาออกไปจนถึงช่วงสินปี 2568 เพื่อประเมินแนวโน้มความต้องการของตลาดโลกในปี 2569 อย่างรอบคอบ ก่อนตัดสินใจดําเนินโครงการก่อสร้างในลําดับถัดไป ในระหว่างนี้ บริษัทได้ดําเนินการศึกษาและทดสอบเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเน้นด้านการปรับปรุง ประสิทธิภาพกระบวนการผลิตควบคู่ไปกับการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายด้านความยั่งยืน ขององค์กรในระยะยาว การใช้โรงงานทีมีอยู่ในปัจจุบันเป็นฐานในการพัฒนาและทดลองเทคโนโลยีใหม่นัน ถือเป็นแนวทางที่รอบคอบ และมีความมั่นคง ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความพร้อมและความแข็งแกร่งให้กับการดําเนินโครงการก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ ในอนาคต เมื่อสภาวะตลาดกลับมาเอื้ออํานวยอีกครั้ง ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการนี้และโอกาสในการขยายธุรกิจใน อนาคตจะมีการแจ้งให้ทราบในโอกาสต่อไป