News Feed

บล.คิงส์ฟอร์ด : บทวิเคราะห์ภาวะตลาดหุ้นรายวัน

13 พ.ค. 2568 09:11:20 82

Market Wrap-Up

SET วันที่ 9 พ.ค.68 ปิด +4.35 จุด อยู่ที่ 1,210.94 จุด มูลค่าการซื้อขาย 40,958 ลบ. สถาบันซื้อ 2,44 ลบ. รายย่อยซื้อ 1,270 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 63 ลบ. และต่างชาติขาย 1,451 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 5 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น ADVANC,PTT,SCB,KTB,CRC และยอดขายหุ้น BBL,,AOT,CPALL,IVL,CPAXT มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,213 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ KTC,JAPAN10001,HMPRO โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 1,103 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 45,635 สัญญา ต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 18,096 ลบ.
ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +2.81%, S&P500 +3.26%, Nasdaq +4.35% นำโดยกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย +5.6%, เทคโนโลยี +4.6% หลังสหรัฐ – จีนบรรลุข้อตกลงลดภาษีศุลกากรลง 115% เป็นเวลา 90 วัน ส่งผลให้ความกังวลต่อภาวะสงครามการค้าลดลง ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +1.21% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเครื่องกีฬา, โลจิสติกส์ และเหมืองแร่โลหะพื้นฐาน หลังสหรัฐ – จีนสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าชั่วคราวเป็นเวลา 90 วัน

Market View

DJIA -0.1%, S&P500 -0.5%,Nasdaq -0.3% WoW ระหว่างรอผลการเจรจาการค้าสหรัฐ - จีน ขณะที่สหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากับอังกฤษ โดยอังกฤษจะจะปรับลดภาษีศุลกากรจากเดิม 1% ลงอยู่ที่ 1.8% และเปิดตลาดให้กับสินค้าสหรัฐเพิ่มมากขึ้น ขณะที่สหรัฐยังเก็บภาษีศุลกากรพื้นฐานที่ 10% แต่ยกเว้นภาษีนำเข้าเหล็ก & อะลูมิเนียมที่ 25% ส่วนดัชนีหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับขึ้น รับข่าวสหรัฐ – จีนปรับลดภาษีศุลกากรระหว่างกันลง 115% เป็นเวลา 90 วัน ส่งผลให้ภาษีสินค้าสหรัฐลดลงอยู่ที่ 10% และภาษีสินค้าจีนลดลงอยู่ที่ 30% ขณะที่ ปธน.ทรัมป์ได้ออกคำสั่งฝ่ายบริหารปรับลดราคายาในสหรัฐลง โดยใช้นโยบาย Most Favored Nation ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวันนี้ติดตาม US CPI เม.ย. คาดทรงตัวที่ 2.4% YoY, วันพฤหัส ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, US PPI & ยอดค้าปลีก เม.ย. และถ้อยแถลงของ ปธ.เฟด, วันศุกร์ ม.มิชิแกนรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ พ.ค.
Stoxx 600 +0.2% WoW ตอบรับข่าวสหรัฐ & อังกฤษสามารถบรรลุข้อตกการค้า กอปรกลางอังกฤษมีมติ 7 – 2 เสียง ลดดอกเบี้ย 25% อยู่ที่ 4.25% ขณะที่ดัชนีหุ้นยุโรปวานนี้ +1.21% รับข่าวสหรัฐ – จีนบรรลุข้อตกลงการค้าชั่วคราวเป็นเวลา 90 วัน ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสัปดาห์นี้ติดตาม CPI เยอรมัน, ฝรั่งเศส เม.ย., Eurozone & UK GDP Q1/68 รวมถึงการเจรจาระหว่าง ปธน.ปูติน & เซเลนสกี้ ที่ตุรกีในวันพฤหัสนี้
MSCI Asia Pacific X Japan +0.6% WoW ได้ปัจจัยหนุนจาก ธ.กลางจีนปรับลดอัตรา RRR ของสถาบันการเงินลง 5% และลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.10% โดยนักลงทุนยังรอผลการเจรจาการค้าสหรัฐ – จีน ขณะที่วานนี้ ดัชนีนิเกอิ +0.38%, ดัชนีเซี่ยงไฮ้ +0.82%, ฮั่งเส็ง +2.98% รับข่าวสหรัฐ – จีนบรรลุข้อตกลงการค้าชั่วคราวเป็นเวลา 90 วัน สัปดาห์นี้วันศุกร์ติดตาม GDP ญี่ปุ่น Q1/68 คาด -0.2% & Q4/67 +2.2% YoY
SET +1.0% WoW ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย/วัน 5 หมื่น ลบ. +10.7% WoW สถาบันซื้อ 3,978 ลบ. ต่างชาติซื้อ 916 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 325 ลบ. และรายย่อยขาย 4,572 ลบ. WoW โดยดัชนีได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่ม China Play เช่น ปิโตรเคมี +7.8%, บรรจุภัณฑ์ +5.3%, วัสดุก่อสร้าง +3.2% และอิเล็กทรอนิกส์ +2.9% WoW หลังจีนออก ม.กระตุ้นเศรษฐกิจด้วยปรับลดอัตรา RRR ของสถาบันการเงินลง 0.5% และลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.1% เพื่อเสริมสภาพคล่อง และลดผลกระทบจาก ม.ภาษีของสหรัฐ กอปรกับนักลงทุนคาดหวังเชิงบวกต่อผลการเจรจาการค้าสหรัฐ – จีน ขณะที่กลุ่มที่ปรับลดลง เช่น ท่องเที่ยว, ค้าปลีก สาเหตุมาจากแนวโน้มกำลังซื้อของผู้บริโภคในประเทศที่เริ่มชะลอตัว และจำนวนนักท่องเที่ยวจีนปีนี้อาจเที่ยวไทยน้อยกว่าที่คาดไว้ ส่วนรายงานกำไร บจ. Q1/68 ที่ดีกว่าคาดการณ์ เช่น ADVANC,TRUE,WHA,TOP,GULF,GPSC,SCC เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยหนุนดัชนี SET โดย บจ. 173 แห่งมีกำไร Q1/68 ดีกว่า BB.Consensus คาดไว้ +1.1%

Daily Strategy

ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,210 แนวต้าน 1,230 – 1,235 คาดดัชนีมีโอกาสปรับขึ้นรับข่าวบวก หลังสหรัฐ – จีนบรรลุข้อตกลงการค้าชั่วคราวเป็นเวลา 90 วัน ดังนั้นจึงแนะนำเก็งกำไรกลุ่ม China Play เช่น SCC,SCGP,PTTGC,IVL,TOP,BCP,KCE,HANA,GULF,GSPC
SCC* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 159.00 บาท) บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 1Q68 ที่ 1 พันล้านบาท ฟื้นตัว QoQ และดีกว่าคาด หนุนจากการทยอยฟื้นตัวของธุรกิจ Packaging และ CBM โดยธุรกิจ CBM มีแรงขับเคลื่อนจากราคาปูนซีเมนต์ในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น แนวโน้ม 2Q68 คาดผลประกอบการฟื้นตัวขึ้นต่อจากปรับขึ้นราคาขายด้วยการลดส่วนลดทางการตลาดและได้ประโยชน์จากต้นทุนพลังงานที่ลดลง ขณะที่อัตรากำไรของธุรกิจปิโตรเคมีดีขึ้นจากต้นทุน naphtha ที่ลดลงตามราคาน้ำมัน รวมถึง SCGP ที่ทยอยฟื้นตัว มีการบันทึกรายได้เงินปันผลตามฤดูกาล และกำไรพิเศษจากการเข้าซื้อกิจการในสิงคโปร์ ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 68 ที่ 7.9 พันล้านบาท +25%YoY ส่วนระยะสั้นมีปัจจัยหนุนด้วย sentiment ของการเจรจาการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ
OKJ* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 183 บาท ) แนวโน้มการดำเนินงานยังมีแรงหนุนจากแบรนด์ที่แข็งแกร่ง และมีการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ๆตามกระแสนิยม โดยล่าสุด เปิดร้านไก่ทอด Joe Wings ด้าน OKJ* เอง ปีนี้ ตั้งเป้าผลักดันรายได้เติบโต 20-30% ส่วนแผนงานปี67-71 ต้องการรักษาทิศทางรายได้ไม่ต่ำกว่าปี64-66 ที่เติบโตเฉลี่ย 40% และจะขยายสาขาทั้ง 3 แบรนด์หลัก คือ แบรนด์โอ้กะจู๋ เป็น 67 สาขา+ร้าน Deliver & Kiosk รวม 37 สาขา/ แบรนด์ Ohkajhu Wrap & Roll เป็น 20 สาขา/ แบรนด์ Oh Juice เป็น 70 สาขา ปัจจุบัน ตลาดคาดว่าในปี68และ69 กำไรสุทธิของ OKJ* จะอยู่ที่ระดับ 288 ลบ.(+43%YoY) และ 361 ลบ.(+25%YoY)

Daily Key Factors

Oil Update(+) WTI มิ.ย. +$0.93 อยู่ที่ $61.95 / บาร์เรล, Brent ก.ค. +$1.05 อยู่ที่ $64.96/บาร์เรล หลังสหรัฐสามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากับจีนเป็นเวลาชั่วคราว 90 วัน ส่งผลให้ปัจจัยสงครามการค้ายืดเยื้อลดลง ส่วนค่ำวันนี้ติดตาม API จะรายงานสต็อคน้ำมันสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมา

Gold Update(-) Comex Gold มิ.ย.-$116.0 อยู่ที่ $3,228 /ออนซ์ หลังสหรัฐ – จีนสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าชั่วคราวเป็นเวลา 90 วัน ส่งผลให้นักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย กอปรกับ Dollar Index แข็งค่า +1.45% อยู่ที่ 101.788

Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -143.01 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -91.66 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโด ฯ -51.02 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -0.33 ล.ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 33.41 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.453 %

(+) ดัชนี BDI วานนี้ +5 จุด อยู่ที่ 1,304

(-) BitCoin เช้านี้ -2.19% อยู่ที่ 102,303 ดอลลาร์สหรัฐ

Economic Calendar

ในประเทศ

14 พ.ค. รายงานผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ฉบับย่อ

19 พ.ค. สภาพัฒน์ แถลง GDP ไตรมาส 1/68

สัปดาห์ที3 ม.หอการค้าไทย แถลงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค, ดัชนีความเชื่อมั่น

หอการค้าไทย

ส.อ.ท. แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม

สัปดาห์ที4 กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ

ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วน

ยานยนต์

ต่างประเทศ

13 พ.ค. US ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)(เม.ย.)

14 พ.ค. USสินค้าคงคลังน้ำมันดิบ

15 พ.ค. US ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) (เม.ย.)

US ดัชนียอดขายปลีก (เม.ย.)

US ดัชนีภาคการผลิตจากธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟีย ( พ.ค.)

US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก

Theme Strategy

Theme หุ้นที่มีปัจจัยบวกตามกระแส Megatend, ทิศทางดอกเบี้ยเริ่มเข้าสู่ขาลง, และ/หรือ สามารถรับจากความเสี่ยง Trade War ได้

(1) กลุ่มการเงิน Leasing รับแนวโน้มทิศทางดอกเบี้ยในประเทศลดลง NCAP*, S11*, SINGER* ,SGC* ,THANI*

(2) กลุ่มสื่อสาร โรงไฟฟ้า หุ้น defensive ได้ประโยชน์จาก Bond yield ที่ปรับลดลง ธุรกิจหลักมีการเติบโตสอดคล้องเศรษฐกิจใหม่ ADVANC ,TRUE ,GULF*, GPSC*, BCPG

(3) กลุ่มเกษตรได้ประโยชน์จากราคาสุกรในประเทศที่อยู่ในระดับสูง ขณะที่การส่งออกไก่ไปต่างประเทศยังทำได้ดี CPF, BTG* ,TFG* ,FM* ,GFPT

(4) กลุ่ม China Play คาดความดึงเครียดทางการค้าผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว แม้ยังมีความผันผวนแต่หุ้นที่เกี่ยวข้องมี valuation ที่ปรับตัวลงมาต่ำมากแล้ว น่ากลับไปหาจังหวะเก็งกำไร SCC* ,SCGP* ,PTTGC

(5) กล่มสินค้า IT ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี ADVICE* ,COM7* SYNEX*,SIS*

(6) สินค้าจำเป็นและการบริโภคในชีวิตประจำวันที sensitive น้อยต่อกำลังซื้อในประเทศชะลอตัว เช่น CPALL , MALEE*, BJC ,OKJ*, NSL*

**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย

Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%

Today Fundamental Research: -

Monthly Portfolio May 2025: KLINIQ, TASCO*, TFG*, OKJ*, NSL*

Analysts

Apichai Raomanachai

Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939

Tel 02-829-6999 Ext 2200

Email : apichai.ra@kfsec.co.th

Nopporn Chaykaew