สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(8 พฤษภาคม 2568)--------บทวิเคราะห์ บล.พาย เปิดเผยว่า ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 284 จุด (+0.7%) ได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นในกลุ่มชิปช่วงท้ายตลาดหลังมีรายงานว่าทรัมป์มีแผนจะยกเลิกการควบคุมส่งออก AI ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 1.6% หลังมีสัญญาณถึงความคืบหน้าในการเจรจานิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯกับอิหร่าน
เมื่อคืนที่ผ่านมามิได้มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญจากฝั่งสหรัฐฯแต่มีผลประชุม FED พบว่ามีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ ถ้อยแถลงภายในของประธาน FED ระบุว่ามีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่เพิ่มสูงขึ้นและเผยเพิ่มเติมว่า FED กำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนจากมาตรการภาษีของ Trump และเศรษฐกิจแบ่งเป็น 2 ขั้วได้แก่ตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งแต่สวนทางกับ GDP ที่อ่อนแอ (ไตรมาสล่าสุด) โดยประธาน FED ปฎิเสธการลดดอกเบี้ยล่วงหน้าหรือมิสามารถคาดการณ์ได้เพราะจำเป็นต้องเห็นข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อประเมินแนวทางที่เหมาะสม ส่วนความเห็นเกี่ยวกับการเจรจาการค้าต่อนโยบายการเงินระบุไว้ว่าการเจรจากำลังเข้าสู่ช่วงพูดคุย ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้อย่างมากหรือไม่เปลี่ยนก็เป็นไปได้ แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากเจรจานั้นสำคัญมากพร้อมยอมรับว่าภาษีที่ Trump ประกาศขึ้นนั้นสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ในแบบจำลองค่อนข้างมากและยืนยันว่าธนาคารกลางมีอิสระในการดำเนินงาน การเรียกร้องให้ลดดอกเบี้ยจาก Trump จึงไม่มีผลกระทบใดๆต่อการตัดสินใจของ FED เพราะ FED จะเน้นย้ำด้วยข้อมูลเศรษฐกิจเท่านั้น โดยยอมรับมาตรการภาษีนำเข้าอาจทำให้ดอกเบี้ยต้องอยู่ระดับสูงนานกว่าคาดและการบรรลุเป้าหมายทั้งตลาดแรงงานและเสถียรภาพของราคาอาจล่าช้า ซึ่งปัญหามากกว่านั้นคือทาง FED เองก็ยังไม่ทราบแน่ชัดเพราะข้างหน้ามีความไม่แน่นอนสูง
โดยสรุปแล้ว FED กำลังเผชิญการดำเนินนโยบายที่ยากมากขึ้นและจะไม่เร่งร้อนลดดอกเบี้ยจากความเสี่ยงภาษีที่สูงประกอบกับจะเน้นพิจารณาจากข้อมูลเป็นหลัก ภายหลังจากทราบผลอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯปรับลง ราคาทองคำเช้านี้เริ่มฟื้นตัว (อาจเป็นเพราะความไม่แน่นอนที่รออยู่ในข้างหน้า) โดยรวมมองเป็นบวกเล็กน้อยต่อตลาดหุ้นจากถ้อยแถลงที่ไม่ถึงกับแสดงความกังวลมากนักทั้งในเรื่องของเงินเฟ้อและเศรษฐกิจ
คืนนี้รอติดตามผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน Bloomberg Consensus คาดการณ์ที่ 2.3 แสนราย (หากมากกว่าคาดการณ์มองเป็นบวก)
ด้านปัจจัยในประเทศวานนี้การประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ปรับลดเศรษฐกิจไทยเหลือขยายตัว 2.1% จากเดิมที่ 2.7% แรงกดดันหลักจากภาษีสหรัฐฯ แต่หากถูกเก็บภาษีนำเข้าถึง 36% เศรษฐกิจไทยอาจขยายตัวได้เพียง 1.1%
บทวิเคราะห์ระบุว่า วันนี้ประเมิน SET เคลื่อนไหว 1210 – 1235 จุด ทั้งนี้ ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนดัชนีฟื้นขึ้นมาจากจุดต่ำสุด 13% น่าจะสะท้อนปัจจัยหนุนด้านการเจรจาการค้าไปพอสมควรอแล้ว แต่มองไปข้างหน้าเศรษฐกิจโลกยังมีความเสี่ยงและยังไม่เชื่อว่าเจรจรการค้าจะจบลงด้วยดี (ยืดเยื้อ) จึงแนะทยอยทำกำไร เพิ่มการถือครองเงินสดและรอจังหวะซื้อกลับช่วงตลาดปรับฐาน แต่อย่างไรก็ตามนักลงทุนระยะสั้นที่รับความเสี่ยงได้อาจเก็งกำไรระยะสั้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK KTB SCB) ปัจจัยหนุน FED อาจมิเร่งลดดอกเบี้ย