AT THE OPEN (#ATO)
SET Index ย่อแล้วดีด
กลยุทธ์เลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ
Market Strategy
SET Index คาดแกว่งผันผวนย่อแล้วดีดตามกรอบ 1160-1180 จุด มี Sentiment ลบจากมูดี้ส์ปรับลด Outlook ของไทยเป็น Negative แต่หาก กนง.ปรับลดดอกเบี้ยฯ เชื่อว่าจะเห็นรีบาวน์กลับ หุ้นเด่น CPALL MTC
วานนี้มูดี้ส์ลด Outlook ของไทยจาก Stable เป็น Negative แต่ยังคงอันดับ Credit Rating ทีระดับ Baa1 โดยการปรับลด Outlook เป็น Negative เนื่องจากแนวโน้มการเติบโตเศรษฐกิจลดลง เนื่องจากถูกผลกระทบของภาษีสหรัฐฯ และสถานะการคลังของไทยที่มีความเสี่ยงที่อ่อนแอลง เราเชื่อว่าระยะสั้นนักลงทุนจะกังวลต่อการปรับลด Credit Rating บ้านเราในอนาคต แต่จากการศึกษารูปแบบในอดีตช่วงที่มูดี้ส์ปรับลด Outlook เป็น Negative 2 ครั้งช่วงปี 2540
(ปีต้มยำกุ้ง) และ2551 (ปี Subprime และความขัดแย้งการเมืองในประเทศ) ซึ่งพบว่าปี 2551 ไม่ได้ถูกปรับลด Credit Rating ตามมา โดยจุดที่แตกต่างจากรอบต้มยำกุ้งคือ เกินดุลบัญชีเดินสะพัด ทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นและหนี้สาธารณะต่อ GDP ไม่ได้เร่งตัวอย่างมีนัยส่วนปีนี้ทุนสำรองระหว่างประเทศและดุลบัญชีเดินสะพัดยังเป็นบวก แต่ยังต้องติดตามสัญญาณอย่างใกล้ชิด หลังจากกำแพงภาษีสหรัฐฯ เริ่มมีผล สำหรับผลต่อตลาดหุ้น SET Index มักจะพักตัวเฉลี่ย 0.3% ในช่วงสัปดาห์แรกก่อนที่จะรีบาวน์ สาเหตุที่ปรับลงจำกัดเพราะตลาดหุ้นได้ปรับลงจากช่วง ก่อนหน้าไปมาก
การประชุม กนง.ในวันนี้เราคาดว่าจะลดดอกเบี้ยฯ 0.25% มาที่ 1.75% เนื่องจากความเสี่ยงของเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นจากภาษีสหรัฐฯ (สอดคล้องไปกับ Bloomberg Consensus) หากการลดดอกเบี้ยฯ เกิดขึ้นจริง น่าจะเห็นแรงเก็งกำไรกับหุ้นที่ได้ประโยชน์ดอกเบี้ยฯ ขาลง เช่น กลุ่มไฟแนนซ์จากต้นทุนทางการเงินที่ต่ำลง แต่ดอกเบี้ยฯ รับคงที่ ดีต่อ Spread โดยเราชอบ MTC SAWAD กลุ่มภาระหนี้สูงที่ทำให้ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยฯ ลดลงชอบ TRUE และหุ้น High Dividend Yield ตอนนี้ชอบ ADVANC 3BBIF DIF เป็นต้น
Market Summary
SET Index ปรับขึ้น 11.59 จุด กลุ่มที่ปรับขึ้นเด่นยังนำโดย อิเล็คทรอนิกส์ DELTA +5.7% แรงเก็งซื้อหุ้นที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยฯ ขาลง กลุ่มไฟแนนซ์ MTC +4% SAWAD +1.6% กลุ่มโรงไฟฟ้า GPSC +3.3% GULF +3.3% กลุ่มโรงกลั่นตามค่าการกลั่นที่ปรับขึ้นหนุน BCP +1.5% TOP +3.2% ส่วนกลุ่มที่ Underperform กลุ่มรับเหมาฯ CK -6.5% กลุ่มค้าปลีก DOHOME -2.8% GLOBAL -5.6% หลัง SSSG เดือน เม.ย. ฟื้นช้า กลุ่มอาหารสัตว์ ITC -2.3% ที่งบ 1Q68 ออกมาแย่กว่าจากประสิทธิภาพทำกำไรที่แย่ลง นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 597 ล้านบาทท สถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 113 ล้านบาท
DAILY Stock Pick
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 68.00 บาท
CPALL
เราคาดกำไร CPALL งวด 1Q68 ที่ 7 พันล้านบาท (+10%YoY,-4%QoQ) โตจาก SSSG +3%YoY แม้ว่าจะมีแรงกดดันจากอากาศหนาวและฝนตกบางช่วง ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวขึ้นหลัง Product mix มีสัดส่วนสินค้า high margin มากขึ้น
เราคาด CPALL มีกำไรเติบโตปี 68/69 ที่ 11.9%YoY/10.2%YoY ตามลำดับ หนุนจาก SSSG ที่ปรับตัวขึ้นและเพิ่มสัดส่วนของสินค้า high margin มากขึ้น อีกทั้งจำนวนสาขาเปิดเพิ่มอีก 700 สาขา ณ ราคาปัจจุบัน ซื้อขาย PE68 ที่ 16 เท่า (-1.5SD ของค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี) คิดเป็นอัตราเงินปันผลที่ 3%
KEY FACTOR
Moody’s ปรับแนวโน้ม (outlook) เครดิตประเทศไทยจาก stable เป็น Negative จากความเสี่ยงที่เศรษฐกิจและฐานะการคลังอาจอ่อนแอลง โดยเฉพาะจากผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลต่อไทยที่พึ่งพาการส่งออกสูงและอาจโดนผลกระทบทางอ้อมจากห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาค นอกจากนี้ยังมีความไม่แน่นอนว่าหลังช่วงพัก 90 วัน อย่างไรก็ดี Moody’s ยังคงอันดับ Baa1 โดยให้น้ำหนักต่อนโยบายการเงินและการคลังที่แข็งแกร่ง หนี้สาธารณะอยู่ในประเทศ และมีทุนสำรองสูง
ปัจจัยภายในประเทศวันนี้ ติดตามการประชุม กนง. มุมมอง Consensus ล่าสุด ให้น้ำหนักลดดอกเบี้ย 0.25% จากระดับ 2.00% สู่ 1.75% เพื่อพยุงเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ท่ามกลางเงินเฟ้อต่ำและความเสี่ยงจากภายนอก
EYES ON
30 เม.ย. : การประชุม กนง., GDP 1Q68 ของ สหรัฐฯ และ Eurozone, การจ้างงานเอกชน ADP ของสหรัฐฯ
2 พ.ค. : เงินเฟ้อ Eurozone, การจ้างงานนอกภาคเกษตร และ อัตราการว่างงานสหรัฐฯ
นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ, ออมทรัพย์ โง้วศิริ