Equality for All
SCGP : บมจ.เอสซีจี แพคเกจจิ้ง
1Q25 พลิกมากำไร 900 ลบ. จากขาดทุน -57 ลบ. ใน 4Q24 ตามปริมาณขายเพิ่มขึ้น และต้นทุนลดลง : การดำเนินงานพลิกมามีกำไรหลังปริมาณขายเพิ่มและต้นทุนวัตถุดิบ พลังงาน และค่าขนส่งลดลง และการดำเนินงานของ Fajar ดีขึ้น แบ่งตามส่วนงานดังนี้
กลุ่มบรรจุภัณฑ์ครบวงจร (Integrated Packaging Business : IPB) หากเทียบ y-y รายได้ลดลงจากราคาและปริมาณขายกระดาษบรรจุภัณฑ์ลดลง แต่หาก q-q ยอดขายทรงตัว กลุ่ม Polymer ได้รับผลจากเทศกาลเต็ดในเวียดนาม ขณะที่สินค้ากลุ่มอาหาร , เครื่องดื่ม และอื่น ๆ ปริมาณขายเพิ่ม ส่วนกลุ่มบรรจุภัณฑ์จากเยื่อกระดาษลดลงจากการปรับราคาทำได้จำกัด และกลุ่มสินค้าคงทนชะลอตัว ส่วนอุปสงค์สินค้าจำเป็นยังคงที่ และในส่วนปริมาณขายกระดาษบรรจุภัณฑ์ปรับขึ้นจากตลาดในประเทศ และตลาดส่งออกในภูมิภาค และการใช้อัตรากำลังการผลิตเพิ่มขึ้น และราคาขายยังคงที่ ขณะที่ EBITDA margin ดีขึ้นเป็น 14% จาก 12% ใน 4Q24 จากปริมาณขายกระดาษบรรจุภัณฑ์เพิ่มและต้นทุนลดลงทั้งกระดาษรีไซเคิล (RCP) ต้นทุนพลังงานและค่าขนส่ง
กลุ่มเยื่อและกระดาษ (Fibrous Business :FB) รายได้ลดลง -1% y-y จากปริมาณและราคาขายลดลง แต่เทียบ q-q เพิ่มขึ้น +18% จากปริมาณขายของบรรจุภัณฑ์อาหารจากภาคการท่องเที่ยวและร้านอาหารเพิ่มขึ้น ขณะที่ EBITDA margin เพิ่มเป็น 11.0% จาก 9.0% ตามรายได้เพิ่ม และไม่มีการปิดซ่อมอย่างเช่นไตรมาสก่อนหน้า
Fajar การดำเนินงานดีขึ้น q-q จากต้นทุนลดลง แต่ปริมาณขายหดตัว q-q จากการส่งออกลดลงโดยตรงของ SCGP ไปสหรัฐมีเพียง 4% แต่อาจได้รับผลจากการแข่งขันจากสินค้าจีนมากขึ้นในตลาดเอเชียหลังจีนเร่งส่งออกเพื่อลดผลกระทบจากสงครามการค้าซึ่งอาจส่งผลต่อการแข่งขันด้านราคาในภูมิภาค บ.จึงเน้นกระจายตลาดส่งออกใหม่ไปยังดินเดีย, อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และอื่น ๆ เพื่อกระจายความเสี่ยง และศึกษาการย้ายฐานการผลิตไปสหรัฐเพื่อลดผลกระทบด้านมาตรการภาษี
แนวโน้ม 2Q25 คาดดีขึ้น q-q : ผบห. แจ้งแนวโน้มการดำเนินงาน 2Q25 ยังดีต่อเนื่องจากกลุ่มบรรจุภัณฑ์ในปท. และการส่งออกยังดีต่อเนื่อง ขณะที่ต้นทุนการผลิตคาดยังปรับขึ้นไม่มาก ประกอบกับ Fajar การดำเนินงานดีขึ้นเช่นกัน และการชะลอการขึ้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐจะช่วยให้การขายยังดีต่อ แต่บ. มีแผนในการขยายตลาดใหม่ ๆ และการออกสินค้าใหม่ ๆ โดยเฉพาะสินค้าที่บ. มีความได้เปรียบกว่าจีน
ฟื้นตัวต่อ upside ยังเหลือ
“จากการดำเนินงาน 1Q25 ออกมาดีกว่าคาด ขณะที่ช่วงที่เหลือของปียังมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบลดลง ขณะที่การขึ้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐคาดผลกระทบจำกัด และ SGCP ยังเน้นขยายตลาดใหม่ ๆ เพื่อลดผลกระทบดังกล่าว ส่วน Fajar คาด EBITDA จะถึงจุดคุ้มทุนใน 2Q25 นี้
การเลื่อนมาตรการดังกล่าวออกไปอีก 90 วันทำให้ตลาดคลายกังวลต่อประเด็นดังกล่าวและหันมาให้ความสำคัญต่อการดำเนินงานที่กลับมาฟื้นตัว ประกอบกับราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายบน P/B เพียง 0.48 เท่า และ upside จาก Bloomberg consensus ยังเหลือพอ ทำให้สามารถเก็งกำไรต่อได้ ”
นารี อภิเศวตกานต์ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน #17971 naree.a@liberator.co.th