AT THE OPEN (#ATO)

SET Index ยังอยู่ในช่วงฟื้นตัว
กลยุทธ์เลือกหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ
Market Strategy

SET Index อยู่ในช่วงฟื้ นตามกรอบ 1145-1160 จุดความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนที่ลดลงยังเป็นแรงหนุน แต่อาจถูกจำกัดการขึ้นจากกลุ่มพลังงานที่ราคาน้ำมันดิบปรับลง หุ้นเด่นวันนี้เลือก CCET และ WHAตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ยังปรับข้ึน 1.1%-2.5% จากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ลดลง จากคุณทรัมป์พร้อมใช้แนวทางเจรจาการค้ากับจีนเพื่อลดความขัดแย้ง ขณะที่ รมว.คลังสหรัฐฯเผยทั้งสองประเทศมีโอกาสทำข้อตกลงกันได้ สภาพแวดล้อมข้างต้นมองเป็นบวกต่อตลาดหุ้นไทย โดยหุ้นที่ยังฟื้นตัวช้าเทียบกับวันที่ 2เม.ย. ที่สหรัฐฯ ประกาศภาษีตอบโต้ คาดยังอยู่ในโหมดฟื้นกลับ เช่น AMATA WHA CCETน้ามันดิบ Brent ปรับลงกว่า -2% แรงกดดันมาจากกระแสข่าวกลุ่ม OPEC+ กำลังพิจารณาเพิ่มกำลังการผลิตในเดือน มิ.ย. 68 ซึ่งความชัดเจนต้องติดตามการประชุม OPEC+ ในวันที่ 5 พ.ค. ต่อไป ระหว่างระยะเวลารอคอยน่าจะทำให้ราคาน้ำมันดิบผันผวน สำหรับผลระยะสั้นเป็น Sentiment ลบต่อกลุ่มพลังงานและโรงกลั่นในวนั นี้ประเด็นในประเทศวานนี้ รมว.คลัง เผยกำลังพิจารณาโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจเม็ดเงิน 5 แสนล้านบาท เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะถูกผลกระทบจากภาษีสหรัฐฯ โดยเน้นกระตุ้นภาคบริโภค การลงทุนและซอฟต์โลน ขณะที่แหล่งที่มาเงินยังไม่ได้ข้อสรุปทั้งนี้หากแหล่งที่มาของเงินมาจากการกู้ 100% เราประเมินว่าจะส่งผลต่อหนี้สาธารณะต่อ GDP เพิ่มขึ้น 3% เป็น 67% ซึ่งยังต่ากว่าเพดานหนี้ที่ 70% แต่อย่างไรก็ตามจะทำให้ความสามารถในการออกมาตรการทางการคลังในระยะอนาคตจะทำได้จำกัดมากขึ้น (ยกเว้นมีการขยายเพดานขึ้นไป) ส่วนประเด็นอื่นๆ วันนี้ติดตามการรายงานยอดส่งออกไทยเดือน มี.ค. ซึ่งตลาดคาดขยายตัวไม่ต่ากว่า 10%YoY ซึ่งคาดว่าสินค้ากลุ่ม HDD และไก่สดแช่แข็ง/แปรรูป มีโอกาสที่จะขยายตัวดีหากเกิดขึ้นเป็นบวก CCET GFPT

Market Summary
SET Index ปรับขึ้น 9.7 จุด แรงหนุนหลักมาจาก DELTA +10% หนุนดัชนีไป 7.3 จุด หลังจากแนวโน้มการตอบโต้ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนลดลง ส่วนกลุ่มอื่นๆ ที่ปรับขึ้นเด่นกลุ่มไฟแนนซ์+1% หลังความหวังต่อนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายหลัง IMF ปรับลด GDP บ้านเรามาที่ 1.8% กลุ่มเกษตรฯ จาก GFPT +1% จากแนวโน้มงบ 1Q68 คาดเติบโตได้ทั้งQoQ และ YoY กลุ่ม Underperform คือกลุ่มโรงพยาบาล -1.2% ในฐานะ Defensive ที่ความน่าสนใจจะลดลงยามตลาดฟื้น กลุ่มโรงแรม -0.3% หลังตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติช่วง 14-20 เม.ย. หดตัว -16%WoW

DAILY Stock Pick
CCET
เก็งกำไรตัวเลขส่งออก วันนี้
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์9.20 บาท
CCET รายงานตัวเลขยอดขาย ประจำเดือน มี.ค 68 ที่ 1.13 หมื่นล้านบาท (+11%YoY,+2.7%QoQ) หากรวมเป็น ตัวเลขยอดขายงวด 1Q68 ที่ 3.47 หมื่นล้านบาท (+15.8%YoY,-14.8%QoQ) โดยวันนี้ เวลา 10.00 น. มีการรายงานตัวเลขส่งออกกระทรวงพาณิชย์Bloomberg Consensus คาด +12.8% หากมากกว่าคาด เป็นปัจจัยหนุนกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์

เราคาด แนวโน้มการเติบโตของยอดขายแข็งแกร่ง จาก HDDs/SSDs รับรองการเติบโตของAI และ Data Center รวมถึงลูกค้าใหม่ เราคาดการณ์กำไรปกติปี 68/69 เติบโต8%YoY/32%YoY ณ ราคาปัจจุบัน ถูกซื้อขาย PE68 ที่ 15.9 เท่า (-0.3SD ของค่าเฉลี่ย5 ปีย้อนหลัง) พร้อมกับอัตราเงินปันผล 68/69 ที่ 3.8%/5% ตามลำดับ

KEY FACTOR
ทรัมป์ส่งสัญญาณกลับลำและมีท่าทีทางการเมืองที่อ่อนลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยประกาศว่าไม่มีความตั้งใจจะปลดประธาน Fed แต่ยังกดดันให้ปรับลดดอกเบี้ย ขณะเดียวกันยังประกาศ อาจปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าจีน ส่งผลให้ตลาดหุ้นเอเชียกลับมามี sentiment เชิงบวก อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงเชิงโครงสร้างยังอยู่ นอกจากนี้มีประเด็นการเมืองที่สร้างความไม่แน่แนอน (แต่อาจเป็น upside risk) โดยศาลการค้าสหรัฐฯ เตรียมพิจารณาว่าการตั้งกำแพงภาษี
ของทรัมป์เกินขอบเขตอำนาจและขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่โดยในทางปฏิบัติศาลมีอำนาจสั่งระงับชั่วคราวการเก็บภาษีจนกว่าจะตัดสิน (แต่โอกาสอาจจะเกิดขึ้นได้ยาก)นอกจากนี้ในวันนี้ติดตามการรายงานตัวเลขส่งออกของไทยเดือน มี.ค. ซึ่ง Consensus คาดยังขยายตัวได้โดดเด่น+12.8% YoY อย่างไรก็ตามตัวเลขดังกล่าวส่วนหน่ึงเป็นผลมาจากการเร่งส่งออกก่อนกำแพงภาษีสหรัฐฯ

EYES ON
4 เม.ย. : รายงานตัวเลขส่งออก
ของไทย เดือน มี.ค.

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ, ออมทรัพย์ โง้วศิริ