Market Wrap-Up
- SET วันที่ 23 เม.ย.68 ปิด +9.72 จุด อยู่ที่ 1,153.77 จุด มูลค่าการซื้อขาย 38,224 ลบ.สถาบันซื้อ 2,321 ลบ. รายย่อยซื้อ 668 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 140 ลบ. และต่างชาติขาย 2,850 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 2,599 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น AOT,PTT,TFG,MOSHI,IVL และยอดขายหุ้น KTB,PTTEP,DELTA,TISCO,CPF มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,896 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ TTB,SCC,MTC โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Short ใน Index Futures จำนวน 8,559 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 47,859 สัญญา และต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 13,340 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA +1.07%, S&P500 +1.67%, Nasdaq +2.50% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี +2.92%, สินค้าฟุ่มเฟือย +2.76% หลัง ปธน.ทรัมป์ส่งสัญญาณคลี่คลายข้อพิพาทการค้าสหรัฐ – จีน หลังสหรัฐเรียกภาษีศุลกากรสินค้าจีนที่อัตรา 145% คาดจะมีการปรับลดลง ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +1.78% ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี +3.9%, ทรัพยากรพื้นฐาน +3.3% และธนาคาร +3.8%
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับขึ้นต่อเนื่อง หลัง ปธน.ทรัมป์ และ รมว.คลังสหรัฐ สก็อตต์ เบสเซนต์ ให้ความเห็นต่อข้อขัดแย้งทางการค้าสหรัฐ – จีน จะคลี่คลายในไม่ช้า โดยมีโอกาสปรับลดการเก็บภาษีศุลกากรสินค้าลงจากอัตรา 145% ลงไปที่ 50 - 65 % และสหรัฐไม่ต้องการแบ่งแยกเศรษฐกิจสหรัฐ ออกจากเศรษฐกิจจีน (Decoupling) ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวานนี้ PMI รวมภาคผลิต & บริการสหรัฐ เบื้องต้น เม.ย.ลดลงอยู่ที่ 51.2 & มี.ค. 53.5 ต่ำสุดในรอบ 16 เดือน แต่ยังอยู่ในโซนขยายตัว และยอดขายบ้านใหม่สหรัฐ มี.ค. +7.4% อยู่ที่ 724,000 ยูนิต สูงกว่าคาดที่ 680,000 ยูนิต สูงสุดนับตั้งแต่ ก.ย.67
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ได้แรงหนุนจากกลุ่มเทคโนโลยี +3.9% นำโดย SAP บริษัทซอฟท์แวร์ของเยอรมัน +10.6% หลังรายงานกำไร Q1/68 ดีกว่าคาด ขณะที่กลุ่มทรัพยากรพื้นฐาน +3.3% ปรับขึ้นตามราคาทองแดง & โลหะพื้นฐาน และกลุ่มธนาคาร +3.8% หลังภาวะสงครามการค้าสหรัฐ – จีนมีแนวโน้มคลี่คลาย
- ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีนิเกอิ +1.89%, ฮั่งเส็ง +2.37% และ Kospi +1.57% หลัง รมว.คลังสหรัฐเผยข้อขัดแย้งการค้าระหว่างสหรัฐ – จีน จะคลี่คลายในไม่ช้า ส่งผลบวกต่อจิตวิทยาการลงทุนในตลาดเอเชีย โดยนักลงทุนรอผลการเจรจาการค้าสหรัฐ – เกาหลีใต้ในวันนี้ ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจเข้านี้ GDP เกาหลีใต้ Q1/68 -0.2% QoQ, -0.1% YoY จากปัญหาการเมืองในประเทศ ซึ่งส่งผลลบไปยังความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในประเทศ
- SET วานนี้ +0.85% ปริมาณการซื้อขาย 3.8 หมื่น ลบ. สถาบันซื้อ 2,321 ลบ. รายย่อยซื้อ 668 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 140 ลบ. และต่างชาติขาย 2,850 ลบ. โดยดัชนีหุ้นไทยปรับขึ้นตามดัชนีภูมิภาค หลังภาวะสงครามการค้าสหรัฐ – จีนมีแนวโน้มผ่อนคลาย ส่งผลบวกเชิงจิตวิทยาต่อไทยที่กำลังรอการเจรจาการค้ากับสหรัฐ หลังได้เลื่อนการหารือจากหมายกำหนดวันที่ 23 เม.ย. จากปัจจัยดังกล่าวส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่ม Global Play เช่น อิเล็ก ฯ นำโดย DELTA +10.4% กอปรกับกลุ่มขนส่งปรับขึ้น หลัง AOT +2.0% ตอบรับข่าว FAA สหรัฐได้ปรับสถานะการบินไทยจากระดับ CAT2 ขึ้นสู่ CAT1 ซึ่งสามารถทำการบินตรงเข้าสหรัฐได้ ขณะที่กลุ่มเกษตร & อาหารก็มีแรงทยอยซื้อสะสม จากคาดการณ์กำไร Q1/68 จะขยายตัวได้ดี ตามปริมาณการส่งออกและราคาเนื่อสัตว์ที่ปรับสูงขึ้น ขณะที่ต้นทุนอาหารสัตว์ยังอยู่ในระดับต่ำ โดยวันนี้ติดตาม ก.พาณิชย์จะรายงานตัวเลขส่งออกไทย มี.ค. คาด +12.8% & ก.พ. +14.0% YoY โดยในช่วง 1H/68 คาดส่งออกไทยยังปัจจัยหนุนจากเร่งรีสต็อคสินค้า ก่อนที่จะถึงกำหนด 90 วัน ที่สหรัฐจะเริ่มใข้ภาษีศุลกากรตอบโต้
Daily Strategy
- ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,140 แนวต้าน 1,160 – 1,170 โดยคาดดัชนีได้ปัจจัยหนุนจาก แนวโน้มสงครามการค้าสหัฐ – จีน เริ่มผ่อนคลายลง แนะนำทยอยซื้อ CPF,GFPT,TFG,FM จากแนวโน้มส่งออกอาหาร & ราคาเนื้อสัตว์อยู่ในทิศทางบวก/ กลุ่มค้าปลีก BJC,MOSHI ได้แรงหนุนจากกำลังซื้อในช่วง Q1 ที่ผ่านมา/ SAWAD,MTC,DIF ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง และเก็งกำไรกลุ่ม High Beta เช่น DELTA,CCET
- GFPT* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 12.10 บาท) แนวโน้มต้นทุนอาหารสัตว์ยังอยู่ในระดับต่ำ แนวคิดการนำเข้าสินค้าการเกษตรจากสหรัฐฯ เช่น ถั่วเหลือง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เป็นเรื่องดี ขณะที่การแพร่ระบาดของไข้หวัดนกในประเทศซีกโลกเหนือและประเด็นสงครามการค้า ส่งผลบวกต่อผู้ส่งออกไก่ไทยมีโอกาสขายมากขึ้นตามความต้องการบริโภคเนื้อไก่ในตลาดโลก เช่น ญี่ปุ่น อังกฤษ จีน แนวโน้มผลประกอบการ 1Q68 คาดกำไรเพิ่ม QoQ หนุนจากราคาเนื้อไก่ในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น สวนทางต้นทุนอาหารสัตว์ที่ลดลงหนุน margin ขยายตัว ส่วนแบ่งกำไรจาก McKey และ GFN จะฟื้นตัว ส่วนภาพรวมปี 68 เบื้องต้นตลาดคาดกำไรสุทธิ 8 พันล้านบาท เติบโตจากปีก่อน +15%YoY
- BCH (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย40 บาท) ประเมินแนวโน้มการดำเนินงาน 1Q68 ฟื้นตัวได้เด่น QoQ หลัง 4Q67 มีปัจจัยกดดันกำไรจากรายการลบจากการปรับการรับรู้รายได้ประกันสังคมโรค Adj.RW>2 เหลือ 8,000 บาท/adj.RW และ การปรับปรุงรายการ Covid-19 ที่ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ ปัจจุบัน เราคาดกำไรสุทธิของ BCH ปี68 จะอยู่ที่ 1,651 ลบ.(+29%YoY) โดยมีปัจจัยหนุนจาก 1.ความเสี่ยงของการรับเงินประกันสังคมในปี68 ลดลง คาดว่า SSO จะสามารถจ่ายโรค adj.RW>2 ที่ 1.2 หมื่นบาท/adj.RW ได้ และ 2.กลุ่มรายได้ผู้ป่วยต่างชาติที่มีแนวโน้มฟื้นตัว ขณะที่ BCH มีการเซ็นสัญญาร่วมกับมัลดีฟส์ เพื่อรับผู้ป่วยเข้ามารักษาที่ ร.พ.WMC
Daily Key Factors
Oil Update(-)WTI พ.ค.-$1.40 อยู่ที่ $62.27 / บาร์เรล, Brent มิ.ย. -$1.32 อยู่ที่ $66.12/บาร์เรล หลังกลุ่มโอเปกพลัสกำลังพิจารณาเพิ่มการผลิตน้ำมัน 411,000 บาร์เรล/วันในเดือน มิ.ย. โดยจะประชุมกลุ่มโอเปกพลัสในวันที่ 5 พ.ค. ขณะที่ EIA รายงานสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 244,000บาร์เรล สวนทางคาดจะลดลง 770,000 บาร์เรล
Gold Update(-) Comex Gold มิ.ย.-$125.30 อยู่ที่ $3,294.10 /ออนซ์ ถูกกดันจาก Dollar Index แข็งค่า +0.94% อยู่ที่ 99.844 หลัง ปธน.ทรัมป์เผยไม่มีความคิดจะปลด ปธ.เฟด ก่อนครบวาระ พ.ค.69 กอปรกับข้อขัดแย้งการค้าสหรัฐ – จีนมีแนวโน้มผ่อนคลาย
Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -102.79 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -85.43 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -14.65 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -2.71 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีแข็งค่าอยู่ที่ 33.48 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับทรงตัวอยู่ที่ 4.360 %
(+) ดัชนี BDI วานนี้ปิด +39 อยู่ที่ 1,300 จุด
(+) BitCoinเช้านี้ +0.53% อยู่ที่ 93,142 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
30 เม.ย. ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 2/2568
ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย
สัปดาห์ที4 ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วน
ยานยนต์
กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ
สัปดาห์ที5 สศอ.แถลงดัชนีอุตสาหกรรม
สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,
ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
ต่างประเทศ
23 เม.ย. US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต (เม.ย.)
US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ (เม.ย.)
US ยอดขายบ้านใหม่ (มี.ค.)
24 เม.ย. US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
US ยอดขายบ้านมือสอง (Existing Home Sales) (มี.ค.)
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่น 1H68 เน้น หุ้นในธุรกิจใหม่ที่เป็น Trend ในอนาคต อย่าง Data Center รวมถึงหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรปกติ 4Q67-1Q68 คาดออกมาดี และ หุ้นที่รับความผันผวนได้ดีจากความเสี่ยง Trade War/ธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มธนาคารที่มี Sentiment บวกจากธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย/มี Yield สูง BBL, KTB, KBANK, TISCO*, TTB*
(2) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CRC, NSL*, TNP*, OSP*
(3) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, SKR
(4) กลุ่มมีโอกาสเกี่ยวข้องกับการลงทุน Data Center/ธุรกิจ Trend อนาคต ADVANC,INTUCH*,TRUE,GULF*,AMATA
(5) กลุ่มสินค้า IT ที่ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี(เช่น AI function/ 4G to 5G) SYNEX*, ADVICE*, SIS*
(6) กลุ่มที่มี Sentiment บวกจาก Entertainment Complex BTS*, VGI*, MBK*, BA
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio April 2025: CPALL, SYNEX*, KLINIQ, DOHOME*, BDMS
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th