---ถือเพื่อรับปันผลสูง---
กำไรสุทธิ 1Q25 ต่ำกว่าคาด จาก credit cost สูง และ NIM ลดลง โดยธนาคารมีกำไรสุทธิ 1Q25 เท่ากับ 1.06 พันล้านบาท (-29.5% y/y; -26.9% q/q) ต่ำกว่าตลาดและเราคาดไว้ที่ 1.24 พันล้านบาท และ 1.51 พันล้านบาท การหดตัวของกำไร y/y มาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NII) ต่ำลง ทั้งจากสินเชื่อและ NIM ที่ลดลง รวมถึง credit cost สูงขึ้น ส่วนการหดตัว q/q เพราะรายได้ NII และ non-NII ลดลง รวมถึง credit cost สูงขึ้น
สินเชื่อรวมใน 1Q25 ลดลง -8.5% YoY, -1.5% QoQ โดยสินเชื่อรายย่อย (68% ของทั้งหมด) ลดลง -2.1% QoQ สินเชื่อรายใหญ่ (14% ของทั้งหมด) ลดลง -0.2%QoQ ส่วนสินเชื่อ SME (15% ของทั้งหมด) ขยายตัว +0.4%QoQ
ขาดทุนจากการขายรถยึดใน 1Q25 ลดลงเป็น 694 ล้านบาท (เทียบกับขาดทุน 1.4 พันล้านบาทใน 1Q24 และ 1.1 พันล้านบาทใน 4Q24)
ผู้บริหารคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้ ส่งผลให้ loan yield จะลดลง ขณะที่ต้นทุนเงินฝากซึ่งส่วนใหญ่เป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่จะค่อยๆลดตาม ธนาคารยังไม่มีการปรับลดดอกเบี้ยออมทรัพย์เลยนับตั้งแต่ต.ค.67 ถึงแม้อัตราดอกเบี้ยนโยบายและดอกเบี้ยเงินกู้จะลดลง หากธนาคารปรับลดดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ ก็จะทำให้ NIM ขยับขึ้นได้
NPL ratio สูงขึ้น และ coverage ratio ลดลง โดย NPL ratio สิ้น 1Q25 เพิ่มขึ้นเป็น 4.4% (จาก 4.2% ในสิ้น 4Q24) ด้าน coverage ratio ลดลงเป็น 131% (จาก 134% ในสิ้น 4Q24)
ปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2025F-2026Fลง -12% และ -22% ตามลำดับ สะท้อนผลประกอบการ 1Q25 ที่ต่ำกว่าคาดและปรับสมมติฐานให้อนุรักษ์นิยมยิ่งขึ้นท่ามกลางเศรษฐกิจซบเซา ส่งผลให้คาดการณ์กำไรสุทธิหดตัว -9.5% ในปี 25F และเติบโต +13.6% ในปี 26F
คงคำแนะนำถือเพื่อรับปันผลสูง แต่ลดราคาพื้นฐานเป็น 57 บาท (เดิม 59 บาท) โดยอิงกับ P/BV ปีนี้ที่ 0.7 เท่า (Mean-1SD) ทั้งนี้แม้ว่าปัญหาคุณภาพสินทรัพย์ของ KKP ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว แต่การฟื้นตัวยังต้องใช้เวลา เราแนะนำถือจากอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่น่าจูงใจ โดยคาดการณ์ของปี 25F ไว้ที่ 8% ต่อปี
นักวิเคราะห์ : ธนินี สถิรเรืองชัย : thaninees@dbs.com : Tel. 02 857 7837