ภาวะตลาด : วานนี้ SET Index ปิดลดลง -16.24 จุด หรือ -1.41% ที่ 1334.71 โดยปรับลงแรงในช่วงบ่าย ทั้งนี้ตลาดวิตกแรงกดดันจากสงครามการค้า ซึ่งอาจทำให้ศก.ไทยเสี่ยงโตต่ำกว่า 2% และขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าไทยจะได้คิวเจรจาเมื่อไร รวมถึงมี sell on fact หุ้นแบงค์หลังประกาศงบ 1Q25 ด้วย นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ -2.26 พันล้านบาท สถาบันในประเทศขายสุทธิ -532 ล้านบาท
ปัจจัยต่างประเทศ
- ความตึงเครียดทางการค้าโลกสูงขึ้น สหรัฐกับจีนยังคงปะทะกันต่อ โดยสหรัฐออกมาเตือนว่าประเทศต่างๆ จะได้รับผลกระทบรุนแรงหากเลือกเข้าข้างจีน ด้านจีนก็ออกแถลงการณ์ว่าประเทศต่างๆ ที่ร่วมมือกับสหรัฐแล้วทำให้จีนเสียหาย จะถูกตอบโต้ขั้นเด็ดขาดจากจีนเช่นกัน
- ปธน.ทรัมป์ และทีมงานพยายามแทรกแซงและปลดประธานเฟด หลังนายพาวเวลระบุศก.มีโอกาสชะลอตัว เสี่ยงเจอเงินเฟ้อพุ่ง แต่เฟดยังไม่รีบลดดอกเบี้ย
+ เศรษฐกิจจีน 1Q25 ขยายตัวดีกว่าตลาดคาด โดยจีดีพี 1Q25 โต 5.4% (ตลาดคาด 5.1-5.2%) ยอดค้าปลีกมี.ค.พุ่ง 5.9%YoY (ตลาดคาด 4.2-4.3%) ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมมี.ค.โต 7.7%YoY (ตลาดคาด 5.8%)...แต่ต้องดูกันต่อว่าหลังสหรัฐเก็บภาษีนำ เข้าสินค้าจีน 145% แล้วเศรษฐกิจจีนจะชะลอลงหรือไม่
- รัสเซียปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ Brent ปีนี้ลง -17% เป็น 68 US$/bbl (เดิม 81.7 US$/bbl เมื่อก.ย.67) แม้ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ยังไม่จบ แต่ราคาน้ำมันก็ถูกกดดันจากกลุ่มโอเปกพลัสเพิ่มการผลิต และศก.โลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงเพราะสงครามการค้า
- ดัชนีหุ้นสหรัฐร่วงกว่า 2% วิตกสงครามการค้าและการแทรกแซงความเป็นอิสระของเฟด ดัชนี VIX เพิ่มเป็น 33.82 (จาก 29.65 วันก่อน) ราคาน้ำมันดิบ WTI & BRENT ร่วง 2.5% เป็น 63-66 US$/bbl สัญญาทองคำพุ่ง 2.9% เป็น 3,425.30 US$/ออนซ์ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ดัชนีราคาถ่านหิน (NC) ทรงที่ 97 (สูงสุด 149) ดัชนี Baltic Dry Index ยืนที่ 1261 (สูงสุด 1669) US Bond Yield 10 ปี ทรงที่ 4.40% ค่าเงิน US$ แข็งเล็กน้อย 98.5 เงินบาท/US$ แกว่งที่ 33.1-33.2
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหุ้นเด่น
+/- ธนาคารพาณิชย์ประกาศงบ 1Q25 แล้ว – โดย BBL, KBANK, KTB, SCB มีกำไรสุทธิ 1Q25 ดีกว่าคาด ส่วนใหญ่มาจากรายได้ non-NII ดีกว่าที่ประเมินไว้ มี credit cost ลดลง ค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้ต่ำลง ส่วน TTB, TISCO เป็นไปตามคาด ด้าน KKP มีกำไรต่ำกว่าคาด จากตั้งสำรองสูงขึ้น และ NIM แคบลงด้านคุณภาพสินทรัพย์ ธนาคารส่วนใหญ่มี NPL เพิ่มขึ้น และมี coverage ratio ลดลง เมื่อเทียบกับสิ้น 4Q24 สำหรับแนวโน้มไตรมาสที่เหลือปีนี้ท้าทายมากขึ้นกำไรมีโอกาสอ่อนลงจาก 1Q25…ฝ่ายวิจัยฯ DBSV ปรับลดน้ำหนักลงทุนกลุ่มธนาคารพาณิชย์เป็น Neutral (เดิม Overweight)
•/+ ปัจจัยติดตาม : การเจรจาภาษีการค้าไทย-สหรัฐ ขณะนี้รอการตอบรับและกำหนดการจาก USTR ว่าจะได้คิวเมื่อไร, รายงานงบ real sectors, ผลประชุมกนง.วันที่ 30 เม.ย.นี้ ซึ่งตลาดคาดว่ามีโอกาสที่จะลดดอกเบี้ยนโยบายลงอย่างน้อย 0.25%, การปรับคณะรัฐมนตรีของไทย
+ CPF ซื้อ CPP อีก 23.8% รวมถือ 100% คาดดีลเสร็จใน 2Q25 ประเมินว่าดีลนี้จะสร้างกำไรให้ CPF เพิ่ม 4% ในปี 25F และ 7% ในปี 26F คงคำแนะนำ ซื้อ
+ หุ้น Defensive & Domestic Play ที่น่าสนใจ ได้แก่ ADVANC, CPALL, CK, STECON, PR9, BDMS, KTB, TTB, MTC, HMPRO, BEM
กลุยทธ์ :
หากจะพักสั้น ไม่ควรหลุด 1133-1130 – หากดัชนีจะพักสั้นไม่ควรหลุดต่ำกว่า 1133-1130 อีก ถ้าหลุดจะลงไปใกล้ 1118 หรือ 1094 ได้ ส่วนกรณีไม่หลุด จะทา ฐานเพื่อรอทดสอบแนวต้าน 1155/1166 เช่นเดิม หุ้นเทคนิคแนะนำ วันนี้เป็น ADVANC, UNIQ
หุ้นพื้นฐานแนะนำ:
BDMS (ราคาปิด 23.60 บาท) – คาดกำไรสุทธิ 1Q25F เติบโต YoY หนุนโดยรายได้คนไข้ต่างชาติ โดยเฉพาะจีนและการ์ตา อัตรากำไรอยู่ในเกณฑ์สูงต่อเนื่อง มีสิทธิประโยชน์จากภาษี 200-300 ล้านบาทในปี 25F จากลงทุนในโครงการ Digital transformation ประเมินกำไรสุทธิทั้งปี 25F-29F ขยายตัวเฉลี่ย 8% ต่อปี แนะนำ ซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 36 บาท (DCF)
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์: อาภาภรณ์ แสวงพรรค : arparporns@dbs.com : Tel 02 587 7829