Market Wrap-Up
- SET วันที่ 21 เม.ย.68 ปิด -16.24 จุด อยู่ที่ 1,134.71 จุด มูลค่าการซื้อขาย 32,465 ลบ.สถาบันขาย 531 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 413 ลบ. ต่างชาติขาย 2,238 ลบ.และรายย่อยซื้อ 3,182 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 1,768 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น KBANK,SCB,CPF,AOT,COM7 และยอดขายหุ้น TTB,KTB,GULF,WHA,DELTA มูลค่า Short Sales อยู่ที่1,768 ลบ.หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ SCC,M,CPN โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 5,107 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 56,391 สัญญา และต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 7,599 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -2.48%, S&P500 -2.36%, Nasdaq -2.55% จากแรงชายกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย -2.86%, เทคโนโลยี -2.72% หลัง ปธน.ทรัมป์ออกมากดดันให้ ปธ.เฟดปรับลดดอกเบี้ย ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ขู่ว่าจะปลดออกจากตำแหน่ง อาจส่งผลกระทบความเป็นอิสระของเฟด ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปิดทำการในเทศกาล Easter
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับลดลงจากแรงชายกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย, เทคโนโลยี หลัง ปธน.ทรัมป์กดดันให้ ปธ.เฟดปรับลดดอกเบี้ยลงทันที ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ขู่จะปลด ปธ.เฟดออกจากตำแหน่ง ขณะที่ ปธ.เฟดสาขาชิคาโกเผยประเทศที่ ธ.กลางไม่มีอิสระ มักจะส่งผลให้เงินเฟ้อปรับสูงขึ้น และเศรษฐกิจ & ตลาดแรงงานชะลอตัวลง โดยนักลงทุนยังกัวลต่อภาวะสงครามการค้า หลังจีนเผยจะตอบโต้ประเทศต่าง ๆ ที่ทำข้อตกลงการค้ากับสหรัฐ ที่ขัดต่อผลประโยชน์ของจีน ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจวานนี้ US Leading Index มี.ค. -0.7% ลดลงมากกว่าคาด -0.5% MoM โดยสัปดาห์นี้ติดตามข้อมูล US PMI ภาคผลิต & บริการ เม.ย., Fed Beige Book,ม.มิชิแกนรายงานดัชนึความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ เม.ย. และรายงานกำไร บจ.สหรัฐ เช่น Tesla, Being, Lockheed Martin, 3M
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปิดทำการในวัน Easter สัปดาห์นี้ติดตามข้อมูล PMI ภาคผลิต & บริการยูโรโซน, อังกฤษ เบื้องต้น เม.ย. และความคืบหน้าการเจรจาข้อตกลงการค้าสหรัฐ – EU หลังสัปดาห์ก่อนนายก ฯ อิตาลีได้หารือเบื้องต้นกับ ปธน.ทรัมป์
- ตลาดหุ้นเอเชียวานนี้ ดัชนีนิเกอิ -1.3% จากแรงขายหุ้นกลุ่มส่งออก หลังค่าเงินเยนแข็งค่าอยู่ที่ 140.87 เยน/ดอลลาร์สหรัฐ กอปรรอผลการเจรจาการค้ากับสหรัฐรอบที่ 2 ในช่วงปลายเดือนนี้ ส่วนดัชนีเซี่ยงไฮ้ +0.45% ได้แรงหนุนกลุ่มเทคโนโลยี หลัง ธ.กลางจีนคงดอกเบี้ย LPR 1 ปี, 5 ปีที่ 3.1% และ 3.6% ตามลำดับ เพื่อรักษาเสถียรภาพค่าเงินหยวน และ Kospi เกาหลีใต้วานนี้ +0.2% รอการเจราการค้ากับสหรัฐในวันที่ 24 เม.ย.
- SET วานนี้ -1.41% ปริมาณการซื้อขาย 3.2 หมื่น ลบ. สถาบันขาย 531 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 413 ลบ. ต่างชาติขาย 2,238 ลบ. และรายย่อยซื้อ 3,182 ลบ. จากแรงขายหุ้นกลุ่มปิโตรเคมี, วัสดุก่อสร้าง, อิเล็ก ฯ ที่เป็นกลุ่ม Global Play จากความกังวลต่อภาวะสงครามการค้า หลังจีนเผยจะตอบโต้ประเทศต่าง ๆ ที่ทำข้อตกลงการค้ากับสหรัฐ ที่เป็นการขัดต่อผลประโยชน์ของจีน กอปรช่วงบ่ายดัชนี SET ถูกกดดันต่อเนื่องจากประเด็นข่าวสหรัฐเลื่อนการเจรจากับไทยจากหมายกำหนดเดิมวันที่ 23 เม.ย. โดยอยู่ระหว่างรอหมายกำหนดการใหม่ ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน และยังเป็นปัจจัยกดดันให้ GDP ไทยปีนี้อาจเติบโตต่ำกว่าระดับ 2.0% บนสมมุติฐานยอดส่งออกไทยปีนี้มีโอกาสหดตัว และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติปีนี้มีโอกาสต่ำกว่าเป้าหมายที่ 38 ล.ราย ขณะที่รายงานกำไร Q1/68 ของธนาคารพาณิชย์ยังได้แรงหนุนจากกำไรจากเงินลง กอปรกับคุมค่าใช้จ่ายได้ดี แต่แนวโน้มกำไรในช่วงที่เหลือของปีนี้ ยังถูกกดดันจาก NIM ที่ลดลง จากคาดการณ์ กนง.มีโอกาสลดดอกเบี้ยปีนี้อีก 2 ครั้ง กอปรธนาคารยังจำเป็นต้องตั้งสำรอง ECL ระดับสูง เพื่อรับรองกับความเสี่ยงหนี้เสีย
Daily Strategy
- ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,120 – 1,130 แนวต้าน 1,140 – 1,150 โดยคาดดัชนีกลับมาสู่กรอบ Sideway อีกครั้ง ระหว่างรอความขัดเจนการเจรจาการค้าสหรัฐ – ไทย และรอรายงานกำไร บจ.ในกลุ่ม Real Sector แนะนำทยอยซื้อปลอดภัย เช่น CPF, GFPT, BTG,,BDMS,ADVANC,TRUE เพื่อเลี่ยงความผันผวนของตลาด/ กลุ่มไฟแนนท์ SAWAD,MTC,SCAP ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง
- OR* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 14.80 บาท) บริษัทมีแผนกลยุทธ์เพื่อแย่งชิง market share กลับคืนมา ด้วยการเปิดสถานีบริการใหม่ 100 แห่ง เน้นพื้นที่มีศักยภาพ ปรับปรุงสถานีบริการเก่าและจัดแคมเปญการตลาดเพื่อดึงดูดลูกค้า โดยธุรกิจ Mobility คาดปริมาณขายเพิ่มขึ้นขณะที่อัตรากำไรต่อหน่วยฟื้นตัวจากแรงกดดันของรัฐลดลงหลังสถานะกองทุนน้ำมันดีขึ้น ส่วนธุรกิจ Lifestyle เพิ่มขึ้นตามยอดขายกาแฟและไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษจากการปิด Texas Chicken 442 ล้านบาท ทั้งนี้ในปี 68 ตั้งงบลงทุนที่ 89 หมื่นล้านบาท รองรับแผนกลยุทธ์ข้างต้นซึ่งรวม M&A และ innovation & new business อ้างอิงจาก consensus ตลาดคาดกำไรปี 68-69 ที่ 9.7 พันล้านบาท +27%YoY และ 1.09 หมื่นล้านบาท +12%YoY
- BDMS (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย00 บาท) กำไรสุทธิ 4Q67 +YoY, +QoQ หนุนจากรายได้ผู้ป่วยต่างชาติ+YoY /คุมต้นทุนค่าใช้จ่ายได้ดี/ รายได้อื่นสูงขึ้นจาก Mövenpick BDMS Wellness Resort / มี Tax Credit ส่วน 1Q68 แม้มีปัจจัยกดดันจาก 1.ประกันรูปแบบ Co-pay ตั้งแต่ 20 มี.ค.68 และ 2.รอมฎอนในช่วง 28ก.พ.-29มี.ค.68 อย่างไรก็ตาม คาดว่าการดำเนินงานจะยังสามารถอยู่ในเกณฑ์ดีได้จากร.พ.ในต่างจังหวัดที่ทำได้ดีในช่วงปี67 ที่ผ่านมา โดย ผู้บริหารวางเป้าการเติบโตของรายได้ในช่วง 1H68 ราว +7 ถึง 8%YoY ทั้งนี้ ปัจจุบันฝ่ายวิเคราะห์ประมาณการกำไรสุทธิปี68 และ ปี69 ที่16,945ลบ.(+6%YoY)และ18,341ลบ.(+8%YoY) ตามลำดับ
Daily Key Factors
Oil Update(-)WTI พ.ค. -$1.60 อยู่ที่ $63.08 / บาร์เรล, Brent มิ.ย. -$1.70 อยู่ที่ $66.26/บาร์เรล หลังคณะเจรจาสหรัฐ & อิหร่านสามารถตกลงร่างกรอบข้อตกลงนิวเคลียร์ โดยรอการเจรจารอบที่ 3 ในวันที่ 26 เม.ย. ซึ่งอาจนำเป็นสู่การยกเลิก ม.คว่ำบาตรต่อการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน
Gold Update(+) Comex Gold มิ.ย.+$96.9 อยู่ที่ $3,425.30 /ออนซ์ ได้แรงหนุนจาก Dollar Index อ่อนค่า -1.1% อยู่ที่ 98.278 หลัง ปธน.ทรัมป์ได้กดดันให้ ปธ.เฟดปรับลดดอกเบี้ยลงทันที
Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -109.16 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -67.52 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ –40.82 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และขายหุ้นฟิลิปปินส์ -0.83 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีแข็งค่าอยู่ที่ 33.23 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.399 %
(0) ดัชนี BDI ปิดทำการในวันหยุด Easter
(+) BitCoinเช้านี้ +1.06% อยู่ที่ 87,543 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
30 เม.ย. ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 2/2568
ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย
สัปดาห์ที4 ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วน
ยานยนต์
กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ
สัปดาห์ที5 สศอ.แถลงดัชนีอุตสาหกรรม
สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,
ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
ต่างประเทศ
23 เม.ย. US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต (เม.ย.)
US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ (เม.ย.)
US ยอดขายบ้านใหม่ (มี.ค.)
24 เม.ย. US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
US ยอดขายบ้านมือสอง (Existing Home Sales) (มี.ค.)
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่น 1H68 เน้น หุ้นในธุรกิจใหม่ที่เป็น Trend ในอนาคต อย่าง Data Center รวมถึงหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรปกติ 4Q67-1Q68 คาดออกมาดี และ หุ้นที่รับความผันผวนได้ดีจากความเสี่ยง Trade War/ธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มธนาคารที่มี Sentiment บวกจากธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย/มี Yield สูง BBL, KTB, KBANK, TISCO*, TTB*
(2) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CRC, NSL*, TNP*, OSP*
(3) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, SKR
(4) กลุ่มมีโอกาสเกี่ยวข้องกับการลงทุน Data Center/ธุรกิจ Trend อนาคต ADVANC,INTUCH*,TRUE,GULF*,AMATA
(5) กลุ่มสินค้า IT ที่ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี(เช่น AI function/ 4G to 5G) SYNEX*, ADVICE*, SIS*
(6) กลุ่มที่มี Sentiment บวกจาก Entertainment Complex BTS*, VGI*, MBK*, BA
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio April 2025: CPALL, SYNEX*, KLINIQ, DOHOME*, BDMS
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th