Market Wrap-Up
- SET วันที่ 18 เม.ย.68 ปิด +9.67 จุด อยู่ที่ 1,150.95 จุด มูลค่าการซื้อขาย 27,673 ลบ.สถาบันซื้อ 264 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 22 ลบ. รายย่อยซื้อ 1,051 ลบ.และต่างชาติขาย 1,336 ลบ. NVDR มียอดขายสุทธิ 1,093 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น TRUE,AOT,BDMS,DELTA,CPF และยอดขายหุ้น BBL,TTB,KBANK,PTTEP,KTB มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 1,489 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ E1VFVN3001,DOHOME,M โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 5,010 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 51,284 สัญญา ต่างชาติขายสุทธิในตลาดพันธบัตรไทย 568 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดทำการในวัน Good Friday เช่นเดียวกับหลายตลาดในเอเชีย เช่น ฮั่งเส็ง, อินโดนีเซีย, สิงค์โปร์, ฟิลิปปินส์ และอินเดีย ขณะที่ดัชนีนิเกอิวันศุกร์ที่ผ่านมา +1.03% หลัง ปธน.ทรัมป์เผยการเจรจาข้อตกลงการค้าสหรัฐ – ญี่ปุ่นอยู่ในทิศทางบวก
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมา DJIA -2.66%, S&P500 -1.5%,Nasdaq -2.62% WoW หลัง ปธ.เฟดเผยกังวลนโยบายการค้าของ ปธน.ทรัมป์ อาจส่งผลให้เฟดมีความยากลำบากในการบรรลุเป้าหมายการจ้างงานเต็มศักยภาพ และเงินเฟ้อเป้าหมายที่ 2% ขณะที่ ปธน.ทรัมป์ก็กดดันให้ ปธ.เฟดปรับลดดอกเบี้ยลง ขณะที่หุ้นกลุ่มบริการสุขภาพ Unitedhealth -22.3% จากคาดการณ์กำไร Q1/68 ต่ำกว่าคาด และกำไรปีนี้มีแนวโน้มลดลง เนื่องจากต้นทุนทางการแพทย์ปรับสูงขึ้น ส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีมีการฟื้นตัวขึ้นมาบ้าง หลัง ปธน.ทรัมป์ยกเว้นการเก็บภาษีศุลกากรชั่วคราว สำหรับชิปเซมิคอนดักเตอร์, สมาร์ทโฟน, อุปกรณ์อิเล็ก ฯ เพือลดปัญหาด้าน Supply Chain ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสัปดาห์นี้ติดตาม US Leading Index มี.ค., US PMI ภาคผลิต & บริการ เบื้องต้น เม.ย. และ ม.มิชิแกนรายงานดัชนึความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ เบื้องต้น เม.ย.
- Stoxx600 สัปดาห์ที่ผ่านมา +4.03% WoW หลัง ECB มีมติปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% ส่งผลให้ดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ที่ 2.25% เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจที่ถูกกดดันจาก ม.กีดกันการค้าของสหรัฐ ซึ่งอาจส่งผลให้กำไร บจ.ใน Stoxx600 Q1/68 มีโอกาส -3% & คาด +2.2% โดยค่ำวั้นนี้ตลาดหุ้นยุโรปยังปิดทำการในวัน Easter สัปดาห์นี้ติดตามข้อมูล PMI ภาคผลิต & บริการยูโรโซน, อังกฤษ เบื้องต้น เม.ย.
- ตลาดหุ้นเอเชีย MSCI Asia Picific X Japan +2.4% WoW ได้ปัจจัยหนุนจากดัชนีเซี่ยงไฮ้ +1.19%, ฮั่งเส็ง +2.3% WoW หลัง GDP จีน Q1/68 ขยายตัวดีกว่าคาดที่ 5.4% YoY และตัวเลขผลผลิตภาคอุต ฯ , ยอดค้าปลีก จีน มี.ค. อยู่ในทิศทางบวก ขณะที่ดัชนีเกอิ +3.4% WoW รับข่าวการเจรจาการค้าสหรัฐ – ญี่ปุ่นอยู่ในทิศทางบวก ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจเช้านี้ ธ.กลางจีนคงดอกเบี้ย LPR 1 ปี, 5 ปีที่ 3.1% และ 3.6% ตามลำดับ
- SET สัปดาห์ที่ผ่านมา +1.97% WoW ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย/วัน 3.28 หมื่น ลบ. -35.1% WoW สถาบันซื้อ 1,504 ลบ. รายย่อยซื้อ 414 ลบ. พอร์ตโบรกขาย 1,012 ลบ. และต่างชาติขาย 903 ลบ. WoW โดยดัชนีได้แรงหนุนจากกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ +4.3% WoW หลังสหรัฐยกเว้นการเก็บภาษีศุลกากรในหมวดสินค้าชิปเซมิคอนดักเตอร์, สมาร์โฟน, อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เป็นการชั่วคราว ส่งผลให้ DELTA, HANA, KCE เริ่มมีซื้อหุ้นคืน ขณะที่หุ้นกลุ่ม China Play เช่น ปิโตรเคมี, บรรจุภัณฑ์ ก็ปรับขึ้นตอบรับ GDP จีน Q1/68 ดีกว่าคาด ซึ่งเป็นผลบวกต่ออปุสงค์ของสินค้าในกลุ่มเหล่านี้ โดยภาพรวมตลาดหุ้นกลุ่มอาเซียนเริ่มฟื้นตัว หลังสหรัฐชะลอการเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้เป็นเวลา 90 วัน ซึ่งอยู่ระหว่างการทำข้อตกลงการค้า ซึงคณะผู้แทนการค้าไทยจะเจรจากับสหรัฐในวันที่ 23 เม.ย. นี้ โดยตลาดอยู่ระหว่างการรายงานกำไร Q1/68 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ ซึ่งมีกำไรจากเงินลงทุน จากการขายตราสารหนี้ที่ถือลงทุน ในช่วงที่ดอกเบี้ยในประเทศปรับลดลง ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลงตามวัฏจักรดอกเบี้ยขาลง โดยเช้านี้ KBANK รายงานกำไร Q1/68 อยู่ที่ 13,791 ลบ. +28% QoQ, +1% YoY ดีกว่าคาด +8.9% ได้แรงหนุนจากกำไรผ่าน FVTPL และกำไรเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้น กอปรสำรอง ECL ปรับลดลง
Daily Strategy
- ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,140 แนวต้าน 1,160 – 1,170 คาดดัชนีได้ปัจจัยหนุนจากสงครามการค้าเริ่มลดลง และคณะเจรจาไทยจะหารือกับสหรัฐในวันพุธนี้ กอปรการประชุม กนง.วันที่ 30 เม.ย. มีโอกาสที่จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง แนะนำทยอยซื้ออุปโภค & อาหาร เช่น ICHI, NSL, CPF, GFPT/ กลุ่มปลอดภัย GULF,GPSC,BDMS,BCH/ กลุ่มไฟแนนท์ SAWAD,MTC ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง
- AU* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 12.00 บาท) บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 68 เติบโต 20-30% หนุนจากยอดขายสาขาเดิม SSSG ที่เติบโตต่อเนื่องด้วยการเพิ่มสินค้าใหม่ แผนการขยายสาขาเพิ่มเป็น 98 สาขาภายในปีนี้ แบ่งเป็น After You 6 สาขา, ลูกก๊อ 5 สาขา รวมถึงการเพิ่มสินค้าในช่องทางร้านสะดวกซื้ออีกประมาณ 4-5 SKU ช่วงสั้น 1Q68 คาดแนวโน้มกำไรเติบโตได้ QoQ, YoY จากยอดขายสาขาเดิมที่ยังขยายตัว เมนูใหม่ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าต่างชาติ ทั้งนี้ตลาดประเมินกำไรสุทธิปี 68-69 ที่ 332 ล้านบาท +12%YoY และ 363 ล้านบาท +9%YoY
- NSL* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 83บาท) กำไรสุทธิ 4Q67 อยู่ที่ 147 ลบ. +44%YoY +9%QoQหนุนด้วย High Season, ม.กระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯหนุนกำลังซื้อผู้บริโภค รวมถึงสินค้าใหม่ๆยังตาม trend เช่น ข้าวโพดอบชีสเบคอน,ช็อกโกแลตดูไบ(Bake a Wish) ส่วนปี68 คาดว่าจะมีปัจจัยบวกต่อเนื่องจากโรงงานใหม่ที่พึ่งเสร็จสิ้นใน 4Q67(NSL FOODS สาขา5)รวมถึงการออกสินค้าใหม่ๆ ซึ่ง 1Q68 จะมีสินค้าใหม่ เช่น ช็อกโกแลตโมจิทาร์ต, โรตีข้าวโพดชีส เป็นต้น โดย NSL วางเป้ารายได้ปี68 โตราว +16-17%YoY ทั้งนี้ตลาดคาดว่าปี68 และ69 กำไรสุทธิของ NSL* จะอยู่ที่ระดับ 602 ลบ. (+11%YoY) และ 679 ลบ.(+13%YoY)
Daily Key Factors
Oil Update(0) สัญญาน้ำมันดิบวันศุกร์หยุดในวัน Good Friday โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา WTI , Brent +2.9% WoW หลังสหรัฐออก ม.คว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่าน กอปรสมาชิกลุ่มโอเปกบางประเทศได้ปรับลดกำลังการผลิต
Gold Update(0) สัญญาทองคำวันศุกร์หยุดในวัน Good Friday โดยสัปดาห์ที่ผ่านมาสัญญาทองคำ +4.9% WoW
Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP สัปดาห์ที่ผ่านมา ขายสุทธิ –1,280.67 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -26.86 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ –1,260.29 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +6.48 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีอ่อนค่าอยู่ที่ 33.424 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ปรับขึ้นอยู่ที่ 4.35 %
(0) ดัชนี BDI ปิดทำการในวันหยุด Good Friday
(+) BitCoinเช้านี้ +1.99% อยู่ที่ 87,012 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
30 เม.ย. ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 2/2568
ธปท. รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย
สัปดาห์ที4 ส.อ.ท. แถลงยอดผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์และชิ้นส่วน
ยานยนต์
กระทรวงพาณิชย์ แถลงภาวะการค้าระหว่างประเทศ
สัปดาห์ที5 สศอ.แถลงดัชนีอุตสาหกรรม
สศค.รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง, ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค,
ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค
ต่างประเทศ
23 เม.ย. US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต (เม.ย.)
US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ (เม.ย.)
US ยอดขายบ้านใหม่ (มี.ค.)
24 เม.ย. US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
US ยอดขายบ้านมือสอง (Existing Home Sales) (มี.ค.)
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่น 1H68 เน้น หุ้นในธุรกิจใหม่ที่เป็น Trend ในอนาคต อย่าง Data Center รวมถึงหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรปกติ 4Q67-1Q68 คาดออกมาดี และ หุ้นที่รับความผันผวนได้ดีจากความเสี่ยง Trade War/ธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มธนาคารที่มี Sentiment บวกจากธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย/มี Yield สูง BBL, KTB, KBANK, TISCO*, TTB*
(2) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CRC, NSL*, TNP*, OSP*
(3) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, SKR
(4) กลุ่มมีโอกาสเกี่ยวข้องกับการลงทุน Data Center/ธุรกิจ Trend อนาคต ADVANC,INTUCH*,TRUE,GULF*,AMATA
(5) กลุ่มสินค้า IT ที่ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี(เช่น AI function/ 4G to 5G) SYNEX*, ADVICE*, SIS*
(6) กลุ่มที่มี Sentiment บวกจาก Entertainment Complex BTS*, VGI*, MBK*, BA
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 50% Fixed Income 35% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio April 2025: CPALL, SYNEX*, KLINIQ, DOHOME*, BDMS
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th