เข้าสู่เฟสเจรจา ดักหาหุ้นต่างชาติทยอยสะสม
TOP PICK IVL/ GULF / BDMS
EXTERNAL FACTOR
GLOBAL INDICES
• วานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผันผวนหนักในกรอบ -1.0% ถึง -3.0% จาก 2 ปัจจัยหลักๆ
• 1.รัฐบาลสหรัฐฯ ตอบโต้จีน โดยประกาศจำกัดการส่งออกชิป AI รุ่น H20 ของ NVIDIAไปยังจีน จึงทำให้วานนี้ NVIDIA ถูก PANIC SELL ไป -7%
• 2.ถ้อยแถลงของ PAWELL วานนี้ รอความชัดเจนมากขึ้น ก่อนที่จะพิจารณาปรับจุดยืนด้านนโยบาย (รอดูสถานการณ์ WAIT-AND-SEE) ซึ่งทำให้ FED WATCHTOOL ยังคงคล้ายเดิมจากวันก่อนหน้า
INTERNAL FACTOR
• หลายประเทศเริ่มทยอยเจรจากับสหรัฐฯ เพื่อหาวิธีผ่อนปรนภาษีนำเข้า ซึ่งล่าสุดTRUMP ได้พบกับคณะผู้แทนจากญี่ปุ่น ซึ่งมีแนวโน้มการเจรจาในโทนบวก โดยญี่ปุ่นกำลังพยายามเจรจาขอลดหย่อนหรือยกเว้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ
• ส่วนประเทศไทยล่าสุด มีแผนเตรียมแผนการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากสหรัฐฯ เพิ่มเติมอีก 1 ล้านตันภายในระยะเวลา 5 ปี มูลค่าราว 600 ล้านเหรียญ และเตรียบมเดินทางไปสหรัฐฯ ในอนาคตอันใกล้
INVESTMENT STRATEGY
• นักลงทุนมีการกระจายเงินลงทุนออกจากสหรัฐฯ มาในตลาดการเงินภูมิภาค รวมถึงตลาดการเงินไทยมากขึ้นสะท้อนได้จากวันที่ทรัมป์ประกาศตอบโต้ภาษี 185 ประเทศถึงปัจจุบัน (9 –16 เม.ย. 68) กลับมีเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้าตลาดตราสารหนี้ไทย 3 ใน 4 วันทำการสูงถึง 1.46 หมื่นล้านบาท, เข้าตลาดหุ้น 3 ใน 4 วันทำการ 883ล้านบาท, และเข้าตลาด TFEX 3 ใน 4 วันทำการ 30,854 สัญญา
• กลยุทธ์การลงทุนแนะนำเก็งกำไรหุ้นพื้นฐานดีที่มีเม็ดเงินต่างชาติซื้อหนุนต่อเนื่องตั้งแต่วันที่มีประเด็นทรัมป์ตอบโต้ภาษี อย่าง CPF, PTTGC, CPALL, STA, DELTA, TTB, TIDLOR, CRC, MINT, BGRIM
สินทรัพย์เสี่ยงยังถูกเทขาย เม็ดเงินไหลเข้า BOND YIELD
วานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผันผวนหนักในกรอบ -1.0% ถึง -3.0% จาก 2 ปัจจัยหลักๆ ดังนี้
• รัฐบาลสหรัฐฯ ตอบโต้จีน โดยประกาศจำกัดการส่งออกชิป AI รุ่น H20 ของ NVIDIA ไปยังจีน ทำให้บริษัทต้องบันทึกค่าใช้จ่ายสูงถึง 5.5 พันล้านเหรียญฯในงบการเงินประจำไตรมาส จึงทำให้วานนี้ NVIDIA ถูกPANIC SELL ไป -7% และกดดันหุ้นกลุ่ม TECH ในสหรัฐฯปรับตัวลงแรงไปด้วย
• ถ้อยแถลงของ PAWELL วานนี้ ย้ำว่า หน้าที่หลักของ FED คือการดูแลเสถียรภาพราคา (PRICESTABILITY) หรือควบคุมเงินเฟ้อให้อยู่ในเป้าหมาย (2%) ซึ่งเขากังวลว่าสงครามการค้าและการขึ้นภาษีนำเข้าอาจทำให้เงินเฟ้อพุ่งขึ้นชั่วคราว แม้เศรษฐกิจสหรัฐฯในปัจจุบันยังคงแข็งแกร่ง สรุป FED ไม่ได้ส่งสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย แต่เฟดจะรอความชัดเจนมากขึ้น ก่อนที่จะพิจารณาปรับจุดยืนด้านนโยบาย (รอดูสถานการณ์WAIT-AND-SEE) ซึ่งทำให้ FED WATCH TOOL ยังคงคล้ายเดิมจากวันก่อนหน้าประเด็นดังกล่าว ทำให้นักลงทุนยังมีความไม่มั่นใจ และไม่กล้าลงทุนในตลาดหุ้นจึงเห็นเม็ดเงินโยกย้ายกลับเข้า BONDYIELD ในช่วงสั้น
อย่างไรก็ตามมีสัญญาณบวกเล็กๆหลังจากที่วานนี้ TRUMP เปรยว่ารอทางจีนเข้ามาเจรจา ซึ่งทางการจีนก็ตอยสนองว่าพร้อมเจรจาด้วย แต่มีข้อตกลง คือ TRUMP ต้องแสดงความเคารพ ไม่ดูหมิ่นจีน, ต้องผ่อนคลายการควบคุมการส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น ชิป AI, ต้องเคารพจุดยืนของจีนต่อ “ไต้หวัน” ซึ่งต้องรอดูท่าทีของ TRUMPว่าจะยอมเจรจาด้วยหรือไม
การเจรจาจากฝั่งเอเชียดูดี หนุน TRADE TARIFF ในบางประเทศผ่อนคลายช่วงสั้น
หลายประเทศเริ่มทยอยเจรจากับสหรัฐฯ เพื่อหาวิธีผ่อนปรนภาษีนำเข้า ซึ่งล่าสุด TRUMP ได้พบกับคณะผู้แทนจากญี่ปุ่น ซึ่งมีแนวโน้มการเจรจาในโทนบวก โดยญี่ปุ่นกำลังพยายามเจรจาขอลดหย่อนหรือยกเว้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ (ซึ่งตอนนี้ถูกระงับชั่วคราว แต่ก็ยังมีภาษีพื้นฐาน 10% และภาษีรถยนต์/เหล็ก/อลูมิเนียม 25% อยู่) ขณะที่ก่อนหน้านี้นายกฯ ญี่ปุ่น เคยบอกไว้ว่าจะซื้อก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากสหรัฐฯ เพิ่ม และจะเพิ่มการลงทุนในสหรัฐฯ ให้ถึง 1 ล้านล้านเหรียญฯ ซึ่งต้องติดตามว่าผลลัพธ์จะออกมาใกล้เคียงหรือไม่
ส่วนประเทศไทย หลังจากที่คลัง-ธปท.ประชุมกันวานนี้ ยังไร้ข้อสรุปที่ชัดเจน แต่ รมต.คลัง กล่าวว่าสิ่งที่กังวล คือผลกระทบกับภาคธุรกิจและภาคส่วนต่างๆ โดยเฉพาะผู้ส่งออก ดังนั้นจะต้องหามาตรการที่เหมาะสม และวางแนวทางการรับมือในกรณีร้ายแรง (WORST CASE) ไว้ด้วย เพราะอาจทำให้การส่งออกชะลอตัวลง สำหรับกำหนดการเดินทางไปเจรจากับสหรัฐฯ นั้น รมต.คลัง กล่าวว่าขอเตรียมข้อเสนอให้ดี แล้วค่อยดำเนินการ ซึ่งล่าสุด มีแผนเตรียมแผนการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากสหรัฐฯ เพิ่มเติมอีก 1 ล้านตันภายในระยะเวลา 5 ปี มูลค่าราว 600ล้านเหรียญ ซึ่งจะเข้ามาแทนสัญญาเดิมที่ใกล้จะหมดลง
ประเด็นดังกล่าวทำให้ตลาดหุ้นในฝั่งเอเชียดูผ่อนคลายลง และเช้านี้ตลาดหุ้นหลายประเทศตอบสนองในเชิงบวกด้วยซ้ำ ซึ่งไทยก็น่าจะได้รับ SENTIMENT เชิงบวกดังกล่าวเช่นกันภายใต้ความผันผวน หาหุ้นพื้นฐานที่ต่างชาติแอบทยอยเก็บสะสมเพิ่ม
นักลงทุนมีการกระจายเงินลงทุนออกจากสหรัฐฯ มาในตลาดการเงินภูมิภาค รวมถึงตลาดการเงินไทยมากขึ้นสะท้อนได้จากวันที่ทรัมป์ประกาศตอบโต้ภาษี 185 ประเทศถึงปัจจุบัน (9 – 16 เม.ย. 68) กลับมีเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้าตลาดตราสารหนี้ไทย 3 ใน 4 วันทำการสูงถึง 1.46 หมื่นล้านบาท, เข้าตลาดหุ้น 3 ใน 4 วันทำการ 883 ล้านบาทและเข้าตลาด TFEX 3 ใน 4 วันทำการ 30,854 สัญญา
กลยุทธ์การลงทุนแนะนำเก็งกำไรหุ้นพื้นฐานดีที่มีเม็ดเงินต่างชาติซื้อหนุนต่อเนื่องตั้งแต่วันที่มีประเด็นทรัมป์ตอบโต้ภาษี (9 –16 เม.ย. 68) อย่าง CPF, PTTGC, CPALL, STA, DELTA, TTB, TIDLOR, CRC, MINT, BGRIM
Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์