The Siam Cement (SCC)
1Q25 ฟื้นตัว QoQ ภายใต้แรงกดดัน
คาด 1Q25 ลดลง YoY แต่ฟื้นตัว QoQ พลิกเป็นกำไร
บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดกำไรสุทธิ1Q25 บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) SCC จะทำได้602 ล้านบาท -75% YoY จากทิศทาง Spread ปิโตรเคมีถูกกดดันจากอุปทานล้นตลาด, ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นหลังการ COD LSP เต็มรูปแบบ, ค่าใช้จ่ายทางการเงิน และผลขาดทุนของ Fajar เพิ่มขึ้นตามสัดส่วนถือหุ้นตั้งแต่ 3Q24 ทั้งนี้หากเทียบกับ 4Q24 แม้ว่าเงินปันผลรับจากการลงทุนลดลงตามฤดูกาล, อุปสงค์ปิโตรเคมีชะลอตัวช่วงเทศกาลวันหยุด, ปริมาณขายปิโตรเคมีลดลงจากการหยุดผลิตของ LSP, ไม่มีกำไรสินค้าคงคลังจำนวนมากเข้ามาช่วย อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าผลประกอบการจะฟื้นตัว QoQ พลิกจากขาดทุน 512 ล้านบาทได้หนุนจากการเข้าสู่ High Season ของภาคก่อสร้าง และบรรจุภัณฑ์, การกลับมาผลิตของโรงงาน VCM ที่หยุดซ่อมในช่วงก่อน, อัตรากำไรธุรกิจบรรจุภัณฑ์เพิ่มขึ้นหลังต้นทุนวัตถุดิบชะลอตัว และผ่านช่วงปิดซ่อมโรงงาน
โมเมนตัมกำไร 2Q25 เร่งตัวขนึ้ QoQ...คงประมาณการปี2025
หาก 1Q25 เป็นไปตามคาด จะคิดเป็น 8% ของทั้งปีอย่างไรก็ตาม เราคงประมาณการก าไรสุทธิปี2025 ที่7.4 พันล้านบาทไว้ก่อน เพราะแนวโน้มกำไร 2Q25 เร่งตัวขึ้น เบื้องต้นคาด 2Q25 จะยังลดลง YoY แต่เมื่อเทียบ QoQ คาดยังสามารถฟื้นตัวต่อเนื่อง หนุนจาก 1) การปรับตัวลงของต้นทุนน้ำมันช่วยให้ Spreadปิโตรเคมีฟื้นตัว สัปดาห์ล่าสุด HDPE-Naphtha อยู่ที่ US$402/ตัน (vs US$320/ตันใน 1Q25) 2)ประโยชน์จากการปรับขึ้นราคาขายปูนซีเมนต์400 บาท/ตัน (ตั้งแต่ต้นเดือนมี.ค.) 3) รายได้เงินปันผลรับเพิ่มขึ้นรอบจ่ายปันผล 4) ปริมาณขายปิโตรเคมีเพิ่มขึ้นตามฤดูกาล นอกจากนี้ประมาณการของเรายังไม่รวมกำไรพิเศษจากปิดดีลลงทุนโรงกลั่น – ปิโตรเคมีในสิงคโปร์ของ Chandra Asri (SCC ถือ30%)ระยะสั้น Spread ได้แรงหนุนจากต้นทุนน้ำมันที่ลดลง
ผลกระทบต่อนโยบายภาษีในระยะสั้นยังค่อนข้างจำกัด เพราะ 1) สัดส่วนรายได้ส่งออกไปสหรัฐฯ เล็กน้อย(ราว 1%) 2) แรงกดดันต่อ Spread ปิโตรเคมีเหลือไม่มาก เนื่องจากที่ผ่านมา 1Q25 Spread HDPE และPP อยู่ใกล้เคียงสถิติต่ำาสุด เริ่มไม่คุ้มค่าการผลิต โดยเฉพาะผู้ผลิตต้นทุนสูงที่ไม่มีผลิตภัณฑ์HVA และ ไม่มีการบูรณาการสายการผลิต 3) ความขัดแย้งสหรัฐฯ vs จีนอาจส่งผลต่ออุปทานวัตถุดิบก๊าซของโรงงานปิโตรเคมีในจีน 4) ได้ประโยชน์จากต้นทุนวัตถุดิบ Naphtha ลดลงตามราคาน้ำมัน ส่งผลให้ SpreadHDPE-Naphtha และ PP-Naphtha ล่าสุดอยู่ที่ US$402/ตัน และ US$438/ตัน ตามลำดับ สูงกว่าสมมติฐานของเราที่ US$380/ตัน และ US$350/ตัน ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม เรายังคงมุมมองระมัดระวังในระยะกลาง - ยาว เนื่องจากสถานการณ์ยังผันผวน และหากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวรุนแรง อาจกดดันให้Spread ปิโตรเคมีหรือทำให้Spread อยู่ในวัฏจักรขาลงนานกว่าคาด
สถานการณ์ยังมีความไม่แน่นอน เน้นเก็งกำไรรอบสั้น
คงราคาเหมาะสม 180.00 บาท และคำแนะนำ TRADING จาก 1) แนวโน้มกำไร 1H25 ฟื้นตัว QoQต่อเนื่อง 2) สงครามการค้าผ่อนคลายระยะสั้น และผลกระทบต่อหุ้นยังค่อนข้างจำกัด อีกทั้ง Spread ได้แรงหนุนจากต้นทุนน้ำมันลดลง 3) ปัจจุบันซื้อขายบน PBV 0.5 เท่า -1.6 SD และมี Div. Yield 3.4%
อย่างไรก็ตาม เราเน้นเก็งกำไรรอบสั้นเท่านั้นเพราะสถานการณ์ตอบโต้นโยบายภาษียังเปลี่ยนแปลงได้ตลอด และหุ้นเป็น Commodities Play ได้รับผลกระทบหากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวรุนแรง (คาดประกาศงบการเงินวันที่30 เม.ย.)