Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ คาดวันนี้ SET แกว่งลง สงครามการค้าดุเดือดมากขึ้น -ระวังแรงขายเพื่อลดความเสี่ยงก่อนช่วงวันหยุดยาว

226


สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(11 เมษายน 2568)---------- บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX Securities Co., Ltd.) ออกบทวิเคราะห์ประจำวันที่ 11 เมษายน 2568 คาด SET แกว่งลง สงครามการค้าส่อเค้าแรงขึ้นเรื่อยๆ หลังสหรัฐฯ ประกาศเพิ่มการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนสูงถึง 145% ทำให้ความหวังที่ทั้ง 2 ชาติจะหันกลับมาเจรจาลดลงและหักล้างปัจจัยบวกจากการที่สหรัฐชะลอการใช้มาตรการภาษีตอบโต้ออกไปอีก 90 วัน อีกทั้งต้องระวังแรงขายเพื่อลดความเสี่ยงก่อนช่วงวันหยุดยาว ประเมินแนวรับที่ 1115-1100 จุด แนวต้านที่ 1140-1150 จุด


ประเด็นสำคัญ
• ทำเนียบขาวแถลงว่า ปธน. ทรัมป์ประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน 125% ยังไม่รวมกับที่ ปธน.ทรัมป์เรียกเก็บภาษีในอัตรา 20% เพื่อลงโทษจีนที่ไม่ได้สกัดการไหลทะลักของยาเฟนทานิลเข้าสู่สหรัฐฯ ซึ่งส่งผลให้ขณะนี้สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีจากจีนสูงถึง 145%
• EU ประกาศจะชะลอการใช้มาตรการตอบโต้การเรียกเก็บภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ออกไปอีก 90 วัน เพื่อเปิดทางสำหรับการเจรจาปัญหาทางการค้า ขณะที่จีนประกาศแผนลดการนำเข้าภาพยนตร์จากสหรัฐ ท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้าระหว่างทั้งสองประเทศ
• สหรัฐเผย มี.ค. 68 ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 2.4%YoY และ Core CPI เพิ่มขึ้น 2.8%YoY ชะลอตัวลงจาก ก.พ. และต่ำกว่าตลาดคาด ซึ่งแม้เป็นปัจจัยหนุนการปรับลดดอกเบี้ยของเฟด แต่ทิศทางดอกเบี้ยของเฟดขณะนี้ยังไม่ชัดเจน จากนโยบายการค้าของ ปธน.ทรัมป์ยังไม่แน่นอน
• รมว.คลังเผยจะไม่มีการต่ออายุ 3 มาตรการเพื่อรองรับความผันผวนของ ตลท. ชั่วคราว 3 มาตรการที่จะสิ้นสุด 11 เม.ย. และจะกลับมาเปิดให้ซื้อขายปกติ 16 เม.ย.นี้ เหมือนเดิม
• รมว.คมนาคมเผยความคืบหน้านโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ยืนยันครอบคลุมรถไฟฟ้าทั้ง 8 สายทาง และพร้อมเปิดให้บริการในอัตราเดียวทั่วกทม.และปริมณฑล ตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย. 68
• ม.หอการค้าไทยเผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ มี.ค. 68 ลดลงเหลือ 48.9 จากเดือนก่อนซึ่งอยู่ที่ 49.4 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค มี.ค. 68 ลดลงอยู่ที่ระดับ 56.7 เป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 เหตุปัจจัยลบรุมกระหน่ำ สงครามการค้า ปัญหาหนี้ และค่าครองชีพพุ่ง


กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET แกว่งตัวผันผวนต่อเนื่อง เป็นผลสืบเนื่องมาจากมาตรการภาษีของสหรัฐที่คาดจะส่งผลต่อการปรับลดประมาณการ GDP และผลประกอบการของ บจ. ทั่วโลก รวมไปถึงท่าทีของเฟดที่อาจจะไม่ชัดเจน ทั้งนี้เป็นผลจากแนวโน้มเงินเฟ้อที่อาจจะลดลงช้ากว่าที่คาดการณ์จากประเด็นการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐ ซึ่งอาจจจะทำให้ตลาดผิดหวัง เพราะตลาดคาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยเพื่อพยุงเศรษฐกิจ ขณะที่จีนคาดยังได้รับผลบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน ซึ่งช่วยลดทอนผลกระทบจากสงครามการค้าได้ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”

 

แนวรับ-ต้าน
1115/1100 – 1140/1150


ล็อคเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
Weekly Portfolio: จากความไม่แน่นอนต่อเศรษฐกิจที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้ความผันผวนของ SET ยังคงอยู่ในระดับสูงและมีแนวโน้มจะเอียงไปทางด้าน Downside โดยเฉพาะในช่วงที่มีการตอบโต้ทางภาษีระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะจีนเพิ่มเติม ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 2 ธีมหลัก และ 1 ธีมเทรดดิ้ง ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้นที่คาดเป็นเป้าหมาย ThaiESGX โดย 1) ปี 2568 คาดกำไรเติบโต YoY 2) ฐานะการเงินแกร่ง และ 3) จ่ายปันผลสม่ำเสมอ คาดให้ Div. Yield อย่างน้อยปีละ 3% พบหุ้นน่าสนใจ SET50: ADVANC BBL BDMS CPALL PTT และ SET100: BCH BTG
2. หุ้น Undervalued คัดเลือกหุ้น SET100 ที่คาดเป็นเป้าหมายกองทุน โดย 1) ปี 2568 คาดกำไรเติบโต YoY 2) มีความสามารถจ่ายดอกเบี้ยสูง 3) ซื้อขายที่ PER และ PBV 2568F ระดับต่ำกว่า -1SD 4) คาดให้ Div. Yield อย่างน้อยปีละ 2% และ 5) มี SET ESG Ratings ระดับ A-AAA แนะนำ MTC MINT BJC CPF
3. Trading Idea: นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการเก็งกำไรภายใต้สงครามการค้าที่มีท่าทีรุนแรงขึ้น แนะนำ หุ้นที่มีรายได้ภายในประเทศเป็นหลักซึ่งจะต้านทานความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ดีกว่า โดยเฉพาะหากสามารถกำหนดราคาและส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ อีกทั้งคาดจะได้ประโยชน์จากการปรับลงของราคาน้ำมันและดอกเบี้ย ได้แก่ BCH CPALL CPAXT GULF MTC OR และ TRUE ขณะที่แนะนำหลีกเลี่ยงกลุ่มที่ได้ผลกระทบทางตรงจากส่งออกไปสหรัฐ ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ ยาง สินค้าเกษตร เครื่องประดับ และกลุ่มที่ได้ผลกระทบทางอ้อม ได้แก่ นิคม ท่องเที่ยว ธนาคาร

 


Daily top picks
BCH: มองเป็นหุ้น Defensive ซึ่งปีนี้คาดกำไรปกติจะเติบโตดีสุดในกลุ่มการแพทย์ที่ 15%YoY โดยได้แรงหนุนจากการดำเนินงานที่เติบโตเพิ่มขึ้น การเพิ่มบริการใหม่ๆ และผลขาดทุนที่ลดลงจากโรงพยาบาลใหม่ทั้ง 3 แห่ง อีกทั้ง Valuation ไม่แพง โดยซื้อขายที่ PER 68F ระดับ 20.9 เท่า คิดเป็น -2SD ของ PER เฉลี่ยในอดีต

TRUE: มองเป็นหุ้นเด่นกลุ่มสื่อสาร โดยชอบ TRUE มากกว่า ADVANC เนื่องจากมอง TRUE น่าจะได้ประโยชน์จากการประมูลคลื่นความถี่ในแง่ upside ของกำไรที่มากกว่าและมีกำไรปกติปี 2568 ที่เติบโตแข็งแกร่งกว่า ADVANC ขณะที่ 1Q68 คาดกำไรปกติจะเติบโต YoY จากประหยัดต้นทุนได้อย่างต่อเนื่อง และเติบโต QoQ จากค่าใช้จ่ายการตลาดที่ลดลง

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้