Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ คาดวันนี้ SET แกว่งลง สงครามการค้าดุเดือดมากขึ้น -ระวังแรงขายเพื่อลดความเสี่ยงก่อนช่วงวันหยุดยาว

224


สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(11 เมษายน 2568)---------- บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (InnovestX Securities Co., Ltd.) ออกบทวิเคราะห์ประจำวันที่ 11 เมษายน 2568 คาด SET แกว่งลง สงครามการค้าส่อเค้าแรงขึ้นเรื่อยๆ หลังสหรัฐฯ ประกาศเพิ่มการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนสูงถึง 145% ทำให้ความหวังที่ทั้ง 2 ชาติจะหันกลับมาเจรจาลดลงและหักล้างปัจจัยบวกจากการที่สหรัฐชะลอการใช้มาตรการภาษีตอบโต้ออกไปอีก 90 วัน อีกทั้งต้องระวังแรงขายเพื่อลดความเสี่ยงก่อนช่วงวันหยุดยาว ประเมินแนวรับที่ 1115-1100 จุด แนวต้านที่ 1140-1150 จุด


ประเด็นสำคัญ
• ทำเนียบขาวแถลงว่า ปธน. ทรัมป์ประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีน 125% ยังไม่รวมกับที่ ปธน.ทรัมป์เรียกเก็บภาษีในอัตรา 20% เพื่อลงโทษจีนที่ไม่ได้สกัดการไหลทะลักของยาเฟนทานิลเข้าสู่สหรัฐฯ ซึ่งส่งผลให้ขณะนี้สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีจากจีนสูงถึง 145%
• EU ประกาศจะชะลอการใช้มาตรการตอบโต้การเรียกเก็บภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ออกไปอีก 90 วัน เพื่อเปิดทางสำหรับการเจรจาปัญหาทางการค้า ขณะที่จีนประกาศแผนลดการนำเข้าภาพยนตร์จากสหรัฐ ท่ามกลางความขัดแย้งทางการค้าระหว่างทั้งสองประเทศ
• สหรัฐเผย มี.ค. 68 ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 2.4%YoY และ Core CPI เพิ่มขึ้น 2.8%YoY ชะลอตัวลงจาก ก.พ. และต่ำกว่าตลาดคาด ซึ่งแม้เป็นปัจจัยหนุนการปรับลดดอกเบี้ยของเฟด แต่ทิศทางดอกเบี้ยของเฟดขณะนี้ยังไม่ชัดเจน จากนโยบายการค้าของ ปธน.ทรัมป์ยังไม่แน่นอน
• รมว.คลังเผยจะไม่มีการต่ออายุ 3 มาตรการเพื่อรองรับความผันผวนของ ตลท. ชั่วคราว 3 มาตรการที่จะสิ้นสุด 11 เม.ย. และจะกลับมาเปิดให้ซื้อขายปกติ 16 เม.ย.นี้ เหมือนเดิม
• รมว.คมนาคมเผยความคืบหน้านโยบายค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ยืนยันครอบคลุมรถไฟฟ้าทั้ง 8 สายทาง และพร้อมเปิดให้บริการในอัตราเดียวทั่วกทม.และปริมณฑล ตั้งแต่วันที่ 30 ก.ย. 68
• ม.หอการค้าไทยเผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจ มี.ค. 68 ลดลงเหลือ 48.9 จากเดือนก่อนซึ่งอยู่ที่ 49.4 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค มี.ค. 68 ลดลงอยู่ที่ระดับ 56.7 เป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 เหตุปัจจัยลบรุมกระหน่ำ สงครามการค้า ปัญหาหนี้ และค่าครองชีพพุ่ง


กลยุทธ์การลงทุน
ช่วงสั้นมอง SET แกว่งตัวผันผวนต่อเนื่อง เป็นผลสืบเนื่องมาจากมาตรการภาษีของสหรัฐที่คาดจะส่งผลต่อการปรับลดประมาณการ GDP และผลประกอบการของ บจ. ทั่วโลก รวมไปถึงท่าทีของเฟดที่อาจจะไม่ชัดเจน ทั้งนี้เป็นผลจากแนวโน้มเงินเฟ้อที่อาจจะลดลงช้ากว่าที่คาดการณ์จากประเด็นการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐ ซึ่งอาจจจะทำให้ตลาดผิดหวัง เพราะตลาดคาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยเพื่อพยุงเศรษฐกิจ ขณะที่จีนคาดยังได้รับผลบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน ซึ่งช่วยลดทอนผลกระทบจากสงครามการค้าได้ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy”

 

แนวรับ-ต้าน
1115/1100 – 1140/1150


ล็อคเป้าลงทุนประจำสัปดาห์
Weekly Portfolio: จากความไม่แน่นอนต่อเศรษฐกิจที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้ความผันผวนของ SET ยังคงอยู่ในระดับสูงและมีแนวโน้มจะเอียงไปทางด้าน Downside โดยเฉพาะในช่วงที่มีการตอบโต้ทางภาษีระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะจีนเพิ่มเติม ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ใน 2 ธีมหลัก และ 1 ธีมเทรดดิ้ง ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ดังนี้
1. หุ้นที่คาดเป็นเป้าหมาย ThaiESGX โดย 1) ปี 2568 คาดกำไรเติบโต YoY 2) ฐานะการเงินแกร่ง และ 3) จ่ายปันผลสม่ำเสมอ คาดให้ Div. Yield อย่างน้อยปีละ 3% พบหุ้นน่าสนใจ SET50: ADVANC BBL BDMS CPALL PTT และ SET100: BCH BTG
2. หุ้น Undervalued คัดเลือกหุ้น SET100 ที่คาดเป็นเป้าหมายกองทุน โดย 1) ปี 2568 คาดกำไรเติบโต YoY 2) มีความสามารถจ่ายดอกเบี้ยสูง 3) ซื้อขายที่ PER และ PBV 2568F ระดับต่ำกว่า -1SD 4) คาดให้ Div. Yield อย่างน้อยปีละ 2% และ 5) มี SET ESG Ratings ระดับ A-AAA แนะนำ MTC MINT BJC CPF
3. Trading Idea: นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงและต้องการเก็งกำไรภายใต้สงครามการค้าที่มีท่าทีรุนแรงขึ้น แนะนำ หุ้นที่มีรายได้ภายในประเทศเป็นหลักซึ่งจะต้านทานความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ดีกว่า โดยเฉพาะหากสามารถกำหนดราคาและส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ อีกทั้งคาดจะได้ประโยชน์จากการปรับลงของราคาน้ำมันและดอกเบี้ย ได้แก่ BCH CPALL CPAXT GULF MTC OR และ TRUE ขณะที่แนะนำหลีกเลี่ยงกลุ่มที่ได้ผลกระทบทางตรงจากส่งออกไปสหรัฐ ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ ยาง สินค้าเกษตร เครื่องประดับ และกลุ่มที่ได้ผลกระทบทางอ้อม ได้แก่ นิคม ท่องเที่ยว ธนาคาร

 


Daily top picks
BCH: มองเป็นหุ้น Defensive ซึ่งปีนี้คาดกำไรปกติจะเติบโตดีสุดในกลุ่มการแพทย์ที่ 15%YoY โดยได้แรงหนุนจากการดำเนินงานที่เติบโตเพิ่มขึ้น การเพิ่มบริการใหม่ๆ และผลขาดทุนที่ลดลงจากโรงพยาบาลใหม่ทั้ง 3 แห่ง อีกทั้ง Valuation ไม่แพง โดยซื้อขายที่ PER 68F ระดับ 20.9 เท่า คิดเป็น -2SD ของ PER เฉลี่ยในอดีต

TRUE: มองเป็นหุ้นเด่นกลุ่มสื่อสาร โดยชอบ TRUE มากกว่า ADVANC เนื่องจากมอง TRUE น่าจะได้ประโยชน์จากการประมูลคลื่นความถี่ในแง่ upside ของกำไรที่มากกว่าและมีกำไรปกติปี 2568 ที่เติบโตแข็งแกร่งกว่า ADVANC ขณะที่ 1Q68 คาดกำไรปกติจะเติบโต YoY จากประหยัดต้นทุนได้อย่างต่อเนื่อง และเติบโต QoQ จากค่าใช้จ่ายการตลาดที่ลดลง

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

ผถห. SSP ผ่านฉลุย! จ่ายปันผล 0.20 บาท/หุ้น

ผถห. SSP ผ่านฉลุย! จ่ายปันผล 0.20 บาท/หุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้