Today’s NEWS FEED

News Feed

สำนักKSS เปิด3สูตร กรณีEquity Risk Premium (ERP) บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นไทยได้เข้าสู่โซนความกลัวสูงสุด (Panic Zone) ได้เวลาทยอยเข้าสะสมหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง

219


สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(9เมษายน 2568)-----------บทวิเคราะห์ บล.กรุงศรี จำกัด(มหาชน)KSS เปิดเผยว่า Tariff Shock: การปรับนโยบายภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ในต้นปี2025 มีนัยสำคัญเป็นความเสี่ยงเชิงระบบ (Systemic Risk) ครั้งแรกหลังวิกฤต COVID-19

*Equity Risk Premium (ERP) บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นไทยได้เข้าสู่โซนความกลัวสูงสุด (Panic Zone) ถือเป็นการสร้างโอกาสเชิงกลยุทธ์ให้กับนักลงทุน ภายใต้สมมติฐาน เกี่ยวกับผลกระทบจาก Tariff Reciprocity และการตอบโต้ระหว่างประเทศ การทยอยเข้าสะสมหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งและมี Earnings Visibility ชัดเจนอาจเป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสมในระยะยาว

จากกราฟ ERP (Earning Yield -10Y Bond Yield) พบว่า ณ วันที่ 8 เมษายน 2025 ระดับ ERP ของ SET Index อยู่ที่ 5.77% ซึ่งสูงกว่า +2SD หรือเทียบเท่ากับเหตุการณ์ Subprime (2008) ERP ราว 7.25% และ COVID-19 (ERP 6.25%) ซึ่งถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า :

1. ตลาดสะท้อนความเสี่ยงเชิงลบใกล้เต็มที่แล้ว
2. Upside Risk เริ่มมีมากกว่า Downside Risk หากปัจจัยลบเพิ่มเติมไม่รุนแรงกว่าคาดการณ์
3. ระดับความกลัวของนักลงทุนอาจมากกว่าความเสี่ยงที่แท้จริง(Panic Repricing)


Scenario: คาดการณ์ SET Index ภายใต้ระดับ EPS และ ERP ต่างๆ จะพบว่าระดับความเสี่ยงของ EPS ที่เปลี่ยนไปตามสถานการณ์ความเสี่ยง จะสร้าง Impacts ต่อกรอบ Downside ของ SET จำกัดลง แตกต่างเพียง 40-50จุด ณ ระดับ EPS ที่แตกต่างกัน 8-5บาทต่อหุ้น

(Noted :สมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบปัจจุบัน 75เหรียญฯ(2025YTD 75.8เหรียญฯ)ทุกๆ 5เหรียญฯ ที่ต่ำกว่าคาด จะกดดัน EPS 3บาท)

** Strategy : Downside เชิงกลยุทธ์การลงทุนแบบมีแบบแผนได้ดังนี้

1. Base Case 50% – Tarriff Shock : SET เจอฐานในกรอบ 1060-1000จุด อิง ERP 5.77-6%, EPS ของตลาดอยู่ในกรอบ 88-82บาทต่อหุ้น
กลยุทธ์ Tactical Buy on Deep Fear เน้น Domestic Undervalue - Defensive Sectors COMM, ICT, UTILITIES, HEALTH, High Yield -Rate cut Play : CPALL, BJC, HMPRO, ADVANC, GULF, BDMS, MTC

2. Worse Case 35% – SET Back to ERP Level of Covid-19 : SET เจอฐานในกรอบ 970-930จุด อิง ERP 6-6.25%, EPSของตลาดอยู่ในกรอบ 82-80บาทต่อหุ้น
เพิ่มกลุ่มวัฏจักรอิงภายใน เช่นBANK, PROP, TOURISM ผสาน Export ที่ Hedge Shock ได้ เน้นKBANK, KTB, MINT, ERW, LH, AP, CPF, DELTA, WHA, AMATA

3. Worst Case 15% - SET Back to ERP Level of SUBPRIME-08 : SET เจอฐานในกรอบ 900-820จุด อิง ERP 7-7.25% , EPS ของตลาดอยู่ในกรอบ 78-75บาทต่อหุ้น

กรณีนี้ไม่ต้อง Panic แต่คือOpportunities จากการเร่ง Repricing ของความเสี่ยงเชิงระบบก่อนหน้า เน้นลงทุนระยะยาว การเพิ่มพอร์ต Long Term Fund ในประเทศสำคัญมาก เน้นสร้าง Core Position บน EPS Recovery Trend

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

อ่อนตัว By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ วันนี้ พรุ่งนี้ ประเทศไทย เข้าสู่ฤดูฝน ตอนนี้แถว รัชดาฯฝนตก อากาศเย็นสบาย นั่งมองหุ้นหลาย....

หมดข่าว เลิก By : นายกล้วยหอม

นายกล้วยหอม เห็น นักลงทุนต่างชาติ ขายหุ้นไทยออก วานนี้ หลังจาก สหรัฐกับจีน ตกลงการค้า จบด้วยดี.....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้