Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.บัวหลวง : รอบด้านตลาดหุ้น

199

 

ภาพตลาดและแนวโน้ม


กระแสเงินทุนต่างชาติไหลออกจากภูมิภาค คิดเป็นมูลค่า 5,468 ล้านเหรียญ ต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2,795 ล้านเหรียญ โดยแรงขายกระจายตัวในทุกประเทศ


Volume Index ชี้ว่ายังไม่มีเซกเตอร์ใดที่เป็นธีมเด่นของภูมิภาค
รายละเอียด:
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กระแสเงินลงทุน (fund flows) ใน 5 ประเทศมีทิศทางไหลออก โดยมียอดขายสุทธิรวม 5,468 ล้านเหรียญสหรัฐ เร่งตัวขึ้นจากยอดขายสุทธิ 2,795 ล้านเหรียญในสัปดาห์ก่อนหน้า โดยมีเงินทุนไหลออกทั้ง 4 ประเทศ ได้แก่ ไต้หวัน (-815 ล้านเหรียญ), เกาหลีใต้ (-4,436 ล้านเหรียญ), ไทย (-202 ล้านเหรียญ), และฟิลิปปินส์ (-15 ล้านเหรียญ) ขณะที่อินโดนีเซียหยุดทำการเนื่อง ในวันอีดิ้ลฟิตรี

แรงขายต่อเนื่องที่เกิดขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาส่งผลให้ นับตั้งแต่ต้นปี 2025 ยอดขายสุทธิรวมใน 5 ประเทศถึง 30,795 ล้านเหรียญ โดยไต้หวันเป็นตลาดที่เผชิญแรงขายมากที่สุด (-19,061 ล้านเหรียญ) ตามมาด้วย เกาหลีใต้ (-8,370 ล้านเหรียญ) และอินโดนีเซีย (-1,795 ล้านเหรียญ)

จากสัญญาณ Volume Index ในสัปดาห์ที่แล้ว ไม่พบเซกเตอร์ใดของภูมิภาคที่มีแรงซื้อโดดเด่น อย่างไรก็ตาม กลุ่ม Domestic ของไทย เช่น Commerce และ Health Care ยังคงแสดงผลตอบแทนเชิงเปรียบเทียบที่แข็งแกร่งกว่าภาพรวมของ SET

แนวโน้มเซกเตอร์ไทย:
สำหรับสัปดาห์นี้ เรายังคงแนะนำให้นักลงทุนระมัดระวังในการลงทุน โดยเฉพาะในกลุ่ม Global Plays แม้บางช่วงอาจเห็นการรีบาวด์ทางเทคนิคจากภาวะ oversold แต่ความเสี่ยงจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวยังคงเป็นปัจจัยกดดันหลัก ซึ่งอาจทำให้หุ้นในกลุ่มนี้ยังคงเผชิญภาวะผันผวนต่อไปอีกระยะ จนกว่าจะเห็นสัญญาณการชะลอลงของกระแสการปรับลดประมาณการกำไร (earnings downgrade)
ขณะที่หุ้นกลุ่ม Domestic/Defensive ที่มีความเชื่อมโยงกับการบริโภคภายใน ประเทศ มีแนวโน้มเผชิญแรงกดดันน้อยกว่า อย่างไรก็ดี ด้วยจิตวิทยาตลาดที่ยังเปราะบาง ความผันผวนอาจสับเปลี่ยนหมุนเวียนได้ในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในช่วงที่มูลค่าการซื้อขายเริ่มเบาบางลงก่อนเข้าสู่วันหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์

สรุปภาพตลาดวานนี้
SET คว่ำตามระเบียบ ลงไปกว่า 50 จุด โดยหุ้นใหญ่เกือบยกแผง ยกเว้น DELTA TRUE ที่บวกสวนขึ้นมาได้ โดยข้อสังเกตุพบว่าหุ้นหลายตัวลงไปแตะ Floor ที่แม้ขยับขึ้นมาชั่วคราว (-15%) แล้ว เช่น VGI THCOM MONO เป็นต้น และที่เหลืออีกจำนวนมากที่เฉียดๆ จะถึง (สายช็อตคงไม่กล้าช็อตต่อ เพื่อจะปิดไม่ได้ หรือไม่คุ้ม) เช่น GULF PTTEP เป็นต้น



แนวโน้มตลาดวันนี้
เด้งแล้วเผ่น (ยังเจ็บไม่พอ)
ระยะสั้นตลาดหุ้นไทยมีเด้ง แล้วเสี่ยงลงต่อ แต่เปอร์เซนต์การติดลบ 1-2 วันนี้น่าจะเริ่มน้อยลง ทั้งนี้การลงจนสุดคาดมีโอกาสหลุด 1000 จุด ซึ่งอาจไม่ได้เกิดในเร็ววันนี้ และในระยะสั้น 1-2 วัน อาจมีรีบาวด์บ้างให้ นักเก็งกำไรได้ ขายหุ้นออกของ /คาดปัจจัยกดดันเศรษฐกิจและหุ้นไทย หนีไม่พ้นภาษีที่อเมริกาเรียกเก็บรอบนี้ ชัดเจนว่าต้องการบีบ จีน และประเทศที่รับผลิตให้จีนเพื่อส่งออกต่อ ยกตัวอย่างเวียดนามขอเจรจาเร็วแต่ กลับไม่ได้รับคำตอบที่ดีจากอเมริกา
ดังนั้นการเจรจาคงไม่จบเร็วแน่ๆ แต่เอกชนต้องขยับตัวเพื่อเลี่ยงปัญหา เช่น สินค้า APPLE หันไปผลิตและประกอบในอินเดียเพิ่มแทนจีน เป็นต้น ทำให้ผลกระทบจากเศรษฐกิจอาจถูกโยกออกจาก ราคาหุ้น บจ.บางตัวที่ เอกชนแก้ปัญหากันเองได้บางส่วน (ตั้งโรงงานในอเมริกา มาก่อนหน้านี้แล้ว)
ด้านปัจจัยในประเทศ เช่น พรบ. Entertainment complex อาจมีความเสี่ยงทั้งเรื่องเสียงสนับสนุนในสภา สะเทือนไปถึงความร้าวฉานในพรรคร่วมรัฐบาล และ การชุมนุมนอกสภาฯ ซึ่งไม่เป็นคุณกับตลาดหุ้นไทย

กลยุทธ์การลงทุน
พอร์ตกลยุทธ์เราแนะนำ Short against port ขายก่อนแล้วมารอรับล่าง โดยพัฒนาการสำคัญที่เราจะกลับมาหาหุ้นเก็บเข้าพอร์ต จะขึ้นอยู่กับ
1) การเจรจาจากที่ ทรัมป์ เผย มี 50 ประเทศพร้อมยอมเจรจา และหาหุ้นที่มาตรการภาษีตอบโต้กลายเป็นบวกต่อต้นทุน และสินค้านำเข้าของไทยแทน
2) การเมืองสหรัฐฯจากการชุมนุม การใช้อำนาจสภาฯ อาจพลิกสถานการณ์ ทำให้ภาษีตอบโต้ ถูกดอง
3) มาตรการที่ ตลท.ใช้ระหว่าง 8-11 เม.ย.นี้ ต้องดูว่าจะช่วยลดแรงจูงใจในการทำกำไรขาลงได้ มากน้อยเพียงใด
4) คนเริ่มคาดการณ์กันแล้วว่า ธนาคารกลางต่างๆ จะเร่งลดดอกเบี้ย รวมทั้ง เฟด ด้วย ส่วนไทยมีลุ้นลดปลายเดือนนี้ ซึ่งอาจทำให้บรรยากาศลงทุนหุ้นไทยดีขึ้นกว่าเดิม (เจ็บ และ จบ แต่ยังเจ็บไม่พอ)

วิเคราะห์ทางเทคนิค
หุ้นโลกเริ่มมีสลับเขียวบ้าง ภายหลังถูกเทกระจาด ร่วงหนักสุดนับตั้งแต่ปี covid ขณะที่ SET Index หลุด low เข้าสู่โซน bear case scenario 1,100 จุด (ยังลงไม่ถึง worst case ที่ 1,000 จุด) ล่าสุดดัชนีปรับตัวลงมาแล้วทั้งสิ้น -22 YTD ยังคงรั้งท้ายเมื่อเทียบกับอาเซียน แต่แนวโน้มระยะสั้นมีลุ้นรีบาวด์ ตามตลาดหุ้นโลกที่กำลังฟื้นตัว จากภาวะ fear & panic ส่วนจะเป็นจุดต่ำสุดหรือแค่รีบาวด์ อาจต้องรอสัญญาณยืนยัน คล้ายรูปแบบที่เกิดขึ้นช่วงปี covid 2020 ดัชนีใช้เวลาสร้าง pattern แท่งเขียวกว่า 3 สัปดาห์ หลังจากนั้นจะเกิดภาพการฟื้นตัวแรง
สรุป: แนวโน้มดัชนีลุ้นรีบาวด์ระยะสั้น ส่วนระยาวยังต้องรออีกสักพัก รอฝุ่นหายตลบ...

 

 

 

 

What to watch
ปธน.อเมริกา ประกาศเก็บภาษีจีน เพิ่มอีก 50% เป็น 104% หลังจากทางการจีนประกาศเก็บภาษีอเมริกา 34%
สหภาพยุโรป ออกแถลงการณ์ พร้อมเจรจาอเมริกาเพื่อเลี่ยงผลกระทบภาษี แต่ ก็จะตอบโต้หากไม่ได้รับความเป็นธรรม และเปิดกว้างสำหรับการเปิดเขตการค้าเสรีที่ตกลงไว้กับนานาชาติ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่า 83% นอกเหนือ US
9 เม.ย.สภาฯจะพิจารณา พรบ. Entertainment complex
กทม. เปิดรับลงทะเบียนเยียวยาคอนโด และ บ้านเสียหายจากแผ่นดินไหวต่อหลังไม่เกิน 49,500 บาท
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐหดตัว -3.7% ใน ไตรมาส 1/2568
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 60.8% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนพ.ค. นอกจากนี้ FedWatch Tool บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.00-4.25% ในการประชุมเดือนมิ.ย., ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.75-4.00% ในการประชุมเดือนก.ค., ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.50-3.75% ในการประชุมเดือนก.ย. และปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.25-3.50% ในการประชุมเดือนต.ค. และปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.00-3.25% ในการประชุมเดือนธ.ค.

หุ้นแนะนำวันนี้
ADVANC หุ้นหลบภัยภาษีตอบโต้ อาจกระทบบ้างจากการขายสินค้าแอปเปิ้ลที่เสี่ยงลดลง แต่ยังมีสินค้ายี่ห้ออื่นทดแทน และรายได้จากการใช้งานในประเทศเป็นหลัก
แนวรับ 265 ต้าน 280 Stop loss 250

 

 

 

 


รายงานพื้นฐานวันนี้

Electronics Sector
วงจรขาลงอาจกินเวลาถึงปลายปี
ในอดีตที่ผ่านมา 10 ปี ช่วงวงจรขาลงของรายได้เซมิคอนดัคเตอร์ทั่วโลกมักกินเวลา 1 ปีในการทำจุดต่ำสุด ซึ่งเกิดในปี 2015-16, 2018-19ม และ 2022-23 สอดคล้องกับ CIO Hardware Budget revision ที่มีการติดลบเกิดขึ้น 3 ครั้งในปี 2016 2019 และ 2022-23 รอบนี้เกิดขึ้นช่วงปลายปีที่แล้วน่าจะกินเวลาถึงปลายปี-ต้นปีหน้า ในแง่ของการปรับลดประมาณการในช่วง Downcycle พบว่า DELTA ถูกปรับประมาณการกำไรลงเฉลี่ย 25%, KCE 32% และ HANA 32% กินระยะเวลา 9 เดือน อย่างไรก็ตามเราคาดจะเห็นการรีบาวด์ขึ้นมาก่อนที่ปัจจัยพื้นฐานจะผ่านจุดต่ำสุดหากการเจรจาทางการค้า มีทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งน่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นในเดือน มิ.ย.
Fundamental View: ยังแนะนำ หลีกเลี่ยง

CPAXT
ซีพี แอ็กซ์ตร้า

Synergy เริ่มส่งผล หนุนกำไรเร่งตัวใน 2H25
คาดกำไรหลัก 1Q25 เติบโต 7% YoY แม้ SSSG ยังอ่อน จาก GM ที่สูงขึ้นของ makro และการควบคุม SG&A ของ Lotus’s โดยยอดขายรวมทั้งกลุ่มอยู่ที่ 1.26 แสนลบ. (+4% YoY) SSSG ของ makro และ Lotus’s อยู่ที่เพียง 0.4% และ 0.5% ตามลำดับ จากผลของปีปฏิทิน และแรงกระตุ้นจาก e-Receipt ที่ลดลง ส่วน GM รวมคาดที่ 14.2% (จาก 14.1%) จาก house brands ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ SG&A/sales ลดลงเหลือ 15.0% จากบริหารจัดการด้านต้นทุนของ Lotus’s
เราเริ่มเห็นผลของ Synergy ที่จะเร่งตัวใน 2H25 โดยบริษัทมีเป้าหมาย gross synergy ที่ 5.2 พันลบ. ใน 2 ปี และเริ่มเห็นผลเชิงต้นทุนและการเจรจาซัพพลายเออร์ โดยมี supplier หลายสิบรายเข้าร่วม คาดเริ่มเห็นผลใน 2Q25 โดยเราคาด synergy สุทธิในปี 2025 ที่ 1.2 พันลบ. และ 1.5 พันลบ. ในปี 2026 เพิ่มกำไรปีนี้ราว 10% และปีหน้า 13% นอกจากนี้ ยังมีโอกาสอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรหากค่าไฟฟ้าถูกปรับลงสู่ 3.99 บาท/หน่วย (จาก 4.15 บาท) อีกราว 1-2%
ส่วนประเด็นภาษีสหรัฐฯ อิงจากผลกระทบที่นักเศรษฐศาสตร์ประเมิน แม้กรณี GDP ปี 2025 อาจชะลอเหลือ 1.4% (base case) หรือ 0.9% (กรณีแย่สุด หากภาษี 36% อยู่ตลอดปี) แต่ CPAXT ได้รับผลกระทบจำกัด เพราะธุรกิจกับตลาดสหรัฐฯ ต่ำ และยังได้อานิสงส์จากการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านแจกเงินดิจิทัล และโครงสร้างต้นทุนที่ดีขึ้น
Fundamental view: ปัจจุบัน Valuation น่าสะสมราคาหุ้นปัจจุบันเทรดที่ PER ปี 2025 เพียง 21.2x เทียบกับคาดการณ์กำไร CAGR ปี 2025–27 ที่ 14% จึงเป็นจังหวะทยอยสะสมก่อนกำไรจะเร่งตัวในครึ่งปีหลัง ดังนั้น เราคงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 32 บาท


วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
นภนต์ ใจแสน นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
ภูวดล ภูสอดเงิน, AISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน

 

 

 

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้