สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(4 เมษายน 2568)--------บทวิเคราะห์ บล.พาย เปิดเผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯรายงานตัวเลข PMI ภาคบริการพบว่าต่ำกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตามรายงานจำนวนขอรับสวัสดิการว่างงานต่ำกว่า Bloomberg Consensus คาดการณ์ แต่อย่างไรก็ตามดัชนี PMI มักมีนัยยะกว่าเพราะบ่งชี้ถึงเศรษฐกิจช่วงถัดไป ภาพรวมเมื่อคืนพบว่า US Bond Yield ปรับลงอย่างมีนัยยะสำคัญสอดคล้องกับ Vix Index ที่ปรับขึ้นแรงซึ่งสะท้อนว่านักลงทุนมีความกังวล หนีไม่พ้นความกังวลเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับนานาประเทศ แตกต่างกว่ารอบปี 18 – 19 ที่สหรัฐฯโจมตีเพียงจีนแต่รอบนี้ประกาศขึ้นภาษีกับหลายประเทศ ในช่วงปี 18 – 19 ก็พบว่าเศรษฐกิจโลกเผชิญ Downside และครั้งนี้สหรัฐฯประกาศขึ้นภาษีกับหลายประเทศ ซึ่งแน่นอนว่าจะยิ่งเพิ่ม Downside ต่อเศรษฐกิจโลกครั้งใหญ่อีกอย่างหนึ่งการปรับลงของ US Bond Yield สะท้อนว่านักลงทุนไม่กังวลกับเงินเฟ้อที่จะมาจากราคาสินค้าสูงขึ้นแต่เลือกให้น้ำหนักกับเศรษฐกิจมากกว่าว่ามีความเสี่ยงขาลง แม้ส่วนหนึ่งสหรัฐฯจะกระทำเช่นนี้เพราต้องการเจรจากับนานาประเทศแต่ก็อาจมีบางประเทศไม่ต้องการเจรจา หรืออาจทำกำแพงภาษีกลับไปยังสหรัฐฯซึ่งจะยิ่งเป็นความเสี่ยงกับตลาดหุ้นทั่วโลกและเศรษฐกิจ สำหรับประเทศไทย รัฐมนตรีพาณิชย์ยอมรับว่าภาษีที่ถูกเก็บค่อนข้างสูงกว่าที่คาดหมายไว้ แต่ก็เตรียมจะเจรจากับสหรัฐฯ ด้านนายกรัฐมนตรีระบุว่าภาษีนำเข้าที่ไทยเรียกเก็บจากสหรัฐฯเป็นเพียง 9% หากมีสัญญาณว่าไทยสามารถเจรจากับสหรัฐฯได้ก็อาจช่วยฟื้นตลาดหุ้นไทยได้เล็กน้อยเพราะเดิมที ไม่มีปัจจัยด้านการค้าโลกเศรษฐกิจไทยก็ประสบปัญหาอยู่แล้วจากหลายๆปัจจัย

วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1150 – 1165 จุด ยังคงถูกแรงกดดันจากตลาดหุ้นโลกเช้านี้ญี่ปุ่นปรับลง 1.9% แม้หุ้นไทยจะไม่แพงแต่การปรับขึ้นยังเป็นไปได้ยาก ท่ามกลางบรรยากาศการลงทุนที่เป็นลบและยังไม่มีทีท่าฟื้นตัว

ดังนั้นในเชิงกลยุทธ์การลงทุนยังแนะ Wait & See สำหรับการซื้อหุ้นเพื่อลงทุนเพราะกังวลความเสี่ยงที่ตลาดจะยังปรับลงได้อีก อย่างไรก็ตามสำหรับนักลงทุนระยะสั้นอาจเลือก Trading ในหุ้น Defensive อาทิ โรงพยาบาล (BDMS) กลุ่มการเงิน (MTC SAWAD) มีจิตวิทยาเชิงบวกที่อาจเห็นธนาคารแห่งประเทศไทยปรับลดดอกเบี้ยลงจากความเสี่ยงเศรษฐกิจที่มากขึ้น กลุ่มค้าปลีกที่อิงกับในประเทศ (CPALL CPAXT)