คาด SET Index วูบลงแรง : โดยตลาดรับแรงกดดันจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ซึ่งอาจกระทบต่อหุ้นในกลุ่มอสังหาฯ และ ท่องเที่ยว รวมถึงความไม่แน่นอนของการบังคับใช้กำแพงภาษีของทรัมป์ที่อาจทำให้นักลงทุนขาย/ชะลอการเพิ่มน้ำหนักลงทุนสินทรัพย์เสี่ยง

แนวรับ-ต้าน

1,150-1,160

กลยุทธ์การลงทุน
1) อสังหาฯแนวราบ : AP, SPALI, PSH
2) ซ่อม สร้าง : HMPRO, DOHOME, ILM, CRC
3) Defensive/Dividend : TTW, TISCO, SCB, KBANK, KKP
4) Thai ESGX : ADVANC, BTG, CPF, GPSC, BGRIM
5) Short : ORI, LPN, NOBLE, TIPH, BKIH
6) Selective : TTB , PT

ไหวขนาดนี้ ตลาดไม่น่าไหว
แผ่นดินไหว จนตลาดและอสังหา ไม่น่าไหว : ในวันที่ 28 มี.ค.68 เวลา 13.20 น. เกิดแผ่นดินไหว ณ ประเทศพม่า โดยความรุนแรง ณ ศูนย์กลางคือ 7.7 ริกเตอร์ตามรายงานของ USGS ซึ่งเป็นการสั่นสะเทือนที่แรงที่สุดในรอบ 100 ปี รับรู้ได้ในหลายจังหวัดของประเทศไทย ตึกสูงในพื้นที่กรุงเทพฯ สั่นไหว และ เกิดรอยร้าว ล่าสุด กปภ. เผยว่าได้เข้าตรวจตึกในกทม.แล้ว พบตึกที่เสียหายในระดับสีแดง 2 แห่ง สีเหลือง 33 แห่ง มองประเด็นดังกล่าวสร้างความกังวลให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในคอนโดสูงหากมีการเกิดแผ่นดินไหวซ้ำ และลดความน่าสนใจสำหรับผู้ต้องการเข้าซื้อ จึงคาดจะสร้าง Sentiment ลบกดดันหุ้นอสังหาที่มีสัดส่วนคอนโดสูง เช่น ORI LPN และ NOBLE แต่มองอาจเกิด Pent up demand ในส่วนของที่อยู่แนวราบ เช่น SPALI AP PSH เนื่องจากมีความเสี่ยงน้อยกว่าเมื่อเทียบกับคอนโดสูง นอกจากนี้มองเป็นโอกาสของหุ้นกลุ่มซ่อม-สร้างที่จะมีอุปสงค์ต่อสินค้าเพิ่มขึ้น ด้าน SET Index คาดจะชะลอตัวลงเช่นเดียวกับเหตุการณ์ในปี 2004 ที่เกิดเหตุการสึนามิ โดยในปีดังกล่าว SET Index ปรับตัวลงในระยะสั้น 2.2% มองเหตุการณ์ในครั้งนี้จะกระทบความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยว จึงมีความเสี่ยงที่จะกดดันกลุ่มท่องเที่ยว ค้าปลีก และ ขนส่ง กดดันภาพรวมตลาด

กำแพงภาษีของทรัมป์ ยังขวางกั้นทางขึ้น : คาดนักลงทุนยังไม่เพิ่มน้ำหนักการลงทุนจนกว่าจะมีความชัดเจนในการบังคับใช้กำแพงภาษีของทรัมป์ ใน วันที่ 2 เม.ย. นี้ล่าสุดทรัมป์เผยยินดีหากมีการปรับขึ้นราคารถยนต์ในสหรัฐ เนื่องจากจะทำให้รถยนต์ในประเทศน่าสนใจมากขึ้น สร้างความกังวลในประเด็นเงินเฟ้อให้นักลงทุน ล่าสุดตัวเลข Core PCE เดือน ก.พ. 68 ขยายตัว 2.8%y-y ซึ่งกลับมาอยู่ในระดับเดียวกับในเดือน ธ.ค.67 ทองคำปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับ $3086 ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลง 1.97% สะท้อนการโยกเม็ดเงินเข้าสู่สินทรัพย์ปลอดภัย มองเป็นลบต่อภาพรวมตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลก

 ปัจจัยที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ : ไทย-CPI Core CPI ( US ISM ManufacturingManufacturing+NonNon-Manufacturing PMI(Mar) Unemployment Rate ( Nonfarm Payrolls ( China Non ManufacturingManufacturing+Manufacturing PMI ( Mar)/Caixin ServicesServices+Manufacturing PMI

ปัจจัยเพิ่มเติม
(-) ห้างสรรพสินค้าใหญ่หลายแห่งทั่วประเทศ กลับมาเปิดให้บริการตามปกติ หลังยืนยันแล้วว่าโครงสร้างยังคงแข็งแรงดี เป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มค้าปลีก

(-) ทรัมป์ ประกาศระงับการส่งเงินสมทบเข้าองค์การการค้าโลก (WTO) อย่างไม่มีกำหนด ซึ่งจะทำให้งบประมาณของ WTO ลดลง 11% คาดเป็นลบต่อประเทศที่เป็นสมาชิก รวมถึงไทยด้วยเช่นกัน

(+) รอยเตอร์เผยว่าจีนสามารถผลิตชิปขั้นสูงในประเทศได้เองแล้ว โดยสามารถผลิตได้ถึงระดับ 5 นาโนเมตร มองเป็นบวกต่อไทยที่มีจีนเป็นคู่ค้าสำคัญ

(+) สศอ. เผยเศรษฐกิจโลกไม่แน่นอน กระทบ MPI เดือนก.พ. 68 หดตัวมาที่ระดับ 96.18 จุด ลดลง 3.91%y-y โดยปัจจัยที่ส่งผลลบต่อภาคการผลิต ได้แก่ ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับที่สูง ส่งผลให้การบริโภคเอกชนยังคงชะลอตัว หากภาครัฐมีมาตรการเสริมกำลังซื้อ จะช่วยหนุนการขยายกำลังการผลิต

ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน
ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ -นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ และทางเทคนิค #9501
ชุติกาญจน์ สันติเมธวิรุฬ, CISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค #37928
ภัทรดนัย จตุรพร นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน #094041
พศุตม์ โงวิวัฒน์ชัย, CISA นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน #127632
ฐนพงษ์ แซ่โล้ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์
ชนพัฒน์ สุวิยานนท์ ผู้ช่วยนักวิเคราะห์