Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) : KCE แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 19.70 บาท

225

 

----คาด 1Q68 กำไรอ่อนตัว y-y และ q-q---
Key Point

 

คาด 1Q68 กำไร 226 ลบ. -56.1%y-y หลักจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงตามทิศทางค่าเงินและ SG&A to sale สูงขึ้นจากการเปลี่ยนรูปแบบการขนส่ง, -19.6%q-q จาก SG&A to sale สูงขึ้นจากการกลับมาเปิดโรงงานเป็นปกติและคาดว่ามีกำไรสุทธิจากค่าเงินลดลง ในส่วนของ tariff แม้ยังไม่รวมกลุ่มของ USMCA แต่ก็ได้สร้างความกังวลต่อตลาดฯและหุ้น KCE ถึงความเสี่ยงของอุตฯยานยนต์โลกที่อาจเกิดขึ้นได้ในอีกหลายด้าน

 


  สหรัฐฯเรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 25% สำหรับรถยนต์ทุกคันที่ไม่ได้ผลิตในสหรัฐฯ มีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 เม.ย. 68 จากเดิมที่ 2.5% ทำให้ผลกระทบมากสุดตกเป็นญี่ปุ่น ซึ่งค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่แบรนด์ญี่ปุ่น Toyota, Honda, Nissan ล้วนมีฐานการผลิตอยู่ในเม็กซิโก แม้กฏนี้จะไม่รวมกลุ่ม USMCA(แคนาดา เม็กซิโก) แต่ความพยายามในการฟื้นฟูการผลิต วางแนวทางให้บริษัทรถยนต์ย้ายฐานการผลิตกลับมายังสหรัฐฯมากขึ้น ทำให้ตลาดฯเกิดความกังวลว่ากลุ่ม USMCA จะโดนมาตรการขึ้นภาษีด้วยเช่นกัน หากเป็นเช่นนั้นจะทำให้ระยะสั้นอาจส่งผลต่อราคารถยนต์ในสหรัฐฯปรับตัวสูงขึ้น กระทบต่อการบริโภคในระยะสั้น โดยประเทศที่สหรัฐฯมีมูลค่านำเข้าสูงสุดคือเม็กซิโก สินค้านำเข้าลำดับแรกคือรถยนต์ อุปกรณ์ไฟฟ้า-อิเล็กทรอนิกส์ ตามลำดับ และผลที่ตามมาอาจทำให้สินค้าถูกกระจาย(เลี่ยงภาษี)ไปยังประเทศอื่นในโซนอเมริกาเหนือและยุโรป เพิ่มระดับสต๊อกให้สูงขึ้น จนเกิดการแข่งขันด้านราคาตามมา ความกังวลนโยบายที่อาจเกิดขึ้น จะสร้างความเสี่ยงต่ออุตฯยานยนต์โลกในอีกหลายด้าน ทำให้เกิดความกังวลต่อหุ้น KCE ที่มีสัดส่วนรายได้ในอุตฯยานยนต์ 70-75% และขายในโซนยุโรปและอเมริกาเหนือรวมสัดส่วน 70%

 


  1Q68 คาดว่าจะรับรู้รายได้จากศูนย์กระจายสินค้าที่ยุโรปเข้ามามากขึ้น จากการเข้าซื้อกิจการไปในช่วง พ.ย. 67 ที่ผ่านมา และไม่มีประกาศหยุดโรงงานเหมือนในช่วงปลายปี คาดมียอดขาย 102 ล้านดอลลาร์ -4.1%y-y +6.6%q-q ค่าเงินบาทเฉลี่ย 33.9 บาท/ดอลลาร์ (1Q67 เฉลี่ย 35.6 บาท/ดอลลาร์ , 4Q67 เฉลี่ย 33.8 บาท/ดอลลาร์) คาดรายได้ในรูปเงินบาท 3.45 พันลบ. -8.5%y-y +6.7%q-q มี GPM 20.0% ลดลง y-y แต่ ทรงตัว q-q ตามทิศทางของค่าเงิน มี SG&A to sale 14.1% สูงขึ้น y-y จากการเปลี่ยนรูปแบบการขนส่ง และเพิ่มขึ้น q-q จากการกลับมาเปิดโรงงานเป็นปกติ และคาดว่ามีกำไรสุทธิจากค่าเงินลดลง คาดกำไร 226 ลบ. -56.1%y-y -19.6%q-q

 

  ทางฝ่ายฯปรับ P/E ลงมาให้เป็นปัจจุบันมากขึ้นที่ 15.0เท่า ปรับราคาพื้นฐานลงมาที่ 19.70 บาท ยังไม่เห็นภาพอุตฯยานยนต์โลกและปัจจัยของบริษัทฟื้นตัวในช่วง 1H68 รอแผนการติดตั้งเครื่องจักรและแผนลดค่าใช้จ่ายคาดว่าเริ่มเห็นในช่วง 2H68 แต่ราคาหุ้นปัจจุบันอยู่ในระดับกว่าผลตอบแทนปกติโดย Div. yield ในอดีตเฉลี่ยที่ 2.6-3.2% แต่ระดับ Yield ปี 67 ได้ถึง 6.6% จากราคาปัจจุบัน คงคำแนะนำ "ซื้อ"

 

อดิสรณ์ มุ่งพาลชล
นักวิเคราะห์การลงทุนด้านตลาดทุน #18577
โทร:66 2635 1700#497
ทศวรรณ ธรรมสุข
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้