AT THE OPEN (#ATO)
SET Index แกว่งออกข้าง
กลยุทธ์เลือกหุ้นกลุ่ม Domestic Play

Market Strategy
SET Index คาดแกว่งตามกรอบ 1180-1200 จุด ปัจจัยต่างประเทศยังมีประเด็นภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ ที่เตรียมประกาศในวันที่ 2 เม.ย. เป็นปัจจัยกดดัน ขณะที่ปัจจัยในประเทศมีประเด็นบวก จากความคืบหน้าต่อการผลักดันโครงการสถานบันเทิงครบวงจร ส่วนมาตรการเราเที่ยวด้วยกันยังต้องติดตามรายละเอียดต่อไป สำหรับวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายของการซื้อขาย TFEX Series H25 ช่วงท้ายตลาดอาจมีความผันผวนมากขึ้น ในเชิงกลยุทธ์ชอบหุ้น Domestic Play วันนี้เลือก KTB และ HMPRO

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ปรับลง -0.3% ถึง -0.5% ตอบรับความกังวลเรื่องการขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ 25% กับทุกประเทศเริ่มเก็บ 3 เม.ย. ขณะที่วันนี้ติดตามการรายงาน Core PCE เดือน ก.พ. ตลาดคาดขยายตัว 2.7%YoY มากกว่าเดือนก่อน 2.6%YoY หากออกมามากกว่าคาดเป็นลบฝั่งตลาดหุ้นสหรัฐฯ ต่อความกังวลเรื่อง Stagflation กลับมาที่อาจเป็น Sentiment ลบต่อตลาดหุ้นในภาพรวมจนถึงวันที่ 2 เม.ย. ที่สหรัฐฯ เตรียมประกาศรายละเอียดภาษีตอบโต้

การประชุม ครม. วานนี้ไฮไลท์ คือ การผ่านร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร โดยมีพื้นที่คาสิโน 10% โดยคนไทยที่เข้าได้ต้องมีเงินฝากประจำไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาทเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 6 เดือน โดยถัดไปเตรียมเข้าสู่สภา ส.ส. พิจารณาวาระ 1 (คาดจะเกิดภายใน 10 เม.ย.) ซึ่งเราเชื่อว่ากระบวนการจะเป็นไปตามกรอบเวลาคาดการณ์ คือ พิจารณาในสภา ส.ส. วาระ 1 ภายใน 1 พ.ค. 68 วาระ 2 ภายใน 10 ส.ค.68 วาระ 3 ภายใน 1 ต.ค.68 ก่อนที่จะเข้าสู่วุฒิสภาเห็นชอบและประกาศใช้กฎหมายได้ภายใน 1Q69 ความคืบหน้าข้างต้นเรามองเป็น Sentiment บวกต่อ BTS และ BA

Market Summary
SET Index ปรับลง 2.46 จุด เป็นการแกว่งบวกลบผสมผสาน โดยกลุ่มที่ปรับขึ้นเด่นกลุ่มท่องเที่ยวจากกระแสบวกการฟื้นเราเที่ยวด้วยกันและความคืบหน้าเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็ก หนุน CENTEL +2.5% ERW +4.4% BTS +3.7% STECON 0.9% กลุ่มธนาคารยังแข็งต่อ นำโดย TTB +2% KBANK 1.2% KKP +0.9% ส่วนกลุ่มที่ Underperform กลุ่มอิเล็คฯ หลังคุณทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีรถยนต์ 25% มีผล 3 เม.ย. กดดัน KCE -3.4% DELTA -1.7% โรงไฟฟ้าโดยขายทำกำไรหลัง กกพ คงค่าไฟ GPSC -3.5%

DAILY Stock Pick
KTB
ซื้อหุ้นปันผลสูง ความเสี่ยงของ Port สินเชื่อต่ำ
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 25.00 บาท
เราชอบ KTB เนื่องจาก พอร์ตสินเชื่อที่มีความเสี่ยงต่ำและแนวโน้มกำไรเติบโตชัดเจนในปี 68 ที่ +6%YoY ณ ราคาปัจจุบันคิดเป็น PE68 ที่ 7 เท่า และ PBV68 ที่ 0.67 เท่า อีกทั้งประกาศปันผล 1.545 บาทต่อหุ้น ประจำปี 67 หรือคิดเป็นอัตราเงินปันผลสูงถึง 6.3% ขึ้น XD วันที่ 16 เม.ย. 68
เรามีมุมมองเชิงบวกในระยะสั้น กับมาตราการซื้อหนี้ประชาชนจากแบงค์ที่กระทรวงการคลังกำลังศึกษาอยู่ หนุนงบดุลและกำไรของกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้นจากการขายหนี้เสียออกมา อีกทั้งการเริ่มประกาศซื้อหุ้นคืนของ PTT ที่ประกาศเมื่อวันที่ 20 มี.ค. 68 หนุน sentiment หุ้นในตลาดที่เป็นของรัฐหรือกระทรวงการคลังถือหุ้น อาทิ PTT OR KTB BCP AOT มีโอกาสซื้อหุ้นคืนมากขึ้น

KEY FACTOR
ทิศทางตลาดหุ้นไทยยังแกว่งในกรอบแคบ ด้วยปริมาณซื้อขายที่เบาบางลงเหลือเพียง 2.3 - 3.1 หมื่นล้านบาท ในสัปดาห์นี้ เช่นเดียวกับกระแสเงินลงทุนต่างชาติที่แม้จะยังขายสุทธิ แต่ลดลงเช่นกันเหลือ -1,842 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นแรงขายที่เบาที่สุดในรอบ 5 สัปดาห์ หลังจากที่ตลาดหุ้นไทยเจอแรงกดดันจากทั้ง 1) สงครามการค้า และ 2) กำไรบริษัทจดทะเบียน 4Q67 ที่ต่ำกว่าคาด กดดันมากขึ้นในช่วงปลาย ก.พ.

ด้านตัวเลขเศรษฐกิจต่างประเทศ GDP4Q67 ของสหรัฐฯรายงานครั้งที่สาม สูงขึ้นเป็น +2.4% QoQ จาก +2.3% YoY ในขณะที่ Core PCE 4Q67 ที่รายงานครั้งที่สามเช่นกัน ชะลอลง เหลือ +2.6% QoQ จาก +2.7% QoQ ในการรายงานครั้งก่อน ถือว่าสะท้อนภาพเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ ในคืนนี้ Consensus คาด PCE ของสหรัฐฯ เดือน ก.พ. +0.3% MoM และ +2.5% YoY ปรับตัวขึ้นในอัตราเร่งเท่ากับเดือนก่อนหน้า

EYES ON
ในสัปดาห์ : สถานการณ์สงครามการค้าก่อนสหรัฐฯ ขึ้นภาษีตอบโต้
27 มี.ค. : ประชุม ครม.
28 มี.ค. : ดัชนี PCE เดือน ก.พ. ของสหรัฐฯ

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ, ออมทรัพย์ โง้วศิริ