ภาวะตลาด : SET Index วานนี้แกว่งในกรอบ 1182-1192 ปิดตลาด +3.45 จุดที่ 1190.06 แต่มูลค่าซื้อขายเบาบางเพียง 2.3 หมื่นลบ. โดยนักลงทุนรอดูการปรับขึ้นภาษีตอบโต้ของทรัมป์ ที่จะมีผล 2 เม.ย.นี้ และการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ 24-26 มี.ค. รวมถึงติดตามตัวเลขเงินเฟ้อ PCE ของสหรัฐ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิเล็กน้อย -90 ลบ. สถาบันในประเทศขายสุทธิ -713 ลบ.

ปัจจัยต่างประเทศ
-/+ สหรัฐ : ดัชนี PMI ภาคผลิตเบื้องต้นมี.ค.ลดเป็น 49.8 (จาก 52.7 ในก.พ.) ต่ำสุดในรอบ 3 เดือน ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการเพิ่มสู่ 54.3 (จาก 51.0 ในก.พ.) สูงสุดในรอบ 3 เดือน...บ่งชี้ว่าภาคการผลิตชะลอตัวลง แต่ภาคบริการยังขยายตัวได้ดี ติดตามดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค, จีดีพี 4Q67, ดัชนี PCE เดือนก.พ.
+ ยูโรโซน : ดัชนี PMI ภาคผลิต-บริการเดือนมี.ค.เพิ่มเป็น 50.4 (จาก 50.2 ในก.พ.) จากภาคการผลิตที่ดีข้นึ ส่วนภาคบริการขยายตัวแต่ในอัตราที่น้อยลง
+/• สหรัฐ : สำนักข่าว Bloomberg ระบุว่าในวันที่ 2 เม.ย.68 รัฐบาลสหรัฐอาจยังไม่เรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ และเซมิคอนดัคเตอร์เพิ่ม (จากก่อนหน้าทรัมป์เคยขู่ว่าจะเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ 25% จากปัจจุบันที่เก็บ 2.5%) ตลาดหุ้นสหรัฐปรับขึ้นรับความยืดหยุ่นมาตรการภาษีของทรัมป์ อย่างไรก็ดี ต้องติดตามเรื่องนี้กันใกล้ชิดต่อ เพราะนโยบายทรัมป์ เปลี่ยนแปลงเร็ว ไม่แน่นอน
+/• ราคาน้ำมันดิบขยับขึ้นกว่า 1% เป็น 69-73 US$/bbl ดัชนีค่าเงิน US$ แข็งขึ้นต่อเป็น 104.25 เงินบาท/US$ อ่อนสู่ 33.96 ดัชนีราคาถ่านหิน (NC) อ่อนเป็น 99.6 (สูงสุด 149) ดัชนี Baltic Dry Index ขยับขึ้นเป็น 1652 (สูงสุดรอบนี้อยู่ที่ 1669)
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหุ้นเด่น
• ถ้ารัฐบาลจะซื้อ NPL คาดว่าจะให้ความสนใจซื้อ NPL รายย่อยที่มียอดหนี้ต่ำกว่า 1 แสนบาท และเป็นหนี้เสียคงค้างกว่า 1 ปี ซึ่งมีทั้งหมด 3.4 ล้านคน คิดเป็น 4.7 ล้านบัญชี มูลหนี้รวม 1.23 แสนลบ. สัดส่วน 65% ของจำนวนลูกหนี้ที่เป็น NPL โดยในส่วนนี้ธ.พ.กันสำรองไว้ครบแล้ว ก็มีโอกาสที่จะขายออกมา
+ กบน.ลดราคาน้ำมันดีเซล-เบนซิน 2 ครั้งๆ ละ 0.50 บาท/ลิตร รวมเป็นลด 1 บาท/ลิตร หลังกองทุนน้ำมันติดลบลดลงเหลือ 6.0 หมื่นลบ. ณ 23 มี.ค.68 โดยมีผล 28 มี.ค. และ 4 เม.ย.68...คาดปริมาณขายน้ำมันจะเพิ่มขึ้น เพราะเป็นการลดราคาในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่มีการเดินทางมาก

• ติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี แพทองธาร...ประเมินว่าอาจจะมีแรงกระเพื่อมบ้าง แต่ไม่ถึงกับมีการเปลี่ยนแปลงใหญ่

+ แนะนำ ซื้อสะสมหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มเติม หุ้นเด่น AOT, ERW, CPALL

กลุยทธ์ :
“ไม่หลุด1180 สร้างฐานรอทดสอบแนวต้าน...แต่ถ้าหลุด ให้ออกมาก่อน” ระยะสั้นหาก SET Index ไม่หลุด 1180 หรือไม่ต่ำกว่า 1174/1168-1165 มีโอกาสเป็นการสร้างฐานเพื่อรอขึ้นไปทดสอบแนวต้านอีกครั้งที่ 1200+/-2 หรือ 1210-1212 (หลังทดสอบครั้งแรกแล้วไม่ผ่าน) หุ้นเด่นเทคนิควันนี้เป็น PTTGC, STPI

หุ้นพื้นฐานแนะนำลงทุน :
GFPT – ในเบื้องต้นคาดว่ากำไรสุทธิ 1Q68F จะทรงตัวสูง YoY และเพิ่มขึ้น QoQ (เทียบกับกำไรสุทธิ 383 ลบ.ใน 4Q67 และ 466 ลบ.ใน 1Q67) โดยปริมาณส่งออกทรงตัว YoY ที่ 8.3 พันตัน (แต่ลดจาก 9.8 พันตันใน 4Q67) รายได้จากโครงไก่ดีขึ้น เพราะราคาเพิ่มขึ้นต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์เอื้ออำนวย ทำให้มาร์จิ้นสูงข้นึ เป็น 13% ต้นๆ เทียบกับ 12.8% ใน 4Q67 และ 12.5% ใน 1Q67 ด้านส่วนแบ่งกำไรบ.ร่วมอยู่ในระดับสูง ณ ราคาปัจจุบันมี P/E ปีนี้ต่ำเพียง 5.6 เท่า, P/BV 0.5 เท่า และ EV/EBITDA 4 เท่า นับว่าถูกมาก เชิงกลยุทธ์ แนะนำ สะสมเพื่อลงทุน ให้ราคาพื้นฐาน 11.20 บาท

นักวิเคราะห์&กลยุทธ์: อาภาภรณ์ แสวงพรรค : arparporns@dbs.com : Tel 02 587 7829