Equality for All
NER : บมจ.นอร์ทอีส รับเบอร์
กำไร 4Q24 สูงกว่าคาดจากค่าใช้จ่ายที่น้อยกว่าคาด : 4Q24 ยอดขายอยู่ที่ 8,934 ลบ. เติบโตดี +35% y-y และ +40% q-q
ปริมาณขายทำได้ที่ 136,103 ตัน +7% y-y +39% q-q ราคาขายเฉลี่ย 65.6 บาท/ กก. +27% y-y +4% q-q ทว่าต้นทุนวัตถุดิบที่เร่งตัวขึ้นทำให้อัตรากำไรขั้นต้นหดเหลือ 8.8% จาก 11.3% ใน 4Q23 แต่ก็ดีขึ้นจาก 3Q24 ที่ 8.3%
คชจ.ขายและบริหาร ลดลง -12% y-y และ +8% q-q โดย คชจ. ขายที่เพิ่มขึ้น q-q นั้นมาจากปริมาณขายเพิ่มขึ้น แต่หากหดตัว y-y จากสัดส่วนการขายในประเทศที่เพิ่มขึ้นทำให้ค่าขนส่งและค่า CESS ลดลง
ดอกเบี้ยจ่ายเพิ่ม +17% y-y และ +12% q-q ตามเงินกู้เพิ่มขึ้น กำไรปกติอยู่ที่ 484 ลบ. +13% y-y +119% q-q แต่มีรายการพิเศษเชิงลบ -125 ลบ. (ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน -12 ลบ. และขาดทุนป้องกันความเสี่ยง -113 ลบ.) ทำให้กำไรสุทธิเหลือเพียง 358 ลบ. -22% y-y -0.4% q-q ดีกว่าคาด 10%
ผลตอบแทนเงินปันผลสูงราว 6.4% ต่อปี : จากผลการดำเนินงานปี 2024 NER ประกาศจ่ายเงินปันผลทั้งสิ้น 0.36 บาท/ หุ้น โดย 1H24 จ่ายไปแล้ว 0.05 บาท/ หุ้น และ 2H24 ประกาศจ่าย 0.31 บาท/ หุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 24 เม.ย. 2025 และจ่ายเงินปันผลวันที่ 9 พ.ค. 2025 ซึ่งเฉพาะในส่วนการจ่ายเงินปันผลครึ่งปีหลังนั้นคิดเป็นผลตอบแทนเงินปัน 6.4% ยังเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเงินปันผลที่ดีและสม่ำเสมอตัวหนึ่งในกลุ่ม
เน้นขยายกำลังการผลิตในไทยก่อน Ivory Coast : ผบห. แจ้ง NER จะขยายกำลังการผลิตในไทยอีก 62% ทำให้กำลังการผลิตเพิ่มเป็น 675,600 ตันในกลางปี 2026 เป็นต้นไป และจะเพิ่มเป็น 835,600 ตันในปี 2027 จากปัจจุบันกำลังการผลิตอยู่ที่ 515,600 ตันเพื่อรองรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าอินเดียจากการย้ายคำสั่งซื้อจากอินโดนีเซียมาไทยแทนเพราะปัญหาโรคใบร่วงที่เกิดขึ้น และไม่สามารถกลับสู่ระดับปกติได้
ผบห. เผยปัจจุบันมีคำสั่งซื้อรองรับ 50% แล้วจะทำให้สัดส่วนการขายของอินเดียเพิ่มจาก 3-4% ในปัจจุบันเป็น 12-15% ในปี 2025 ส่วนใหญ่เป็นการขายแบบสัญญาระยะยาว โดยกำลังการผลิตใหม่นี้จะใช้เงินลงทุนราว 2,000 ลบ. มาจากกระแสเงินสดและเงินกู้ ส่วนการลงทุนที่ Ivory Coast นั้นช้ากว่าแผนที่วางไว้เนื่องจากความล่าช้าในการขออนุมัติจากรัฐทำให้อาจไม่ได้เร่งมากในการรุกประเทศดังกล่าวและหันมาขยายในไทยแทน
ปรับประมาณการปี 2025 ขึ้น : เราคาดว่าแนวโน้มราคายางยังยืนระดับสูงจากปัจจัยสนับสนุน คือ อุปทานยางในตลาดโลกจะไม่เพิ่มขึ้นมากนัก เนื่องจากการปลูกยางใหม่ของประเทศผู้ผลิตยางหลักมีไม่มาก ส่วนใหญ่จะเป็นการปลูกใหม่ในพื้นที่เดิมเป็นหลัก ขณะที่ประเทศผู้ผลิตหลักอย่างอินโดนีเซียคาดจะยังไม่กลับสู่ระดับปกติ และแนวโน้มครึ่งปีหลังอาจมีประเด็นยาง EUDR ที่จะเริ่มบังคับใช้ในปี 2026 ทำให้จะเห็นการเร่งซื้อยางอีกครั้ง
ปี 2025 เราคาดยอดขาย 34,013 ลบ. +24% y-y ภายใต้สมมติฐานปริมาณขาย 485,900 ตัน +11% y-y ราคาขายเฉลี่ย 70 บาท/ กก. เพิ่มขึ้น +12% y-y เราคาดอัตรากำไรขั้นต้นจะใกล้เคียงปีก่อนจากต้นทุนวัตถุดิบที่เร่งตัวขึ้น แม้ว่า NER จะมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการสต็อกการขายจากเดิมที่ 5-6 เดือนเหลือเพียง 4-5 เดือนก็ตาม เราคาดจะช่วยลดภาระเงินทุนหมุนเวียนให้สั้นลง อย่างไรก็ตาม เราคาดดอกเบี้ยจ่ายจะยังเพิ่มขึ้นตามราคายางที่เพิ่มขึ้น เราปรับกำไรสุทธิเพิ่มเป็น 1,993 ลบ. ขยายตัว +21% y-y
ปันผล 6.4% รอที่ เม.ย.
“เราคาดการดำเนินงานปี 2025 จะกลับมาเติบโตระดับ 2 หลักอีกครั้งจากทั้งปริมาณขายและราคาขายเพิ่มขึ้น รวมถึงแผนขยายกำลังการผลิตรองรับสำหรับคำสั่งซื้อซึ่งจะเพิ่มการเติบโตในปีถัดไป
ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขาย P/E25E เพียง 3.9 เท่า และผลตอบแทนเงินปันผลช่วงที่เหลือของปีน่าพอใจ 6.4% หุ้นถูกทั้งในเชิง valuation และผลตอบแทนเงินปันผลที่ดี อีกทั้งแนวโน้มราคายางก็ยังอยู่ในระดับสูงต่อ นลท.สายปันผลสะสมก่อน XD 24 เม.ย. 2025 ”
ESG Snapshot : NER เด่นชัดในด้าน ESG ด้วยการใช้พลังงานหมุนเวียน 11.8% ของไฟฟ้ารวม พร้อมลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานลง 26.0 ล้านบาท/ ปี คิดเป็น 1.7% ของกำไรสุทธิปี 2023 และ NER ตั้งเป้าสู่ Carbon Neutrality ภายในปี 2030 พร้อมทั้งเสริมด้วยโครงการ ZERO WASTE เพื่อลดก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 17,988 ตัน/ ปี อีกด้วย
ESG Commitment : เป้าหมายที่สร้างความมั่นใจให้นักลงทุน
นารี อภิเศวตกานต์ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน #17971 naree.a@liberator.co.th