Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

495

 

ปัจจัยภายนอกรุมเร้า กดดัน SET ผันผวน
TOP PICK BDMS / ADVANC / CPAXT

EXTERNAL FACTOR
ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลงราว 1.3%-2.0% จากหลายปัจจัยกดดัน เช่น สงครามการค้ามีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้น, ความเสี่ยง GOVERNMENT SHUTDOWNสหรัฐฯเพิ่มสูงขึ้น, สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนส่อแววยืดเยื้อ เป็นต้น ซึ่งน่าจะเป็นแรงกดดันต่อตลาดหุ้นไทยในวันนี้

ตัวเลข PPI สหรัฐฯ ที่ออกมาต่ำคาด และต่ำกว่าเดือนก่อนหน้า ทำให้ FED WATCHTOOL คาด FED จะเริ่มลดดอกเบี้ยครั้งแรก ในการประชุมรอบวันที่ 18 มิ.ย. 68 ด้วยความน่าจะเป็น 71%(เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า) และอาจเกิดขึ้น 2-3 ครั้งในปีนี้ (เดิมคาด 1 ครั้ง)

INTERNAL FACTOR
นับถอยหลัง 19 วัน ก่อนสหรัฐฯ สหรัฐฯ จะมีการบังคับใช้ภาษีตอบโต้ (RECIPROCALTARIFFS) จากทุกประเทศ ในวันที่ 2 เม.ย. 68

สภาหอการค้าไทยฯ คาดว่า สหรัฐฯ จะพิจารณาเป็นรายประเทศที่มีการเกิดดุลการค้าสหรัฐฯ พร้อมประเมินว่าจะมีราว 50 ประเทศ และอาจมีบ้านเราติดอยู่ด้วย

และเนื่องด้วยไทยพึ่งส่งออกสูงทำให้ “เศรษฐกิจไทย” มีความเสี่ยงมากขึ้น ในการหลีกเลี่ยงแรงกระแทกของ TRADE WAR 2 ด้าน ม.หอการค้าไทย คาดว่าจะส่งผลให้มูลค่าการส่งออกของไทยลดลงราว -0.30% ของ GDP


INVESTMENT STRATEGY
FUND FLOW ไหลออกจากตลาดหุ้นในภูมิภาคเกือบทุกแห่งในเดือนนี้มีเพียงตลาดหุ้นฟิลิปินส์ที่ถูกซื้อสุทธิเล็กน้อย ส่วนตลาดหุ้นไทย แม้จะมีประเด็น THAIESG X ช่วยชะลอแรงขายจากกองทุน แต่ต่างชาติยังขายหุ้นไทยมา 4 วันทำการติดต่อกัน สูงถึง 8.2 พันล้านบาท กดดันให้ตลาดหุ้นไทยยังไม่ขยับขึ้นไปไหน

ตลาดหุ้นไทยยังโงหัวไม่ขึ้น ขาด FUND FLOW ไหลเข้า แต่ด้วย VALUATION ที่ถูก มี MEYG 5.7% แนะนำทยอยสะสมหุ้นปันผลสูง หวังผลระยะกลางยาว AP, SPALI, SCC, PTTEP

หวัง SET ตั้งแต่วันนี้จะผ่านพ้นจุดต่ำ เหมือน 5 ปีที่แล้ว 13 มี.ค. 20 ที่ SET INDEX ทำจุดต่ำสุดที่ 969 จุด


ปัจจัยภายนอกรุมเร้า กดดันตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับลงต่อเนื่อง
วานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับตัวลงราว 1.3%-2.0% จากหลายปัจจัยกดดัน อาทิ

สงครามการค้ามีแนวโน้มทวีความรุนแรงขึ้น โดยก่อนหน้านี้สหภาพยุโรป (EU) ประกาศเรียกเก็บภาษีวิสกี้ที่นำเข้าจากสหรัฐฯ ในอัตรา 50% เพื่อตอบโต้สหรัฐฯ ที่เรียกเก็บภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมจากยุโรป ซึ่งส่งผลให้TRUMP ขู่ผ่านทางแพลตฟอร์ม SOCIAL MEDIA ว่าจะเรียกเก็บภาษีผลิตภัณฑ์แอลกอฮอล์และไวน์นำเข้าจาก EU สูงถึง 200%(ปัจจุบันอัตราภาษีนำเข้าสินค้าประเภทดังกล่าวอยู่ที่ 17.5%) ส่งผลให้ภาคการค้าระหว่างประเทศมีโอกาสปั่นป่วนขึ้นเรื่อยๆ

ความเสี่ยง GOVERNMENT SHUTDOWN สหรัฐฯเพิ่มสูงขึ้น หลังเกิดความขัดแย้งในสภาเรื่องการลดค่าใช้จ่ายของ ELON MUSK และการจัดการงบประมาณ โดยคุณ TRUMP มีกำหนดการลงนามเป็นกฎหมายภายในวันศุกร์ที่ 14 มี.ค.68 ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง อาจกดดันให้ตลาดหุ้นปรับตัวลงเฉกเช่น
สถิติในปี 2018


สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนส่อแววยืดเยื้อ หลังผู้ช่วยปูติน คัดค้านข้อเสนอของสหรัฐที่จะให้มีการหยุดยิงในยูเครนเป็นเวลา 30 วัน โดยกล่าวว่า ข้อเสนอดังกล่าวจะทำให้ยูเครนได้เปรียบ ซึ่งก่อนหน้านี้TRUMPกล่าวว่า รัสเซียจะถูกคว่ำบาตรทางการค้าและทางเศรษฐกิจอย่างหนัก หากไม่รับข้อเสนอดังกล่าว


อย่างไรก็ตามยังพอมีปัจจัยกหนุนจากการพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยในปีนี้ของ FED ดูมีปัจจัยหนุนมากขึ้น หลังดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ปรับตัวขึ้น 3.2%YOY ชะลอตัวลงจากเดือนม.ค. และต่ำกว่าที่ตลาดคาด ขณะที่ดัชนี PPI พื้นฐาน(CORE PPI) ปรับตัวขึ้น 3.4%YOY ชะลอตัวลงจากเดือนม.ค. และต่ำกว่าที่ตลาดคาดเช่นกัน หนุนให้ความคาดหวังดอกเบี้ยขาลงมีมากขึ้น ขณะที่ FEDWATCH TOOL คาด FED จะเริ่มลดดอกเบี้ยครั้งแรก ในการประชุมรอบวันที่ 18มิ.ย. 68 ด้วยความน่าจะเป็น 71%(เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อนหน้า) และอาจเกิดขึ้น 2-3 ครั้งในปีนี้ (เดิมคาด 1 ครั้ง)


สงครามการค้าเข้าใกล้วันกระแทกไทย “โดยตรง”
นับถอยหลัง 19 วัน ก่อนสหรัฐฯ สหรัฐฯ จะมีการบังคับใช้ภาษีตอบโต้ (RECIPROCAL TARIFFS) จากทุกประเทศ ในวันที่ 2 เม.ย. 68 โดยสภาหอการค้าไทยฯ คาดว่า สหรัฐฯ จะพิจารณาเป็นรายประเทศที่มีการเกิดดุลการค้าสหรัฐฯพร้อมประเมินว่าจะมีราว50 ประเทศ และอาจมีบ้านเราติดอยู่ด้วย เนื่องจากไทยได้ดุลการค้ากับสหรัฐฯ มากขึ้น โดยในปี 2017 อยู่ลำดับที่ 14 (มูลค่า 2.01 หมื่นล้านเหรียญฯ) ส่วนปี 2024 อยู่ลำดับที่ 11 (มูลค่า 4.56 หมื่นล้านเหรียญฯ)

นอกจากนี้ไทยยังเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ในอัตราที่สูงกว่า โดยล่าสุดรายงานของ USTR เผย อัตราภาษีนำเข้าจากสหรัฐที่อยู่ระดับสูง โดยเฉพาะสินค้าเกษตร ซึ่งของไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 27% และสินค้าอื่นๆ เฉลี่ยอยู่ที่ 7.1%เทียบกับของสหรัฐในด้านสินค้าเกษตรอยู่ที่ 5% ส่วนสินค้าอื่นๆ เฉลี่ยอยู่ที่ 3.1% ขณะที่อัตราภาษีศุลกากรเฉลี่ยของสินค้าทั้งหมดอยู่ที่ 9.8% ซึ่งสูงกว่าสหรัฐฯ เกือบ 3 เท่า

และเนื่องด้วยไทยพึ่งส่งออกสูง โดยคิดเป็นสัดส่วน 64% ของ GDP และส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วน17% ทำให้ “เศรษฐกิจไทย” มีความเสี่ยงมากขึ้น ในการหลีกเลี่ยงแรงกระแทกของTRADE WAR 2

สำหรับผลกระทบสงครามของการค้าต่อเศรษฐกิจไทย ศูนย์พยากรณ์ฯ คาดว่ามาตรการภาษีของรัฐบาล TRUMP2.0 จะมีผลทำให้มูลค่าการส่งออกของไทยลดลงราว 56,067 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนราว -0.30% ของ GDP


FUND FLOW ไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงในช่วงนี้
FUND FLOW ไหลออกจากตลาดหุ้นในภูมิภาคเกือบทุกแห่งในเดือนนี้มีเพียงตลาดหุ้นฟิลิปินส์ที่ถูกซื้อสุทธิเล็กน้อย -33 ล้านเหรียญส่วนตลาดหุ้นอื่นๆ ถูกขายหนัก เช่น ตลาดหุ้นไต้หวัน -8.3 พันล้านเหรียญ, อินเดีย -2.1 พันล้านเหรียญ, ญี่ปุ่น -1.5 พันล้านเหรียญส่วนตลาดหุ้นไทย ถูกขายสุทธิ -374 ล้านเหรียญ แม้จะมีประเด็น THAIESG X ช่วยชะลอแรงขายจากกองทุน แต่ต่างชาติยังขายหุ้นไทยมา 4 วันทำการติดต่อกัน สูงถึง 8.2 พันล้านบาท กดดันให้ตลาดหุ้นไทยยังไม่ขยับขึ้นไปไหน


ส่วนในมุม VALUATION อิง MEYG25F พบว่า ตลาดหุ้นสหรัฐอยู่ในระดับที่ต่ำ 0.4% แต่ตลาดหุ้นในฝั่งเอเชียบางแห่งยังสูงอยู่ อาทิเกาหลีใต้ 8.0%, จีน 5.8%, ไทย 5.7%, ไต้หวัน 4.5% ดังนั้นช่วง FUND FLOW ไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงเข้าสินทรัพย์ปลอดภัยน่าจะกดดันตลาดหุ้นที่มี VALUATION ถูกน้อยกว่า หรืออาจมีเม็ดเงินไหลออกจากตลาดหุ้น VALUATION แพง มาตลาดหุ้นVALUATION ถูกได้

 

ตลาดหุ้นไทยยังโงหัวไม่ขึ้น ขาด FUND FLOW ไหลเข้า แต่ด้วย VALUATION ที่ถูก มี MEYG 5.7% แนะนำทยอยสะสมหุ้นปันผลสูงหวังผลระยะกลางยาว AP, SPALI, SCC, PTTEP

***สุดท้ายหวังว่า SET INDEX ตั้งแต่วันนี้ 13 มี.ค. 25 ไปจะผ่านพ้นจุดต่ำ เหมือนกับ 5 ปีที่แล้ว 13 มี.ค. 20 ที่ SET INDEX ทำจุดต่ำสุดที่ 969 จุด***

 

Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ลุ้น หวยออก By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ บ่ายวันนี้ ลุ้น หวยออก ระหว่างรอ ครม. ระหว่างรอผลประชุม เฟด เงินบาทแข็งค่า.....

ATLAS ผนึก PTG เปิดสถานี 'PT Max Rest นครชัยศรี 11' ใหญ่ที่สุดในไทย รองรับไลฟ์สไตล์นักเดินทางยุคใหม่

ATLAS ผนึก PTG เปิดสถานี 'PT Max Rest นครชัยศรี 11' ใหญ่ที่สุดในไทย รองรับไลฟ์สไตล์นักเดินทางยุคใหม่

มัลติมีเดีย

PTG × ATLAS ร่วมกันเปิดปั๊มแลนด์มาร์กใหม่ “PT Max Rest นครชัยศรี 11”

PTG × ATLAS ร่วมกันเปิดปั๊มแลนด์มาร์กใหม่ “PT Max Rest นครชัยศรี 11”

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้