หุ้นไทยถูกแสนถูกกว่าใครๆ
TOP PICK SPALI / SC / CPALL
XTERNAL FACTOR
ภาพรวมตลาดแรงงานสหรัฐฯ ในเดือน ก.พ. 68 ส่งสัญญาณอ่อนแอมากกว่าตลาดคาดการณ์ โดยล่าสุดสหรัฐฯ มีรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร อยู่ที่151,000 ตำแหน่ง ซึ่งต่ำกว่าตลาดคาด ส่วนอัตราการว่างานปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ4.1% ทำให้ต้องระวังความเสี่ยงเศรษฐกิจลดความร้อนแรงลง แต่ในอีกแง่มุมหนึ่ง มองเป็นปัจจัยหนุนให้ FED พิจารณาปรับลดดอกเบี้ย
• สำหรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ยังมีความไม่แน่นอน โดยเฉพาะในภาคการบริโภคและการค้าระหว่าง ทำให้ตลาดฯ กำลงมองหามาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม
INTERNAL FACTOR
วันศุกร์ที่ผ่านมาเงินเฟ้อไทยเดือน ก.พ. 68 อยู่ที่ +1.08%YOY ซึ่งชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่ +1.32%YOY และต่ำกว่าตลาดคาดที่ +1.10%YOY ถือเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการชะลอลงของเศรษฐกิจ และอาจเป็นแรงหนุนให้ กนง. ลดดอกเบี้ยในอนาคต
• ฝั่งตลท.เตรียมออกมาตรการกระตุกความเชื่อมั่นเพิ่มเติม อาทิ THAIESG X,THAIESG วงเงินคูณ 2ซื้อระยะ 2เดือน, TISA (THAILAND INDIVIDUAL SAVINGSACCOUNT) ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง น่าจะเรียกความเชื่อมั่นและปริมาณการซื้อขายของSET ให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง
INVESTMENT STRATEGY
SET ย่อตัวลงมาลึกเกินไปที่ 1200 จุด มี PBV68F 1.15 เท่า (-2SD) ต่ำสุดเป็นอันดับต้นๆ ของโลก (MSCIWORLD 2.97 เท่า) และ SET มี DIVIDEND YIELD 68F สูง 4.3% (+1SD) สูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก (MSCIWORLD 2.0%)
• ถ้ารัฐบาลและตลาดหลักทรัพย์ เร่งออกมาตการต่างๆ เรียกความเชื่อมั่น พร้อมกับเพิ่มสภาพคล่อง น่าจะเป็นจังหวะที่เหมาะสมที่สุด แนะนำทยอยสะสม 8 หุ้นปันผลเด่น เสริมพอร์ตในเชิงรับ หุ้นปันผลถูกแสนถูก AP,SPALI, SCC, PTTEP เสริมพอร์ตไนเชิงรุก หุ้น MEGA TREND ปันผลสูงขึ้นเรื่อยๆ BH, ITC, WHA, CPALL
ปัจจัยแวดล้อมยังดูไม่ค่อยเสถียร
ภาพรวมตลาดแรงงานสหรัฐฯ ในเดือน ก.พ. 68 ส่งสัญญาณอ่อนแอมากกว่าตลาดคาดการณ์ โดยล่าสุดสหรัฐฯ มีรายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร อยู่ที่ 151,000 ตำแหน่ง ซึ่งต่ำกว่าตลาดคาดที่ 159,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างานปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 4.1% ทำให้ต้องระวังความเสี่ยงเศรษฐกิจลดความร้อนแรงลง แต่ในอีกแง่มุมหนึ่งมองเป็นปัจจัยหนุนให้ FED พิจารณาปรับลดดอกเบี้ย
ขณะที่มุมมองของตลาดฯ ต่อทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯ ดูยังไม่นิ่ง สังเกตุจาก FEDWATCH TOOL ให้น้ำหนักที่คาดว่าจะเริ่มปรับลดดอกเบี้ยตั้งแต่เดือน ก.ค. 68 อยู่ในระดับต่ำกว่า 50% อย่างไรก็ตาม ในปีนี้อาจเห็น FED ปับลดดอกเบี้ยอย่างน้อย 1 ครั้ง
สวนทางกับทางฝั่งญี่ปุ่นที่ทาง REUTER เผยว่า BOJ อาจมีการหารือปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนพ.ค. หลังเผชิญความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ ทำให้การเดินหน้านโยบายการเงินระหว่าง FED และ BOJ อาจสวนทางกันในช่วง 2Q68 ซึ่งมีโอกาสส่งผลให้เงินเยนแข็งค่า และกดดันให้ DOLLAR อ่อนค่าลงได้
สำหรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ยังมีความไม่แน่นอน โดยเฉพาะในภาคการบริโภคและการค้าระหว่างประเทศสะท้อนจากเงินเฟ้อจีนเดือน ก.พ. 68 พลิกติดลบครั้งแรกในรอบ 13 เดือน อีกทั้งการส่งออกจีนเดือน ก.พ. 68 ยังขยายตัวน้อยว่าที่คาด ทำให้ตลาดฯ กำลงมองหามาต
มาตรการของ ตลท.เตรียมกระตุ้นให้ SET กลับมาสดใสอีกครั้ง
วันศุกร์ที่ผ่านมาตัวเลขเงินเฟ้อไทยเดือน ก.พ. 68 อยู่ที่ +1.08%YOY ซึ่งชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่ +1.32%YOYและต่ำกว่าตลาดคาดที่ +1.10%YOY ซึ่งถือเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการชะลอลงของเศรษฐกิจ ซึ่งสอดคล้องกับกนง.ที่เพิ่งมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนยโยบาย 25 BPS. ลงมาอยู่ที่ระดับ 2.0% ขณะที่กระทรวงพาณิชย์คาดเงินเฟ้อ มี.ค.68 ยังใกล้เคียงก.พ.68 โดยมองเงินเฟ้อช่วง 2Q68 ชะลอตัวเหลือ 0.5%YOY จากผลราคาพลังงานที่ปรับลงในช่วงเวลาดังกล่าว และคาดเงินเฟ้อทั่วไปทั้งปีนี้ จะอยู่ในช่วง 0.3-1.3%(ซึ่งใกล้เคียงกับเป้าหมายของ ธปท.ที่ 1-3%)ซึ่งฝ่ายวิจัยฯประเมิน 2H68 กนง.มีโอกาสลดดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง 0.25% เหลือ 1.75%หากตัวเลขเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นเท่าที่ควรโดยประเมินว่า การปรับลดดอกเบี้ย 25 BPS. จะหนุนระดับ MARKET EARNING YIELD GAP ได้สูงถึง 5.75% คาดว่า TARGET SET INDEX จะขยับขึ้นมาได้ราว 51 จุด
ขณะที่ฝั่งตลท.เตรียมออกมาตรการกระตุกความเชื่อมั่นเพิ่มเติม ซึ่งมีอยู่ 3 กระแสในช่วงนี้คือ
1. THAIESG X โดยแปลงกองทุน LTF เดิมที่มีมูลค่าราว 1.8 แสนล้านบาท ซึ่งนักลงทุนต้องถือหน่วยลงทุนต่อไปอีก 5 ปีและได้สิทธิลดหย่อนภาษี หักได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 500,000 บาท
2. THAIESG วงเงินคูณ 2 ซื้อระยะ 2 เดือน ซึ่งเดิม THAIESG สามารถหักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 3 แสนบาทต่อปีจะสามารถหักลดหย่อนภาษีได้เป็นไม่เกิน 6 แสนบาทต่อปีในช่วงเวลา 2 เดือนเท่านั้น
3. TISA (THAILAND INDIVIDUAL SAVINGS ACCOUNT) คือ การให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนหุ้นรายตัวได้โดยเป็นการถือระยะยาว และสามารถนำไปลดหย่อนภาษีบุคคลประจำปีซึ่งมีเงื่อนไขว่าจะต้องถือครองหุ้นไปจนถึงวัยเกษียณถึงจะขายหุ้นออกมาได้โดยไม่เสียภาษีคาดแล้วเสร็จภายใน 3-4 เดือนนับจากนี้ซึ่งตลาดหุ้นญี่ปุ่นเคยทำมาก่อน ชื่อโครงการว่า NISA (NIPPON INDIVIDUAL SAVINGS ACCOUNT) ซึ่งทำให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นสดใส โดยปี 2023 ดัชนีขึ้น 28% แม้EPS GROWTH จะ -14.4%YOY ก็ตาม
ตลาดหุ้นไทยมี VALUATION ถูกมาก ในเชิงเปรียบเทียบ น่าทยอยสะสม
SET INDEX ย่อตัวลงมา 3 ปีติด และปีนี้ผ่านมา 2 เดือนเศษก็ลงมาแรงเกิน 15% อยู่บริเวณ 1200 จุด ถือว่าย่อตัวลงมาลึกเกินไปมาก เพราะในมุม VALUATION SET INDEX มี PBV68F 1.15 เท่า (-2SD) และ SET มี DIVIDEND ทั้ง PBV ของ SET ถือว่าต่ำสุดเป็นอันดับต้นๆ ของโลก (เทียบกับ MSCI WORLD INDEX มี PBV สูงถึง 2.97 เท่า)และ DIVIDEND YIELD ของ SET ก็สูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก (เทียบกับ MSCI WORLD INDEX มี DIVIDENDYIELD 2.0%)
ถ้ารัฐบาลและตลาดหลักทรัพย์ เร่งออกมาตการต่างๆ เรียกความเชื่อมั่น พร้อมกับเพิ่มสภาพคล่อง อย่าง โยก LTFเป็น THAIESGX, เพิ่มวงเงิน THAIESG ช่วงสั้นๆ, ออก TINA (THAIINDIVIDUAL SAVINGS ACCOUNT) ถือเป็นมาตการที่ดี และมาในเวลาถูกที่ถูกเวลาสุดๆแนะนำ 8 หุ้นปันผลเด่นน่าทยอยสะสม เสริมพอร์ตในเชิงรับ หุ้นปันผลถูกแสนถูก AP, SPALI, SCC, PTTEP เสริมพอร์ตไนเชิงรุก หุ้น MEGA TREND ปันผลสูงขึ้นเรื่อยๆ BH, ITC, WHA, CPALLนักลงทุนสามารถติดตามบทวิเคราะห์ฉบับเต็ม ได้ใน INVESTMENT TALK หัวข้อ “ถึงเวลาเข้าสะสม หุ้นDIVIDEND RANGER เสริมพอร์ต”
Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์