Today’s NEWS FEED

News Feed

HotNews: PTG เปิดยุทธศาสตร์ปี 68 ชูธง PT Max Card และ PT Max Card Plus เสริมแกร่ง Oil และ Non-Oil

959

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 7  มีนาคม 2568)----บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (PTG) เปิดกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจปี 2568 ภายใต้ Max World เดินหน้าขยายเครือข่ายธุรกิจในหลากหลายมิติ เพื่อรองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง พร้อมตอกย้ำวิสัยทัศน์ "อยู่ดี มีสุข" ผ่านการพัฒนาระบบนิเวศทางธุรกิจ (Ecosystem) ที่เชื่อมโยงทุกไลฟ์สไตล์ และใช้ฐานสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus กว่า 25 ล้านสมาชิก เป็นกลไกสำคัญในการเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ Oil และ Non-Oil  ตั้งเป้าสัดส่วนกำไรขั้นต้นของธุรกิจ Non-Oil เพิ่มขึ้นเป็น 50% ภายในปี 2571 มุ่งเน้น กาแฟพันธุ์ไทย เป็นหัวหอกสำคัญ ขยายสู่ 5,000 สาขาทั่วประเทศ และก้าวสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality ภายในปี 2573


คุณพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยในงาน  “ PTG Drive for Tomorrow: Max Card. Max Growth. Max World.” ว่าปี 2567 ที่ผ่านมา PTG สามารถสร้างการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยมี PT Max Card และ PT Max Card Plus กว่า 25 ล้านสมาชิก (คิดเป็น 1 ใน 3 ของประชากรไทย) เป็นกุญแจสำคัญที่ผลักดันให้ธุรกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดดทั้งในด้านปริมาณ คุณภาพ และกลยุทธ์



ธุรกิจ Oil ของ PTG ทำสถิติใหม่ด้านปริมาณการจำหน่ายน้ำมันสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 6,548 ล้านลิตร เติบโต 12.9% YoY สูงกว่าอัตราการเติบโตของอุตสาหกรรมกว่า 10 เท่า (ตลาดเติบโต 0.4% YoY) พร้อมครองส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 21.9% จาก Same-Store Sales Growth (SSSG) กว่า 11.6% YoY โดยมี PT Max Card เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก ดึงดูดลูกค้าให้กลับมาเติมน้ำมันมากขึ้น บ่อยขึ้น และต่อเนื่องขึ้น นอกจากปริมาณที่เติบโตขึ้นแล้ว PTG ยังให้ความสำคัญกับคุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการ โดยเน้นโครงการหัวจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงมาตรฐาน และคุณภาพการบริการ เช่น บริการส่งน้ำมัน Max Service การเช็ดกระจก การดูแลลูกค้า พร้อมกลยุทธ์การเติบโตควบคู่ไปกับลูกค้า ชุมชน และ คู่ค้า ผ่านการพัฒนา Max Enterprise Connect (MEC) โซลูชันสำหรับลูกค้าองค์กร และร่วมมือกับกรมการค้าภายใน เพื่อสร้างคุณค่าร่วมกับภาครัฐและชุมชน อีกทั้งได้พัฒนาและปรับปรุงสถานีบริการให้เป็น One-Stop Destination รองรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วให้ทุกสถานีกลายเป็นมากกว่าสถานีเติมน้ำมัน



ขณะเดียวกัน ธุรกิจ Non-Oil เติบโตอย่างแข็งแกร่งครอบคลุมทุกมิติ ในมุมของปริมาณทางฝั่งธุรกิจ Non-Oil มีรายได้เติบโต 31.2% YoY ซึ่งสูงกว่าการเติบโตของ GDP 10 เท่า (GDP เติบโต 2.5% YoY) ขณะที่กำไรขั้นต้นของธุรกิจ Non-Oil เพิ่มขึ้น 35% YoY โดยมีกาแฟพันธุ์ไทยเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักที่ขับเคลื่อนธุรกิจ Non-Oil ด้วยการเติบโตที่โดดเด่นของกำไรขั้นต้นซึ่งเพิ่มขึ้น 80.2% YoY จากการขยายสาขาเฉลี่ยกว่า 1.3 สาขาต่อวันไปยังสถานีบริการน้ำมันและภายนอกสถานีบริการน้ำมันที่มีศักยภาพ อีกทั้งได้พัฒนาสินค้าและบริการต่าง ๆ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้า โดยพัฒนาโมเดลร้านให้หลากหลาย  รวมถึงการทำแคมเปญที่สอดรับกับการสนับสนุนวัตถุดิบท้องถิ่นอย่าง “ไทยริกาโน”  ขณะที่ Autobacs ซึ่งประกอบธุรกิจศูนย์ซ่อมบำรุงรถยนต์ และศูนย์บริการ มาตรฐานระดับญี่ปุ่น กำไรขั้นต้นเติบโต 70.9% YoY จากการขยายสาขาเป็น 117 สาขาภายในปี 2567  โดยมีรายได้เติบโตด้วยเช่นกันที่ 76% YoY  


ทั้งนี้การเติบโตของกาแฟพันธุ์ไทย และ Autobacs เกิดจากพลังของฐานลูกค้าสมาชิกมีการเติบโตสะท้อนจากยอดขายกาแฟพันธ์ไทยกว่า 75% มาจากสมาชิก Max Card และ Max Card Plus โดยสมาชิก Max Card Plus มีการบริโภคกาแฟมากกว่าลูกค้าทั่วไป 7 เท่าต่อเดือน อีกทั้งซื้อกาแฟต่อครั้งมากกว่าลูกค้าทั่วไปถึง 2 เท่า  


นอกจากนี้ PTG ยังเติบโตเชิงกลยุทธ์โดยร่วมมือกับพันธมิตรสำคัญอย่าง บสย. เพื่อเสริมรากฐานการขยายแฟรนไชส์กาแฟพันธุ์ไทยที่แข็งแกร่ง นอกจากนี้ยังได้มีการร่วมมือกับ กรมป่าไม้ แม่ฟ้าหลวง และ ธกส. ในการพัฒนาและส่งเสริมการปลูกกาแฟอาราบิก้าและพืชเศรษฐกิจยั่งยืนเพื่อรับซื้อเมล็ดกาแฟจากเกษตรกรท้องถิ่นอย่างเป็นธรรมในอนาคต    


รวมถึงการส่งเสริมวัตถุดิบท้องถิ่นในแต่ละจังหวัดผ่านการรังสรรค์เมนูเครื่องดื่มของกาแฟพันธุ์ไทยเพื่อต่อยอดเพิ่มมูลค่า สนับสนุนเกษตรกร กระจายรายได้สู่ชุมชน และสร้างความยั่งยืนในทุกภูมิภาค


คุณพิทักษ์ กล่าวอีกว่าสำหรับอนาคต PTG มุ่งสู่ Max World ซึ่งเป็นระบบนิเวศทางธุรกิจ (Ecosystem) ที่เชื่อมโยงทุกไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคให้เข้าถึงชีวิตที่ อยู่ดี มีสุข ผ่าน 3 เป้าหมายหลัก ได้แก่


1. ยกระดับคุณภาพให้ลูกค้ามี “ชีวิตดี” ผ่านบัตร Max Card และ Max Card Plus โดยมอบโอกาสให้ลูกค้าประหยัดค่าใช้จ่าย และได้รับสิทธิพิเศษมากขึ้น เช่น เข้าพักจุดบริการ PT MAX CAMP ฟรีระหว่างการเดินทาง ส่วนลด 50 สตางค์/ลิตร สำหรับน้ำมันใสหรือ LPG ส่วนลด 50% สำหรับเครื่องดื่มที่ร้านกาแฟพันธุ์ไทยหรือคอฟฟี่เวิลด์ ฟรีค่าบริการจัดส่งน้ำมันฉุกเฉิน มูลค่า 100 บาท เป็นต้น โดยสิทธิประโยชน์เหล่านี้ได้รับกระแสตอบรับอย่างดีเยี่ยม และเกิดการบอกต่ออย่างกว้างขวางจนถึงปัจจุบัน สะท้อนให้เห็นว่าทุกสิ่งที่ PTG ขับเคลื่อนอยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจลูกค้า ดังคำกล่าว “ใครจะเข้าใจคนไทย... ได้ดีกว่าคนไทยด้วยกัน”


2. ขยายธุรกิจ Non-Oil ให้ “เติบโต” โดยตั้งเป้าสัดส่วนกำไรขั้นต้นในธุรกิจ Non-Oil เพิ่มขึ้นเป็น 50% ภายในปี 2571 ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มจะเพิ่มขึ้นเป็น 25% ของกําไรขั้นต้น พร้อมกับธุรกิจ Non-Oil อื่น ๆ อีก 25% โดยการเพิ่มในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม มีปัจจัยมาจากการขยายกาแฟพันธุ์ไทยสู่ 5,000 สาขา ภายในปี พ.ศ. 2571 การขยายสาขานี้จะทําให้กาแฟพันธุ์ไทยเข้าถึงชุมชนและเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น ในมุมธุรกิจใหม่ Subway ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศธุรกิจของ PTG ผ่านบัตร Max Card โดยใช้ประโยชน์จากฐานสมาชิกกว่า 25 ล้านราย เพื่อมอบความคุ้มค่าและสิทธิประโยชน์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้ามากยิ่งขึ้น

 


ด้านนายรังสรรค์ พวงปราง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการเงินและความยั่งยืน บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ได้กล่าวเสริมว่า PTG ได้ขยายขอบเขตไปยังธุรกิจ Non-Oil อื่น ๆ อย่างเต็มรูปแบบ ผ่านการเชื่อมต่อกับ Max Card ให้ลูกค้าปลดล็อกสิทธิประโยชน์ที่เหนือกว่า ไม่ว่าจะในด้าน บริการสินเชื่อที่ PTG ได้ร่วมมือกับ Paisan Capital เพื่อให้การสนับสนุนผู้ประกอบการขนส่ง เสริมศักยภาพในการเข้าถึงสินเชื่อด้วยเงื่อนไขที่เหมาะสมและตรงกับความต้องการ อีกทั้ง PTG เป็นผู้นำในการนำ Subscription Model มาเชื่อมต่อกับสถานีชาร์จ EV Elex by EGAT PT ให้ลูกค้าปลดล็อกสิทธิประโยชน์ที่เหนือกว่า พร้อมยกระดับสุขอนามัยของคนในชุมชนผ่านธุรกิจบริหารจัดการขยะและ


3. PTG ได้ย่อ Max World มาอยู่ในมือลูกค้า ผ่านแอปพลิเคชัน Max Me เพื่อเพิ่ม “ความสะดวกสบาย” ให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าและบริการได้ง่ายขึ้น ผ่านแพลตฟอร์มที่รวมสินค้า บริการ และสิทธิพิเศษไว้ในที่เดียว


นอกจากนี้ PTG ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการเติบโตของธุรกิจ แต่ยังให้ความสำคัญกับการส่งมอบคุณค่าให้กับสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ที่ผ่านมา PTG ได้ดำเนินโครงการที่ช่วยสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ โครงการติดตั้ง Solar Roof ในสถานีบริการ, ค่ายอาสาทำจริงไม่ทิ้งกัน, การส่งเสริมพืชเศรษฐกิจและไม้ยืนต้นร่วมกับการปลูกกาแฟ และการฟื้นฟูป่าชายเลน รวมถึง การร่วมมือกับกรมการค้าภายใน รับซื้อผลผลิตทางการเกษตรจากเกษตรกรเพื่อนำมาแจกให้ลูกค้าสถานีบริการน้ำมัน  
อีกทั้ง PTG ยังตอกย้ำความมุ่งมั่นด้าน ธรรมาภิบาลและความโปร่งใส โดยได้รับรอง CAC ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ด้วยแนวคิดของ PTG คือ การเติบโตของธุรกิจต้องไปพร้อมกับสังคมและสิ่งแวดล้อม เพราะ PTG ตระหนักดีว่าภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบโดยตรงต่อทุกภาคส่วนจากวิกฤตน้ำท่วม ไฟป่า ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงด้านกฎระเบียบและต้นทุนคาร์บอนในระดับโลก ปัจจุบัน 140 ประเทศทั่วโลกได้ประกาศเป้าหมาย Net Zero ซึ่งกำลังเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมพลังงานผ่าน นโยบาย COP, ภาษีคาร์บอน (Carbon Tax) และ CBAM (Carbon Border Adjustment Mechanism) ซึ่งอาจเพิ่มต้นทุนให้กับธุรกิจที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง ด้วยเหตุนี้ PTG จึงให้คำมั่นในการก้าวสู่ Carbon Neutrality ภายในปี 2030 (Scope 1 และ 2) ผ่าน 3 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่


-    Reduce (10%): ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการดำเนินงานภายในองค์กร (Drive Internal Decarbonization)

-    Reforestation (30%): ดูดซับและกักเก็บคาร์บอนผ่านการปลูกป่า การฟื้นฟู และการปกป้องระบบนิเวศชายฝั่ง (Forest Protection & Conservation Actions)

-    Readjust Portfolio (60%): ลงทุนใน ธุรกิจพลังงานแห่งอนาคต ที่สามารถชดเชยคาร์บอนและเติบโตในระยะยาว (Deploy investments in a carbon offset portfolio)


ทั้งหมดนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของ PTG ที่ไม่ได้มอง ESG เป็นเพียงมาตรฐาน แต่เป็นหัวใจของการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้ PTG เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน พร้อมเชื่อมต่อทุกคนให้เข้าถึง ชีวิตที่ "อยู่ดี มีสุข" ในทุกช่วงของชีวิต ผ่าน Max Card และ Max Card Plus ซึ่งเป็นมากกว่าบัตรสะสมแต้ม แต่เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยสร้างสมดุลระหว่างธุรกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม




ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่  PTG กล่าวเพิ่มเติมว่า   แผนการดำเนินธุรกิจปี 2568  ตั้งเป้าธุรกิจน้ำมันเติบโตที่ 5-10%    ขณะที่ธุรกิจ Non-Oil วางเป้าหมายการเติบโต  40-50%  จากปีก่อน  โดย บริษัทฯ ปี 2568 บริษัทฯ  ยังเดินหนาขยายเครือข่ายธุรกิจ และสร้าง Ecosystem  ให้ครอบคลุมทุกมิติอย่างต่อเนื่อง   ทั้งนี้บริษัทฯ วางงบลงทุนปีนี้ไว้ที่ประมาณ 6,000  ล้านบาท  โดยครึ่งปีแรกอาจจะพิจารณาลงทุน 4,000  ล้านบาท เน้นโฟกัสลงทุนธุรกิจ Non-Oil


สำหรับความคืบหน้าการนำ บริษัท แอตลาส เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) (ATLAS) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ   คาดว่าจะเข้าจะเข้าจดทะเบียนในปีนี้  อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับการพิจารณา ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ( ก.ล.ต.)  โดย ขณะนี้ ATLAS  ได้ยื่นแบบแสดงรายการ ข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์แล้ว ซึ่งATLAS จะเสนอขายIPO จำนวนรวมไม่เกิน 418,420,000 หุ้น


นอกจากนี้ ยังมีแผนนำ กาแฟพันธุ์ไทย  เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายในปี 2570    โดยบริษัทฯ  ตั้งเป้าจะนำบริษัทย่อย เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ให้ได้ 7-8 บริษัท



///จบ///

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ปลุกหุ้นใหญ่ By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ตลาดหุ้นไทย สูตรเดิม มักใช้ได้เสมอ ใช้หุ้นDELTA นำ ตามด้วย .....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้