Equality for All
OSP : บมจ.โอสถสภา
ขวด 10 บาท ผลตอบรับค่อนข้างพอใจช่วงเริ่มต้น ลุ้นส่วนแบ่งตลาดปลายเดือนนี้ : การประชุมวานนี้ ผบห. เผยการเริ่มขายขวด 10 บาท ตั้งแต่ปลายเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา ในช่องทางหลัก ได้ผลลัพธ์ดังนี้
ขายผ่านเอเย่นต์ของ OSP คิดเป็น 70% ของช่องทางการขายพบว่า มีการสั่งซื้อทันที 100% ตั้งแต่วันแรก
ช่องทางร้านค้าย่อย 20% ของช่องทาง ซึ่ง OSP จะส่งตรงถึงลูกค้า ปรากฏว่าขายได้เกิน 50%
ร้านที่รับไปขายต่อพบว่ามีการขายสินค้าไป 30%
โดย OSP ต้องการผลักดันให้ยอดขายในอีสานเพิ่มขึ้นเนื่องจากเป็นตลาดใหญ่สุดในกลุ่มและจะมีผลให้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่ม (รูปที่ 1) ซึ่งหากพิจารณามูลค่าตลาดเครื่องดื่มชูกำลังแบบ 10, 12 และ 15 บาทพบว่า OSP มีส่วนแบ่งตลาด 10 บาทเพียง 10% เท่านั้น และ 20 บาท 35% ผบห.คาดว่าการเพิ่มสินค้ากลุ่ม 10 บาท จะช่วยเพิ่มส่วนแบ่งให้มากขึ้น
อย่างไรก็ตามคงต้องรอดูส่วนแบ่งตลาดที่จะประกาศในปลายเดือนนี้อีกครั้งว่าผลตอบรับเป็นอย่างที่คาดหรือไม่
คาดเพิ่มส่วนแบ่งตลาดขึ้น 5% เป็น 50% จากปี 2024 อยู่ที่ 45.8% : ผบห. คาดจะได้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มจากการขายขวด 10 บาท คาดว่าจะเพิ่มเป็น 50% จาก 45.8% ในปี 2024 โดยจะทำการตลาดทั้ง 10 และ 12 บาทไปพร้อมกัน ด้วยแคมเปญกระตุ้นยอดขายแก่ผู้บริโภค พร้อมกับมีการออกสินค้าใหม่ควบคู่กันไปทั้งในส่วนเครื่องดื่มอื่น ๆ รวมถึงสินค้าของใช้ส่วนบุคคลคาดจะขยายตลาดใหม่ ๆ ทั้งในและตปท.
นอกจากนี้จะขยายสินค้าให้ครอบคลุมมากขึ้นจากเดิมที่จะเน้นเฉพาะเด็ก ทำให้มีความหลากหลายของผู้บริโภคมากขึ้นอีกด้วย
ปรับประมาณการปี 2025 ขึ้น 11% จากเดิม : การประชุมวานนี้เรามีมุมมอง “บวก” มากขึ้นสำหรับภาพการเติบโตของ OSP ดังนี้
ในประเทศ : เครื่องดื่มจะเน้นในสินค้าหลัก, ทำให้แบรนด์รู้จักมากขึ้น และออกสินค้าใหม่เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่เพิ่ม ส่วนกลุ่มของใช้ส่วนบุคคลจะออกสินค้าใหม่ และทำการตลาดร่วมกับ “หมีเนย” ซึ่งทยอยเปิดตัวแล้ว
ต่างประเทศ : เน้นขยายตลาดใหม่ ๆ เพิ่มเช่นเวียดนาม อินโดนีเซีย กัมพูชา และลาว ซึ่งในเวียดนามได้ ซึ่งปัจจุบันประเทศเหล่านี้มียอดขายเพียง 10% ของตลาดต่างประเทศเท่านั้น ซึ่งจะเข้าไปทั้งกลุ่มเครื่องดื่มและของใช้ส่วนบุคคล
เราคาดยอดขายในปี 2025 เป็น 28,433 ลบ. +5% y-y ภายใต้ยอดขายเครื่องดื่มในประเทศโต +5% y-y ส่วนตปท. คาดโต +14% y-y และกลุ่มของใช้ส่วนบุคคลคาดจะโต +23% y-y
คาดอัตรากำไรจะทรงตัว y-y ได้จากต้นทุนวัตถุดิบคาดจะลดลง และคาดค่าใช้จ่ายขายและบริหารต่อยอดขายจะมีสัดส่วน 24.4% และปรับกำไรสุทธิเป็น 3,179 ลบ. +94% y-y กำไรปกติคาดจะโตราว 5% y-y
รอลุ้นผลลัพธ์ได้
“แม้คาดสินค้าทั้งขวด 10 และ 12 บาทอาจมีการแย่งยอดขายกันเอง แต่แนวโน้มอัตรากำไรขวด 10 บาทยังใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยของ OSP ทำให้อาจไม่ส่งผลเสียหายมากนัก อีกทั้งปีนี้เริ่มเห็นการรุกตลาดสินค้าของใช้ส่วนบุคคลที่มีอัตรากำไรที่ดีกว่ากลุ่มเครื่องดื่มจะเป็นส่วนช่วยให้แนวโน้มกำไรอาจไม่อ่อนลงอย่างที่เคยคาดไว้
ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายเพียง P/E25E ที่ 14.9x ไม่แพงและสะท้อนความกังวลของตลาดไปแล้ว เริ่มกลับมาทยอยสะสม”