Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

190

 

 

ต่างชาติ เทแล้ว เทอยู่ ทำไง?

 

EXTERNAL FACTOR
• วานนี้ตลาดหุ้นโลกผันผวนหนัก โดยในฝั่งสหรัฐฯ ปิดตัวในแดนลบราว -0.4% ถึง - 1.6% ส่วนในฝั่งยุโรป -1.3% ถึง -3.5% เนื่องจากวันที่ 4 มี.ค. 68 สหรัฐฯ มีผลบังคับ ใช้มาตรการเรียกภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโก - แคนาดา - จีน ขณะที่ทั้ง 3 ประเทศนี้ ได้มีการประกาศตอบโต้กลับสหรัฐฯ เช่นกัน ผ่านการปรับขึ้นภาษีศุลกากร

• สำหรับท่าทีของสหรัฐฯ ล่าสุดเช้านี้ รมว. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ HOWARD LUTNICK ให้สัมภาษณ์กับ FOX BUSINESS ว่า “ปธน. TRUMP กำลังพิจารณา หาทางออกที่เป็นธรรมและสมเหตุสมผลกับแคนาดาและเม็กซิโก”

 

INTERNAL FACTOR
• บ่ายวันนี้รอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อไทยเดือน ม.ค. 68 คาด +1.10%YOY ซึ่งชะลอลง จากเดือนก่อนหน้าที่ +1.32%YOY ซึ่งหากตัวเลขออกมาตามคาด ถือเป็นสัญญาณ บ่งบอกถึงการชะลอลงของเศรษฐกิจ

• ฝ่ายวิจัยฯประเมิน 2H68 กนง.มีโอกาสลดดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง 0.25% เหลือ 1.75% หากตัวเลขเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นเท่าที่ควร โดยประเมินว่า การปรับลดดอกเบี้ย 25 BPS. จะหนุนระดับ MARKET EARNING YIELD GAP ได้สูงถึง 5.75% คาดว่า TARGET SET INDEX จะขยับขึ้นมาได้ราว 51 จุด

 

INVESTMENT STRATEGY
• สังเกตได้ว่า แรงขายสุทธิของต่างชาติและ PROGRAM TRADE ของปีนี้เกือบทั้งหมด เร่งขายตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ วันที่ 20 ก.พ. –4 มี.ค. 25 กว่า -1.6 หมื่นล้านบาท และ -1.9 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ คาดว่าหลักๆ มาจาก 3 ประเด็น 1. ตลาดฯ อยู่ในช่วงพิจารณายกเลิกกฏ UPTICK RULE หุ้นใน SET1002.MSCI REBALANCE 3. ช่วงโค้งสุดท้ายในการรายงานงบ 4Q67 ออกมา 1.8 แสนล้านบาท (ต่ำคาด 8%)

• สรุป SET ยังเผชิญกับแรงขายต่างชาติ เทแล้ว เทอยู่ กลยุทธ์แนะนำทยอยสะสมหุ้น DIVIDEND YIELD 25F เกิน 5% อย่าง TOP, SIRI, SCB, SPALI, TISCO, LH, WHA, AP, PTT, TU, SCC ฯลฯ

 

TRADE WAR ทำพิษ กดดันตลาดหุ้นโลกผันผวน
วานนี้ตลาดหุ้นโลกผันผวนหนัก โดยในฝั่งสหรัฐฯ ปิดตัวในแดนลบราว -0.4% ถึง -1.6% ส่วนในฝั่งยุโรป -1.3% ถึง -3.5% เนื่องจากวันที่ 4 มี.ค. 68 สหรัฐฯ มีผลบังคับใช้มาตรการเรียกภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกในอัตรา 25% และ แคนาดา 10-25% รวมถึงเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้นเป็น 20% (เดิม 10%)ขณะที่จีน –เม็กซิโก –แคนาดาได้ มีการประกาศตอบโต้กลับสหรัฐฯ เช่นกัน ผ่านการปรับขึ้นภาษีศุลกากร

• จีน ประกาศเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ อีก 15% มีผล 10 มี.ค. 68 โดยกระทรวงการคลังจีน เผยว่า ภาษีที่จีนเรียกเก็บเพิ่มเติมจากสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ครอบคลุมสินค้าเกษตร อาทิ ข้าวโพด, ถั่วเหลือง เป็นต้น

• เม็กซิโก จะประกาศมาตรการตอบโต้ทางการค้าต่อสหรัฐฯ ในวันอาทิตย์ที่ 9 มี.ค. 68

• แคนาดา สั่งเก็บภาษีตอบโต้สินค้าสหรัฐฯ 25% เริ่มตั้งแต่วันที่4 มี.ค. 68เป็นต้นไป

 

สำหรับท่าทีของสหรัฐฯ ล่าสุดเช้านี้ รมว. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ HOWARD LUTNICK ให้สัมภาษณ์กับ FOX BUSINESS ว่า “ปธน. TRUMP กำลังพิจารณาหาทางออกที่เป็นธรรมและสมเหตุสมผลกับแคนาดาและเม็กซิโก” ทำ ให้มีความหวังว่าแรงกดดันจาก TRADE WAR จะผ่อนคลายความกังวลลงไปได้บ้าง สังเกตจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดีด ตัวขึ้นมาช่วงท้ายก่อนปิดตลาด

 

อย่างไรก็ตามในระยะถัดไป มาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ เสี่ยงกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจได้ โดย BLOOMBERG ประเมินกรณีสหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกและแคนนาดา อาจทำให้ GDP สหรัฐฯ หดตัวราว 1% ขณะที่การเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากทุกประเทศ จะสร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่

 

นอกจากนี้ยังต้องระวังแรงกดดันเศรษฐกิจทางอ้อม โดยสินค้าสหรัฐอาจแพงขึ้นมาก เช่น AVOCADOS นำเข้าจาก เม็กซิโก 80%, น้ำเชื่อม 60% น้ำมัน 3 แสนบาร์เรล จาก แคนนาดา, SMARTPHONE จากจีน เป็นต้น

 

ขณะที่โอกาสเกิด RECESSION ในอีก 1 ปีข้างหน้า ของหลายประเทศเริ่มขยับขึ้น โดยสหรัฐฯ มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นจาก 20% เป็น 25% ส่วนบ้านเราปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยเป็น 12.5% ซึ่งจากสถิติข้อมูลในอดีต โอกาสเกิด RECESSION ที่เพิ่มขึ้น มักกดตลาดหุ้นร่วง

 

เงินเฟ้อไทยเดือน ม.ค.68 มีโอกาสชะลอ หนุน กนง.ลดดอกเบี้ยต่อง่ายขึ้น
นักลงทุนทั่วโลกจับตาารกล่าวสุนทรพจน์ของ TRUMP ต่อสภาคองเกรสสหรัฐฯ วันนี้เวลา 09.00 น.ตามเวลาไทย ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าเขาจะชูนโยบาย AMERICA FIRST รวมทั้งประเด็นการเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้านำเข้า จากประเทศคู่ค้า, การยุติสงครามในยูเครน, การป้องกันคนลักลอบเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย และอื่นๆ ซึ่งต้อง ติดตามว่าถ้อยแถลงจะเป็นตามที่ตลาดคาดหรือไม่ หรือจะมีประเด็น SURPRISE ตลาดเพิ่มเติม

 

ส่วนบ่ายวันนี้รอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อไทยเดือน ม.ค. 68 คาด +1.10%YOY ซึ่งชะลอลงจากเดือนก่อนหน้าที่ +1.32%YOY ซึ่งหากตัวเลขออกมาตามคาด ถือเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการชะลอลงของเศรษฐกิจ ซึ่งสอดคล้อง กับ กนง.ที่เพิ่งมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนยโยบาย 25 BPS. ลงมาอยู่ที่ระดับ 2.0% ด้วยปัจจัยหลักๆ จากในช่วงที่ ผ่านมาเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้ โดยคาดว่า GDP GROWTH ของไทยปีนี้จะปรับมาอยู่ที่สูงกว่า 2.5% เล็กน้อยเท่านั้น(ซึ่งก่อนหน้านี้ธปท.ประเมิน GDP GROWTH ของไทย +2.9%YOY)

 

ซึ่งฝ่ายวิจัยฯประเมิน 2H68 กนง.มีโอกาสลดดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง 0.25% เหลือ 1.75% หากตัวเลขเศรษฐกิจไทยยัง ไม่ฟื้นเท่าที่ควร โดยประเมินว่า การปรับลดดอกเบี้ย 25 BPS. จะหนุนระดับ MARKET EARNING YIELD GAP ได้ สูงถึง 5.75% คาดว่า TARGET SET INDEX จะขยับขึ้นมาได้ราว 51 จุด

 

ขณะที่ระดับ MARKET EARNING YIELD GAP ของ SET INDEX ในปัจจจุบันอยู่ที่ราว 5.5%-6.2%(กรณีคง ดอกเบี้ย 2.0%) ซึ่งถือว่าอยู่ระดับ +2SD. จากข้อมูลในอดีตย้อนหลัง 10 ปีจึงถือเป็นโอกาสสะสมสำหรับการลงทุน ระยะกลาง-ยาว

 

แรงเร่งขายของต่างชาติ และ PROGRAM TRADE กดดัน SET ย่อตัวลงมาเร็ว ในปีนี้ SET INDEX ตกหนักมากๆๆๆๆๆ -223 จุด หรือ -15.9% มาอยู่ที่ 1177.64 จุด ขณะที่ต่างชาติขายสุทธิ -2.0 หมื่นล้านบาท และเป็นการขายผ่าน PROGRAM TRADE ในระดับใกล้ๆ กัน -2.1 หมื่นล้านบาท สังเกตได้ว่า แรงขายสุทธิของต่างชาติและ PROGRAM TRADE ของปีนี้เกือบทั้งหมด เร่งขายตลาดหุ้นไทยตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ. –4 มี.ค. 25 กว่า -1.6 หมื่นล้านบาท และ -1.9 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ คาดว่าหลักๆ มาจาก 3 ประเด็น ▪ ตลาดฯ อยู่ในช่วงพิจารณายกเลิกกฏ UPTICK RULE หุ้นใน SET100 ▪ MSCI REBALANCE ▪ 3) ช่วงโค้งสุดท้ายในการรายงานงบ 4Q67 ออกมา 1.8 แสนล้านบาท (ต่ำคาด 8%) ในช่วงถัดไปคาดว่าแรงขายจากต่างชาติมีโอกาสเบาลงบ้าง จากผลกระทบจากการปรับพอร์ตตาม MSCI ค่อยๆ ลดลง และงบ 4Q67 ประกาศจบไปแล้ว

 

แรงเร่งขายของต่างชาติ และ PROGRAM TRADE กดดัน SET ย่อตัวลงมาเร็ว
ในปีนี้ SET INDEX ตกหนักมากๆๆๆๆๆ -223 จุด หรือ -15.9% มาอยู่ที่ 1177.64 จุด ขณะที่ต่างชาติขายสุทธิ -2.0 หมื่นล้านบาท และเป็นการขายผ่าน PROGRAM TRADE ในระดับใกล้ๆ กัน -2.1 หมื่นล้านบาท

 

สังเกตได้ว่า แรงขายสุทธิของต่างชาติและ PROGRAM TRADE ของปีนี้เกือบทั้งหมด เร่งขายตลาดหุ้นไทยตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ. –4 มี.ค. 25 กว่า -1.6 หมื่นล้านบาท และ -1.9 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ คาดว่าหลักๆ มาจาก 3 ประเด็น

 

▪ ตลาดฯ อยู่ในช่วงพิจารณายกเลิกกฏ UPTICK RULE หุ้นใน SET100
▪ MSCI REBALANCE
▪ 3) ช่วงโค้งสุดท้ายในการรายงานงบ 4Q67 ออกมา 1.8 แสนล้านบาท (ต่ำคาด 8%)

 

ในช่วงถัดไปคาดว่าแรงขายจากต่างชาติมีโอกาสเบาลงบ้าง จากผลกระทบจากการปรับพอร์ตตาม MSCI ค่อยๆ ลดลง และงบ 4Q67 ประกาศจบไปแล้ว

 

สรุป SET ยังเผชิญกับแรงขายต่างชาติ เทแล้ว เทอยู่ กลยุทธ์แนะนำทยอยสะสมหุ้น DIVIDEND YIELD 25F เกิน 5% อย่าง TOP, SIRI, SCB, SPALI, TISCO, LH, WHA, AP, PTT, TU, SCC ฯลฯ

 

Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 



 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ยืน 1200 จุด By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ในท้องทุ่งสีเขียว หุ้นไทยบวกยืน 1200 จุดได้อีกครั้ง ...

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้