GLOBAL : ประเด็นสำคัญจากงาน SET Corporate
ยอดขายยังอ่อนตัว แนวโน้มระมัดระวัง
ในการแถลงข่าว GLOBAL ระบุว่ายอดขายจากสาขาเดิม (Same Store Sales Growth : SSSG) ที่อ่อนแอใน 4Q24 ซึ่งลดลง 3.66% เป็นผลมาจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ลดลงและความผันผวนของราคาเหล็ก แนวโน้มนี้ยังคงต่อเนื่องในปี 2025 โดยยอดขายจากสาขาเดิมยังคงอยู่ในเขตลบ ผู้บริหารคาดว่ายอดขายจากสาขาเดิมจะทรงตัวในปี 2025 โดยการเติบโตของยอดขายรวม (3-5%) จะมาจากสาขาใหม่เป็นหลัก ผู้บริหารเน้นย้ำว่าปัญหาด้านโลจิสติกส์ (การส่งสินค้าไปยังสาขา) ได้รับการแก้ไขแล้ว
การขยายสาขา
การขยายสาขาเป็นส่วนสำคัญของแผนธุรกิจของ GLOBAL บริษัทเพิ่มสาขา 7 แห่งในปี 2024 และวางแผนเพิ่มอีก 9 สาขาในปี 2025 เพื่อให้บรรลุ 100 สาขาภายในสิ้นปี การขยายสาขาในปีนี้จะใช้งบประมาณประมาณ 2.5 พันล้านบาท (โดยเพิ่มสินค้าคงคลัง 100 ล้านบาทต่อสาขา) และบริษัทคาดว่าจะได้ผลตอบแทนการลงทุน 12-15% สาขาแรกจะตั้งอยู่ในจังหวัดนราธิวาสทางภาคใต้ นอกจากนี้ ยังมีการปรับปรุงสาขาเดิมสิบแห่งในปีนี้ด้วย
การปรับปรุงด้านดิจิทัล
GLOBAL ยังคงทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพผ่านเทคโนโลยี บริษัทมีระบบคอมพิวเตอร์ภายในองค์กรตั้งแต่ปี 2023 และใช้ระบบจัดเก็บอัตโนมัติใน 55 สาขา (ตั้งแต่ปี 2015) ปัจจุบันกำลังย้ายระบบสู่คลาวด์ และวางแผนนำ AI มาใช้ในปี 2025 รวมถึงฝึกอบรมพนักงานให้ทันต่อเทคโนโลยี บริษัทได้ตั้งระบบสำหรับ ETAX และการชำระเงินที่เชื่อมโยงกับระบบของตนเองและบัตรเครดิตอย่างสมบูรณ์ GLOBAL ยังวางแผนติดตั้งเครื่องปรับอากาศในหลายสาขาเพื่อให้ทันสมัย (การนำระบบทำความเย็นมาใช้เคยช่วยเพิ่มการเข้าใช้บริการในปีที่ผ่านมา)
การลงทุนใน PH ล่าช้า
แม้ยังคงวางแผนขยายธุรกิจระหว่างประเทศ แต่ GLOBAL หยุดโครงการที่วางแผนไว้ในฟิลิปปินส์เนื่องจากไม่น่าจะทำกำไร บริษัทยังคงมีสาขาในเมียนมา (12 สาขา พร้อมวางแผนเพิ่มอีก 2 สาขา) และอินโดนีเซีย (16 สาขา) และกำลังเปิดสาขาขนาดเล็กเพิ่มในประเทศไทย GLOBAL ซื้อสินค้าบางส่วนจากจีนด้วยเงินหยวน (เพื่อป้องกันการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน) และบางส่วนด้วยเงินดอลลาร์สหรัฐ
คงคำแนะนำ “ถือ” สำหรับ GLOBAL โดยมูลค่าที่เหมาะสมท่ากับ 10.00 บาท รอดูการฟื้นตัวของผลการดำเนินงาน
ผู้บริหารคาดการณ์อัตรากำไรขั้นต้นที่ 26% สำหรับปี 2025 และคาดว่าค่าใช้จ่ายทั่วไปจะคงที่เมื่อเทียบกับยอดขาย ราคาเหล็กที่สูงขึ้นควรช่วยเพิ่มกำไรเล็กน้อย บริษัทยังระบุว่าไม่ได้พึ่งพากิจกรรมสต็อกสินค้าฝากขายในวงกว้าง แต่จากความผิดหวังในยอดขายจาก 4Q ทำให้ยังขาดความชัดเจนในการฟื้นตัวแม้จะมีฐานต่ำใน 1Q24 จึงคงคำแนะนำ "ถือ"