Today’s NEWS FEED

News Feed

6 โบรกมั่นใจ “NER” แนวโน้มโตตามเป้า

425


สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(4 มีนาคม 2568)-------DAOL SECURITIES (THAILAND) PUBLID COMPANY LIMITED
4Q24 ฟื้น QoQ ตามคาดจาก high season และปริมาณวัตถุดิบมากขึ้น


เราคงคำแนะนำ “ถือ” และราคาเป้าหมาย 5.50 บาท อิง 2025E PER 6x (5-yr average) NER รายงาน กำไรสุทธิ 4Q24 ที่ 359 ล้านบาท (-22% YoY, -0.4% QoQ) ขณะที่กำไรปกติ (ไม่รวมขาดทุน Fx) อยู่ที่ 484 ล้านบาท (+13% YoY, +119% QoQ) ใกล้เคียงตลาดและเราคาด กำไรปกติขยายตัว YoY หนุน โดยราคาขายสูงขึ้น +27% YoY ตามทิศทางราคายางในตลาด และ SG&A ปรับตัวลงตามสัดส่วนการ ส่งออก แต่ปัจจัยเหล่านี้ถูก offset บางส่วนจาก GPM ลดลง -250bps เป็นผลจากต้นทุนยางสูงขึ้น ซึ่ง บริษัทบันทึกโดยวิธีถัวเฉลี่ย ขณะที่กำไรปกติฟื้นตัวสูง QoQ หนุนโดยปริมาณขายขยายตัว +39% QoQ จาก high season และสถานการณ์วัตถุดิบและภัยแล้งทยอยคลี่คลาย


เราคงกำไรปกติปี 2025E ที่ 1.7 พันล้านบาท (+4% YoY) สาหรับ 1Q25E เบื้องต้นคาดการณ์กำ ไร ปกติมีแนวโน้มชะลอ YoY, QoQ จาก GPM ลดลงจากฐานสูงใน 1Q24 และปริมาณขายปรับตัวลง หลังผ่าน high season ราคาหุ้น outperform SET +10%/+16% ใน 1/3 เดือน โดยระยะสั้นราคาหุ้นมีโอกาสได้ sentiment บวกหลังประกาศจ่ายปันผล 2H24 ที่ 0.31 บาท/หุ้น คิดเป็น dividend yield สูงที่ 6% กำหนดขึ้น XD 24 เม.ย. ทั้งนี้เราแนะนำ “ถือ” จาก 1) ผลการดาเนินงาน 1Q25E มีโอกาสกลับมาชะลอตัว, 2) การ ขยายกาลังการผลิตจากโรงงานใหม่ในโกตดิวัวร์และไทย คาดเริ่มดาเนินการผลิตได้เร็วสุดในปี 2026E, และ 3) มีปัจจัยท้าทายจากนโยบายของสหรัฐฯ เช่น การยกเลิกส่งเสริมผลิตยานยนต์ไฟฟ้า การขึ้น ภาษีนำเข้ายานยนต์ เป็นต้น
---------

Krungthai XSpring
อัตรากำไร 4Q24 ฟื้นช้า แต่เป็นปัจจัยชั่วคราว

KTX ปรับคำแนะนำลงเป็น Neutral จากเดิม Outperform ตามการปรับขึ้นของราคาหุ้นเข้ามาใกล้มูลค่าเหมาะสมปี 2025E ของเราที่ 5.38 บาท อิงอัตราผลตอบแทนที่คาดหวัง 20.7% สะท้อน PER เป้าหมาย
ที่ 4.8 เท่า Valuation Metrics บ่งชี้ว่าราคาหุ้นปัจจุบันยังค่ากว่ามูลค่าพื้นฐาน ขณะที่การเติบโตของกำไรมีความสม่ำเสมอและมุมมองเชิงเทคนิคอยู่ในระดับปานกลางอัตรากำไรขั้นต้นที่ฟื้นตัวช้าได้รับแรงกดดันจากการปรับขึ้นของราคาวัตถุดิบ ซึ่งน่าจะค่อย ๆ คลี่คลายตามการปรับราคาขาย
----------
บล.กรุงศรี
กำไรปกติ4 Q24 โตสูง q-q รายได้ New High ตามคาด

เรายังคงแนะนำ “ซื้อ” TP 5.85 บาท อัตราปันผลสูง 6.1% โดยกำไรปกติ 4Q24 ใกล้เคียงคาดอยู่ที่ 484 ลบ. (+13%y-y, +119%q-q) ปัจจัยหนุนจากรายได้และราคาขายทำสูงสุดใหม่ ปริมาณการขายดีที่สุดในรอบ 8 ไตรมาส อีกทั้ง SG&A/sales ลดลงเพราะสัดส่วนการขายในประเทศเพิ่มขึ้น สำหรับโมเมนตั้ม 1Q25F คาดกำไรปกติลดลง y-y, q-q เพราะต้นทุนราคายางเพิ่ม ประกอบกับปัจจัยฤดกาลที่เขาช่วงปิดกรีดปลาย ก.พ. ถึง พ.ค. จึงมองว่า 2H25F จะดีกว่าครึ่งแรกและดีที่สุดใน 4Q25F คงประมาณการกำไรปกติ 2025F ที่ 2,024 ลบ. (+21%yy) โดยเราชอบ NER ที่สุดในหุ้นกลุ่มยางฯ จาก Operating margin สูง 7-10% ทนความผันผวนของ GPM จากต้นทุนยางเปลี่ยนแปลงได้ดีกว่า STA

รายได้และราคาขาย 4Q24 เป็น New high ปริมาณการขายดีที่สุดในรอบ 8 ไตรมาส NER รายงานกำไรปกติ 4Q24 ที่ 484 ลบ. (+13%y-y, +119%q-q) ใกล้เคียงคาด ปัจจัยหนุนจาก i) รายได้ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 8,934 ลบ. (+35%y-y, +45%q-q) จากปริมาณการขายอยู่ที่ 1.36 แสนตัน สูงที่สุดในรอบ 8 ไตรมาส เพิ่มขึ้น +7%y-y, +39%q-q ราคาขายที่ 66 บ./กก. ทำจุดสูงสุดใหม่เพิ่มขึ้น +27%y-y, +4%q-q ii) SG&A/sales ลดลงเหลือ 1.8% (vs 4Q23: 2.8%, 3Q24: 2.9%) เพราะค่าใช้จ่ายการขายในประเทศต่ำกว่าการส่งออกที่มีค่าขนส่งและค่าเซสลดลง (ภาษีส่งออก) โดยรายได้จากการขายในประเทศเติบโตสูง +52%y-y, +50%q-q สัดส่วนรายได้จากการขายในประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 73% (vs 4Q23: 65%, 3Q24: 71%) ประกอบกับการเติบโตของรายได้มีอัตราเร่งสูงกว่าค่าใช้จ่าย ทั้งนี้มี FX loss และ hedging loss รวม -125 ลบ. จึงมีกำไรสุทธิที่ 359 ลบ. (-22%y-y ทรงตัว q-q)

โมเมนตั้มกำไรปกติ 1Q25F ลดลง y-y, q-q เบื้องต้นเราคาดแนวโน้มกำไรปกติ 1Q25F ลดลง y-y, q-q คาดลดลง y-y จากราคาต้นทุนวัตถุดิบ เพิ่มขึ้นในอัตราเร่งกดดัน GPM และดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มจากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ช่วงปลายเดือน ธ.ค. 24 คาดกำไรปกติลดลง q-q จากปริมาณการขายลดลงจากปัจจัยฤดูกาล คงประมาณการกำไรปกติปี 2025F ที่ 2,024 ลบ. (+21%y-y) จากแนวโน้มปริมารณการขายเพิ่มขึ้น บริษัทตั้งเป้าที่ 5 แสนตัน/ปี โดยเรามองว่า 2H25F จะดีกว่าครึ่งแรกเนื่องจาก Q2 เป็นช่วงปิดกรีดยาง

เราคงแนะนำ “ซื้อ” TP25F ที่ 5.85 บ. อิง PER 6.4 เท่า แนวโน้มปริมาณการขายและทิศทางราคายาง
เพิ่มขึ้น มองเป็นหุ้นปันผลสูง ณ ราคาปัจจุบัน คิดเป็น dividend yield 6.1% XD 24 เม.ย. 25
------------
บล. หยวนต้า
กำไรปกติดีกว่าคาดเล็กน้อย

NER รายงานกำไรปกติ 4Q24 ที่ 484 ลบ. (+118.8% QoQ, +12.7 YoY) ดีกว่าที่เราคาด 4% โดยกำไรสุทธิอยู่ที่ 359 ลบ. เนื่องจากมีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 12 ลบ. และขาดทุนจากอนุพันธ์ 113 ลบ. กำไรปกติที่ดีกว่าคาดเล็กน้อยมาจากรายได้ที่ดีกว่าคาดจากปริมาณขายอยู่ที่ 1.36 แสนตัน (คาด 1.30 แสนตัน) และ ASP อยู่ที่ 65.6 บาท/กก. (คาด 65.0 บาท/กก.) เพิ่มขึ้น 4.4% QoQ และ 26.8% YoY รายได้อยู่ที่ 8,934 ลบ. (+45.0% QoQ, +35.3% YoY) ดีกว่าคาด 6% แต่ GPM ต่ำกว่าคาดเล็กน้อยอยู่ที่ 8.8% (คาด 9.0%) SG&A/Sales อยู่เพียง 1.8% ลดลงจาก 2.9% ใน 3Q24 และ 2.8% ใน 4Q23 เพราะรายได้สูงขึ้นมาก และ ดีกว่าที่คาดไว้ที่ 2.2% แต่ดอกเบี้ยจ่ายสูงกว่าคาด 12%

กำไรสุทธิทั้งปี 2024 อยู่ที่ 1,652 ลบ. และกำไรปกติอยู่ที่ 1,673 ลบ. (+5.7% YoY) ประกาศจ่ายเงินปันผลงวด 2H24 อีก 0.31 บาท ให้ผลตอบแทน 6.1% ขึ้น XD วันที่ 24 เม.ย.
เราคาดกำไร 1Q25 ทรงตัวถึงลดลงเล็กน้อยทั้ง QoQ และ YoY จากปริมาณขายลดลง QoQ แต่ราคาขายทรงตัวถึงเพิ่มขึ้น QoQ แต่ด้วยราคายางที่เพิ่มขึ้นเร็วใน 1Q25 ทำให้ต้นทุน เฉลี่ยอาจสูงขึ้นตาม ทำให้ GPM อาจทำได้เพียงทรงตัวที่ 9%+/- ส่วน YoY คาดปริมาณขายทรงตัว แต่ ASP เพิ่มขึ้นราว 15% YoY แต่ GPM ลดลงจากฐานที่สูง 1Q24 ทำไว้ที่ 11.6%

คงราคาเป้าหมายสิ้นปี 2568 ที่ 6.45 บาท ปัจจุบันซื้อขายที่ PER68 ต่ำเพียง 5.7 เท่า และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉพาะ 2H24 สูงถึง 6.1% และคาดปี 2025 ทั้งปีอีก 0.36 บาท/หุ้น ให้ผลตอบแทนอีก 7.2% คงคำแนะนำซื้อ
----------
บล. ทรีนิตี้
NER รายงานกำไร 4Q24 ที่ 359 ล้านบาท

แนวโน้ม 2025 ราคายังยืนแข็งแกร่ง ปรับกลยุทธ์การขายรับ ประโยชน์ราคาขาขี้น

เราให้คำแนะนำ Trading Buy และราคาเป้าหมาย 5.15 บาท อิง PER ที่ 5.1 เท่า NER ยังคงเป็นหุ้นที่ให้ปันผลดี 0.31 บาท Dividend Yield 6% นอกจากนี้ PBV ยังอยู่ระดับ 1.1 เท่า ROE 20% นอกจากนี้จะยังมี growth จากการขยายกำลังผลิตในอีก 2 ปีข้างหน้า

NER รายงานกำไรใน 4024 ที่ 359 ล้านบาท -22% YoY, -0.4% QoQ ต่ำกว่าที่ตลาด คาดส่วนหนึ่งเป็นผลมาจาก Fx Loss ราว 125 ล้านบาท ซึ่งถ้าไม่รวมรายการดังกล่าว กำไรปกติจะอยู่ที่ 484 ล้านบาท +13% YoY, +118% QoQ ดีกว่าที่ตลาดคาดไว้

เราคาดกำไรปี 2025 ที่ 1.8 พันล้านบาท +11% YoY ผู้บริหารยังมีความมั่นใจที่ยอดขาย 5 แสนตัน โดยจะมีลูกค้าใหม่ๆ จากอินเดียที่จะทยอยเริ่มคำสั่งซื้อใน 2H25 และยังคงแผนการเพิ่มกำลังการผลิตจาก 5.1 แสนตัน เป็น 8.3 แสนตัน ในปี 2027 โดย Phase 1 คาดว่าจะเริ่มการสร้างโรงงานแห่งใหม่ภายใน 2H25 และคาดว่าจะแล้วเสร็จใน 1H26 ซึ่งจะเพิ่มกำลังการผลิตในปี 2026 ประมาณ 30% โดยปัจจุบันบริษัทได้มีการพูดคุย กับลูกค้าใหม่ๆ เป็นที่เรียบร้อยเพื่อรองรับการเพิ่มกำลังการผลิต โดยเป็นลูกค้าอินเดียรายใหญ่ ซึ่งอินเดียเองยังมีความต้องการยางค่อนข้างมาก และจากอินโดนีเซียที่มีปัญหาต้นยางตาย ลูกค้าจึงหาแหล่งยางที่มีความมั่นคง

นอกจากนี้บริษัท ยังมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการขายสินค้าใหม่จากเดิมที่ขายล่วงหน้า 100% ลดลงเป็น 85% โดยส่วน 15% ที่ลดการขายล่วงหน้าลงจากแนวโน้มของราคายางที่เป็นขาขึ้น จะทําให้ บริษัทได้ Margin มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ก็อาจมีความเสี่ยงด้านความผันผวนของราคายาง และปริมาณขายรถยนต์
----------------

Innovest X
กลยุทธ์การลงทุน

ㆍ แม้ราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside จำกัดจากราคาเป้าหมายปี 2568 ที่หุ้นละ 5.00 บาท (EPS อิงจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นจากใช้สิทธิแปลงสภาพ NER-W2 ซึ่งมี 308 ล้านหน่วย และกำหนดให้ใช้สิทธิเท่ากัน 3 ครั้งในเวลาที่เหลือ 1.5 ปี พร้อมอิงค่าเฉลี่ย PER ที่ 6.0 เท่าเช่นเดิม) และมีความเสี่ยงต้องติดตามจากนโยบายเก็บภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐซึ่งอาจกระทบต่ออุปสงค์ยาง แต่อย่างไรก็ดี NER ยังมีจุดเด่นที่จ่ายเงินปันผลสูง โดยล่าสุดประกาศจ่ายเงินปันผลจ่ายจากกำไรปี 2H67 หุ้นละ 0.31 บาท (XD 24 เม.ย.) คิดเป็น Div. Yield 6.1% กลยุทธ์ลงทุนจึงคงแนะนำ "Neutral" เพื่อรับเงินปันผล

ㆍบริษัทมีกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจและตั้งเป้าหมายการเติบโตในปี 2568 หลัง 4Q67 NER มีกำไรสุทธิ 359 ลบ. แต่ไม่รวมรายการพิเศษสุทธิที่บันทึกใน 4Q67 ราว -125 ลบ. จะมีกำไรปกติ 484 ลบ. เพิ่มขึ้น 12.7%YoY ใกล้เคียงตลาดคาด โดยมีแรงหนุนจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น 35.3%YoY เนื่องจากมีปริมาณขายยาง 1.36 แสนตัน เพิ่มขึ้น 7%YoY และราคาขายยางเฉลี่ยอยู่ที่ 65.65 บาท ต่อกก. เพิ่มขึ้น 27%YoY อย่างไรก็ดี การเพิ่มขึ้นของยอดขายถูกหักล้างด้วยอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงเหลือ 8.8% จาก 11.3% ใน 4Q66 หลังมีต้นทุนยางเฉลี่ยสูงขึ้นตามทิศทางราคายางที่ปรับขึ้นแรง ส่งผลให้ปี 2567 NER มีกำไรสุทธิ 1,652 ลบ. เติบโต 6.9%YoY แต่หากไม่รวมรายการพิเศษพบว่ามีกำไรปกติ 1.673 ลบ. เติบโต 5.7%YoY ใกล้เคียงกับที่เราคาดการณ์

ㆍปี 2568 NER ตั้งเป้ามียอดขายราว 3.45 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้น 26%YoY ปัจจัยหนุนจากคาดมีปริมาณขายยางที่
5 แสนตัน (+14%YoY) หลังมองลูกค้าเดิมยังมีดีมานด์ยางที่เติบโตดีและมีการขยายลูกค้าใหม่ในกลุ่มอินเดียเพิ่มเติม ส่วนราคาขายยางเฉลี่ยราว 70-72 บาทต่อกก. ทั้งนี้บริษัทมองว่าอุปทานยางโลกจะทรงตัว โดยอุปทานยางในอินโดนีเซียที่ลดลงจะถูกชดเชยจากอุปทานที่เพิ่มขึ้นขึ้นในโกตดิวัวร์ ส่วนอุปทานไทยปี 68 คาดเพิ่มขึ้น 20% หลังปริมาณฝนที่ดีขึ้นทำให้กรีดยางได้เร็วขึ้น

ㆍ โรงงานใหม่แห่งที่ 3 ในไทย (กำลังผลิต 3.2 แสนตัน) จะเริ่มสร้างกลางปีนี้และจะเปิดเฟสแรกได้ในกลางปี 69 ซึ่งจะมีกำลังผลิต 1.6 แสนตัน ส่วนเฟสสองจะเปิดในปี 70 ซึ่งจะมีกำลังผลิตเพิ่มอีก 1.6 แสนตัน ทำให้กำลังผลิตจากปัจจุบัน 5:165 แสนตัน จะเพิ่มเป็น 8.356 แสนตันในปี 70 สามารถรองรับดีมานด์ที่จะเพิ่มขึ้นได้ ทั้งนี้บริษัทมีแผนกู้เงินจากสถาบันการเงินราว 2 พันลบ. เพื่อนำไปใช้สร้างโรงงานใหม่ซึ่งคาดทำให้ D/E เพิ่มจาก 1.2 เท่าเป็น 1.6 เท่า ขณะที่ความคืบหน้าการสร้างโรงงานผลิตและจำหน่ายยางในประเทศโกตติวัวร์ยังอยู่ระหว่างรอรัฐบาลโกตดิวัวร์อนุมัติกำลังผลิตของโรงงานซึ่งยังล่าช้ากว่าที่คาดพอสมควร ขณะที่มาตรการ EUDR ที่จะบังคับใช้ปีหน้าได้เตรียมปรับปรุงโรงงานขนาดเล็กที่บุรีรัมย์รองรับแล้วซึ่งจะมีกำลังผลิตราว 1 แสนตัน

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ปลุกหุ้นใหญ่ By: แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ตลาดหุ้นไทย สูตรเดิม มักใช้ได้เสมอ ใช้หุ้นDELTA นำ ตามด้วย .....

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้