----ยังต้องจับตาคุณภาพสินทรัพย์----
ผู้บริหารคาดยอดขายรวมปี 2025F จะเติบโตเป็นเลขหลักเดียวระดับกลาง โดยกลุ่มธุรกิจ Healthcare & Technical คาดว่าจะมีการเติบโตของยอดขายสูงสุดในระดับเลขหลักเดียวระดับกลางถึงสูง ส่วนกลุ่ม Consumer คาดว่าจะเติบโตในระดับเลขหลักเดียวระดับกลาง สาหรับยอดขายของ Big C คาดว่าจะเติบโตในระดับเลขหลักเดียวระดับต่ำถึงกลาง ส่วนยอดขายธุรกิจบรรจุภัณฑ์ คาดว่าจะเติบโตในระดับเลขหลักเดียวระดับต่าถึงกลาง โดยได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มลูกค้าใหม่ และความพยายามขยายการส่งออกไปยังตลาด CLMV และตลาดใหม่ เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เป็นต้น
ผู้บริหารเน้นย้ำว่าในปี 2025 บริษัทจะให้ความสาคัญกับธุรกิจต่างประเทศมากขึ้น ควบคู่ไปกับการดาเนินงานในประเทศ โดยสัดส่วนยอดขายต่างประเทศของ ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากปี 2024 นอกจากนี้ บริษัทกำลังมองหาโอกาสในการควบรวมและซื้อกิจการ (M&A) ในตลาดต่างประเทศ
รายได้ค่าเช่า คาดว่าจะเติบโตในระดับเลขหลักเดียวระดับต่ำ (เราประเมินไว้ที่ 3%) แม้อัตราการเช่าพื้นที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 92% ในปี 2025 จาก 89% ในปี 2024 แต่เราประมาณการอนุรักษ์นิยมไว้ก่อนในช่วงที่เศรษฐกิจซบเซา
บริษัทตั้งเป้าขาย GPM ขึ้น 20-40bps ในปี 2025 แต่ในประมาณการเราให้เพิ่ม 10bps ซึ่งมาจากรายได้เพิ่มขึ้น การลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และปรับ Sale mix ทั้งนี้คาดว่ากลุ่มสินค้า Healthcare & Technical จะมี GPM เพิ่มได้มากกว่าสินค้ากลุ่มอื่น
คาดดอกเบี้ยจ่ายลดลงอย่างน้อย 100 ล้านบาทในปี 2025 เป็นผลจากสถาบันการเงินลดดอกเบี้ยเงินกู้ลง 0.25% และมีการชำระคืนหนี้ในปี 2024 (บริษัทมีหนี้ที่อิงอัตราดอกเบี้ยลอยตัวราว 10% ของหนี้ที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยทั้งหมด)
ปรับคำแนะนำเป็นซื้อ (เดิมถือ) ให้ราคาพื้นฐาน 26 บาท (DCF) ทั้งนี้คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิปี 25F จะกลับมาเติบโต +14% หลังจาก -2% ในปี 2024 เป็นผลจากรายได้และมาร์จิ้นที่ดีขึ้น และดอกเบี้ยจ่ายน้อยลง ราคาหุ้นปัจจุบันมี P/E ปีนี้ที่ 17.4 เท่า ซึ่งอยู่ในระดับ Mean-1.5SD
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์ : นันทิกา เวียงเพิ่ม : nantikawiang@dbs.com