Market Wrap-Up
- SET วันที่ 3 มี.ค.68 ปิด -15.31 จุด อยู่ที่ 1,188.41 จุด มูลค่าการซื้อขาย 45,011 ลบ. ต่างชาติขาย 1,523 ลบ. สถาบันขาย 272 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 221 ลบ. และรายย่อยซื้อ 1,574 ลบ. NVDR มียอดซื้อสุทธิ 23 ลบ.โดยมียอดซื้อในหุ้น ADVANC,BBL,GULF,PTTEP,CCET และยอดขายหุ้น KBANK,CPALL,KTB,BDMS,TRUE มูลค่า Short Sales อยู่ที่ 2,123 ลบ. หุ้นที่มี%ปริมาณ Short สูงคือ INDIA01,IRPC,BEM โดยนักลงทุนต่างประเทศมีสถานะ Long ใน Index Futures จำนวน 4,415 สัญญา ยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีต่างชาติ Long สุทธิรวม 16,452 สัญญา นักลงทุนต่างชาติขายพันธบัตรจำนวน 6,119 ลบ.
- ตลาดหุ้นสหรัฐ DJIA -1.48%, S&P500 -1.76%, Nasdaq -2.64% จากแรงขายกลุ่มเทคโนโลยี -3.52%, พลังงาน -3.51% ขณะที่กลุ่มปลอดภัย, อสังหาฯ, บริการสุขภาพปรับขึ้น โดยดัชนีปรับลดลงจากความกังวล ปธน.ทรัมป์เตรียมขึ้นภาษีศุลกากรกับเม็กซิโก & แคนาดาในวันนี้ ตลาดหุ้นยุโรป Stoxx600 +1.07% ได้แรงหนุนจากกลุ่มอุตสาหกรรมอวกาศ & ป้องกันประเทศ +7.7% หลังผู้นำประเทศยุโรปเตรียมเพิ่มงบด้านกลาโหม
Market View
- ตลาดหุ้นสหรัฐวานนี้ปรับลดลง จากแรงขายกลุ่มเทคโนโลยี นำโดย Nvidia -8.7%, Tesla -2.84% จากความกังวล ปธน.เตรียมเก็บภาษีศุลากากรจากเม็กซิโก & แคนาดาในอัตรา 25% , พลังงานจากแคนาดาที่ 10% และเพิ่มการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนอีก 10% ที่จะเริ่มขึ้นในวันนี้ 4 มี.ค. รวมถึง ม.ศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) กับทุกประเทศในวันที่ 2 เม.ย. ส่งผลให้สงครามการค้าอาจรุนแรงขึ้น และเป็นผลลบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก แม้ว่า รมว.พาณิชย์สหรัฐให้ความเห็นยังมีความไม่แน่นอนต่ออัตราภาษีที่เก็บกับเม็กซิโก & แคนาดา ประเด็นที่ต้องติดตามวันพรุ่งนี้ 9.00 น. ปธน.ทรัมป์จะแถลงต่อสภาคองเกรส และวันศุกร์ติดตามตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ ก.พ. คาด 156,000 & ม.ค. 143,000 ราย, อัตราว่างงานคาดที่ 4.0%
- ตลาดหุ้นยุโรปวานนี้ปิดทำจุดสูงสุด นำโดย DAX เยอรมัน +2.64% ได้แรงหนุนจากกลุ่มอุตสาหกรรมอวกาศ & ป้องกันประเทศ +7.7% หลังผู้นำประเทศยุโรปจะเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหม หลังข้อตกลงสันติภาพระหว่างรัสเซีย & ยูเครน ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจนั้น CPI ยูโรโซน ก.พ. อยู่ที่ 2.4% & ม.ค. 2.5% YoY ส่งผลให้ประชุม ECB ในวันพฤหัสนี้มีโอกาสที่จะปรับลดดอกเบี้ยเงินฝากลง 0.25% อยู่ที่ 2.5%
- ตลาดหุ้นเอเขียวานนี้ ดัชนีฮั่งเส็ง +0.28% ได้ปัจจัยหนุนจากข้อมูล Caixin PMI ภาคการผลิตจีน ก.พ. ปรับขึ้นอยู่ที่ 50.8 & ม.ค. 50.1 ซึ่งเป็นการปรับขึ้นสูงสุดในรอบ 3 เดือน ส่วนดัชนีนิเกอิวานนี้ +1.7% หลังวันศุกร์ที่ผ่านมาดัชนีปรับลดลง จากความไม่แน่นอนของนโยการค้าของสหรัฐ โดยวันนี้ตลาดหุ้นเกาหลีใต้จะปิดในวันเรียกร้องอิสรภาพ ประเด็นสำคัญวันที่ 4 – 5 มี.ค.ติดตามการประชุม NPC & CPPCC ของจีน ที่คาดจะวางเป้าหมายการเติบโตเศรษฐกิจจีนปีนี้ที่ 5 % ซึ่งคาดอาจต้องทำงบประมาณขาดดุลที่ 5% & ปีก่อนที่ 4% ต่อ GDP
- ดัชนี SET วานนี้ -1.27% ปริมาณการซื้อขาย 4.5 หมื่น ลบ. ต่างชาติขาย 1,523 ลบ. สถาบันขาย 272 ลบ. พอร์ตโบรกซื้อ 221 ลบ. และรายย่อยซื้อ 1,574 ลบ. โดยดัชนีปรับลดลงจากแรงชายกลุ่ม Global Play เช่น อิเล็ก ฯ, ปิโตเคมี, บรรจุภัณฑ์ หลัง ปธน.ทรัมป์เตรียมเก็บภาษีศุลกากรจากเม็กซิโก & แคนาดาที่ 25% และเพิ่มการเก็บภาษีสินค้าจีนอีก 10% จะเริ่มขึ้นในวันนี้ และวันที่ 2 เม.ย. จะเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้กับทุกประเทศ ซึ่งเป็นผลต่อลบเศรษฐกิจไทยที่พึ่งพาภาคส่งออก & บริการคิดเป็นสัดส่วน 60% ของ GDP ไทย ขณะที่รายงานกำไร Q4/67 ของ บจ.ไทยต่ำกว่า BB. Consensus -8.0% ส่งผลให้มีแรงชายปรับพอร์ตหุ้น Big Cap. ที่เทรดบน P/E ระดับสูง เช่น DELTA, AOT, GULF, ADVANC ส่วนผลการประชุม ครม.วานนี้ได้อนุมัติงบ 153 ลบ.ใช้ในงานเทศกาลมหาสงกรานต์ปี 68 และนายก ฯ เตรียมหารือแผนกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในช่วง 2 สัปดาห์ข้าหน้า
Daily Strategy
- ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,170 – 1,180 แนวต้าน 1,200 คาดดัชนีจะถูกกดดันจากความกังวล ม.ปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐ แนะนำพักเงินในกลุ่มปลอดภัย & เงินปันผลสูง เช่น BH, BDMS, ADVANC, CPALL, AP, SPALI, TISCO และเก็งกำไรหุ้นที่มีสัญญาณบวกทางเทคนิค เช่น AURA, SNNP, TVO
- TIDLOR* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 20.40 บาท) บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 4Q67 ที่ 1 พันล้านบาท เติบโต QoQ, YoY แม้ว่า NIM จะปรับลดลงต่อจากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น และมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่สูงกว่าไตรมาสอื่น แต่ได้รับการชดเชยจากการตั้งสำรองที่ลดลงสอดคล้องกับคุณภาพสินเชื่อที่ดีขึ้น โดย NPL ratio ลดลงเหลือ 8% เป็นผลจากความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อและอานิสงส์มาตรการแจกเงินของรัฐบาล ส่วนรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยดีขึ้นจากธุรกิจนายหน้าขายประกัน รวมปี 67 มีกำไรสุทธิ 4.2 พันล้านบาท +12%YoY สำหรับแนวโน้มปี 68 ตลาดคาดกำไรราว 4.8 พันล้านบาท +13%YoY หนุนจาก NIM ที่เริ่มทรงตัวต้นทุนดอกเบี้ยน่าจะใกล้ถึงจุดสูงสุด ขณะที่สินเชื่อรวมปรับเพิ่มขึ้นใกล้ปีก่อนราว +7% เน้นจำนำทะเบียนและยังเข้มงวดกับสินเชื่อรถบรรทุกมือสองที่มีความเสี่ยงสูง ส่วนคุณภาพสินเชื่อจะดีขึ้นการตั้งสำรองจะปรับลดลง และผลขาดทุนรถยึดจะชะลอลง
- CPF (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย00 บาท) กำไรสุทธิ 4Q67 อยู่ที่ 4,173 ลบ.(+3,346%YoY, -42.91%QoQ,) โดย QoQ มีปัจจัยกดดันกำไรจาก รายการขาดทุนจากการด้อยค่าราว -2,467 ลบ.(ไก่จีน/สัตว์น้ำเวียดนาม) ซึ่งหากตัดปัจจัยดังกล่าวออกไป การดำเนินงานยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี รายได้และ GPM มีแรงหนุนจากราคาสุกรในไทยและเวียดนามที่ประคองตัวในโซนทำกำไรต่อจาก 3Q67 และปรับตัวดีขึ้นชัดเจน YoYประกอบกับต้นทุนอาหารสัตว์บกยังไม่สูง ส่งผลให้ GPM ไตรมาสนี้อยู่ที่ 15.67% +646bsp YoY +29 bspQoQ ด้านส่วนของ Equity Income ยังมีแรงหนุนจาก CPALL สำหรับแนวโน้มกำไรช่วงถัดไป 1Q68 เราคาดว่าจะยังอยู่ในเกณฑ์ดีหนุนด้วยราคาสุกร โดยเดือนก.พ.68 ราคาสุกรไทยอยู่ที่ 79.00 บาท/กก.(+16%YoY, +4%MoM)
Daily Key Factors
Oil Update(-) WTI เม.ย. -$1.39 อยู่ที่ $68.37 / บาร์เรล, Brent เม.ย. -$1.19 อยู่ที่ $71.62/บาร์เรล หลังกลุ่มโอเปกพลัสตัดสินใจเพิ่มการผลิตโดยสมัครใจ 2.2 ล.บาร์เรล/วัน ตั้งแต่ เมย ตามแผนเดิม ขณะที่ตลาดยังกังวลต่อ ม.ปรับขึ้นภาษีศุลกากรของทรัมป์ อาจส่งผลให้อุปสงค์น้ำมันดิบชะลอตัว
Gold Update(+) Comex Gold เม.ย.+$52.60 อยู่ที่ $2,901.10 /ออนซ์ โดยทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ในช่วงที่ยังมีความไม่แน่นอนต่อนโยบการค้าของทรัมป์ และยังได้แรงหนุนจาก Dollar Index อ่อนค่า -0.81% อยู่ที่ 106.748
Fund Flow(-) Fund Flow ต่างชาติในตลาด TIP วานนี้ ขายสุทธิ -47.87 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นไทย -44.59 ล.ดอลลาร์สหรัฐ ขายหุ้นอินโดฯ -8.36 ล.ดอลลาร์สหรัฐ และซื้อหุ้นฟิลิปปินส์ +5.08 ล.ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ค่าเงินบาทเช้านีแข็งค่าอยู่ที่ 34.02 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(0) ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ 10 ปี ลดลงอยู่ที่ 4.118 %
(+) ดัชนี BDI วานนี้ +47 จุด อยู่ที่ 1,276
(-) BitCoinเช้านี้ -7.74% อยู่ที่ 86,088 ดอลลาร์สหรัฐ
Economic Calendar
ในประเทศ
สัปดาห์ที1 ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค
(มี.ค.)
ต่างประเทศ
01 มี.ค. CN ดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีน (ก.พ.)
03 มี.ค. EU ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) (ปีต่อปี) (ก.พ.)
US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต (ก.พ.)
05 มี.ค. US การเปลี่ยนแปลงการจ้างงานภาคนอกภาคเกษตรกรรม(ADP)(ก.พ.)
US ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการบริการ (ก.พ.)
06 มี.ค. EU การแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนของธนาคารกลางแห่งยุโรป
EU การตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย (มี.ค.)
US สินค้าคงคลังน้ำมันดิบ
US จำนวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
07 มี.ค. US รายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง (เดือนต่อเดือน) (ก.พ.)
US อัตราการว่างงาน (ก.พ.)
Theme Strategy
Theme หุ้นเด่น 1H68 เน้น หุ้นในธุรกิจใหม่ที่เป็น Trend ในอนาคต อย่าง Data Center รวมถึงหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรปกติ 4Q67-1Q68 คาดออกมาดี และ หุ้นที่รับความผันผวนได้ดีจากความเสี่ยง Trade War/ธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย
(1) กลุ่มธนาคารที่มี Sentiment บวกจากธนาคารกลางหลักมีแนวโน้มชะลอการลดดอกเบี้ย/มี Yield สูง BBL, KTB, KBANK, TISCO*, TTB*
(2) กลุ่มการอุปโภคบริโภค ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ CPALL, CPAXT*, CRC, NSL*, TNP*, OSP*
(3) กลุ่มโรงพยาบาล BDMS, BH, PR9*, SKR
(4) กลุ่มมีโอกาสเกี่ยวข้องกับการลงทุน Data Center/ธุรกิจ Trend อนาคต ADVANC,INTUCH*,TRUE,GULF*,AMATA
(5) กลุ่มสินค้า IT ที่ได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนถ่ายเทคโนโลยี(เช่น AI function/ 4G to 5G) SYNEX*, ADVICE*, SIS*
(6) กลุ่มที่มี Sentiment บวกจาก Entertainment Complex BTS*, VGI*, MBK*, BA
**หุ้นแนะนำเชิงกลยุทธ์ที่ยังไม่อยู่ใน Coverage ของฝ่ายวิจัย
Asset Allocation: Equity 55% Fixed Income 30% Alternative Investment etc. Gold 10% Cash 5%
Today Fundamental Research: -
Monthly Portfolio February 2025: CPALL, SYNEX*, KLINIQ, SHR*, TEGH*
Analysts
Apichai Raomanachai
Fundamental and Technical Investment Analysis ID No. 002939
Tel 02-829-6999 Ext 2200
Email : apichai.ra@kfsec.co.th
Nopporn Chaykaew
Fundamental Analysis ID No. 043964
Tel 02-829-6999 Ext 2203
Email : noppoen.ch@kfsec.co.th
Nattawat Poosunthornsri
Fundamental Analysis ID No. 087077
Tel 02-829-6999 Ext 2204
Email : nattawat.po@kfsec.co.th