Today’s NEWS FEED

News Feed

ฟิทช์คงอันดับเครดิต SCCC ที่ ‘A(tha)’ พร้อมประกาศยกเลิกเครดิตพินิจภายใต้การพิจารณา

739

 

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (28 กุมภาพันธ์ 2568)----บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-term Rating) และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ไม่มีประกันและไม่ด้อยสิทธิ ของบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ SCCC ที่ ‘A(tha)’  และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น (National Short-term Rating) ที่ ‘F1(tha)’ โดยแนวโน้มอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวมีเสถียรภาพ นอกจากนี้ฟิทช์ประกาศยกเลิกเครดิตพินิจภายใต้การพิจารณา (Rating Watch Evolving) ของอันดับเครดิตทั้งหมดของบริษัทฯ

 

การประกาศอันดับเครดิตดังกล่าวได้สะท้อนถึงการประเมินของฟิทช์ว่า สถานะทางเครดิตของบริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด หรือ BBTV ซึ่งเป็นบริษัทแม่ในลำดับสูงสุด (Ultimate Parent) ของ SCCC ไม่ได้จำกัดสถานะเครดิตโดยลำพัง (Standalone Credit Profile) ของ SCCC ที่ระดับ ‘a(tha)’ ตามหลักเกณฑ์การจัดอันดับของฟิทช์ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทแม่กับบริษัทลูก (Parent and Subsidiary Rating Linkage Methodology) อันดับเครดิตของ SCCC ถูกนำเข้าสู่เครดิตพินิจภายใต้การพิจารณาในเดือนสิงหาคม 2567 เนื่องจาก บริษัท ซันไรส์ อีคิวตี้ จำกัด หรือ Sunrise ได้เข้าซื้อหุ้น SCCC จำนวนร้อยละ 25.5 ส่งผลให้ Sunrise ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ BBTV กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่มีอํานาจควบคุมใน SCCC จากสัดส่วนการถือหุ้นที่เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 69 ฟิทช์นำอันดับเครดิตออกจากเครดิตพินิจภายใต้การพิจารณา หลังจากฟิทช์มีข้อมูลเพียงพอในการพิจารณาสถานะทางเครดิตของบริษัทแม่ และความเชื่อมโยงระหว่างบริษัทแม่กับ SCCC

 

แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพสะท้อนถึงความคาดหวังของฟิทช์ว่า SCCC จะสามารถคงสถานะทางการเงินที่เข็มแข็ง และสามารถสร้างกระแสเงินสดสุทธิอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ SCCC มีอัตราส่วนหนี้สินที่ลดลงในช่วง 2-3ปีข้างหน้า

 

ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต

 

อันดับเครดิตสะท้อนสถานะเครดิตโดยลำพัง: อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ SCCC ที่ ‘A(tha)’ สะท้อนถึงสถานะเครดิตโดยลำพังของ SCCC ที่ระดับ ‘a(tha)’ โดยฟิทช์ประเมินว่าสถานะทางเครดิตของบริษัทแม่ในลำดับสูงสุด อยู่ในระดับใกล้เคียงกันกับ SCCC และไม่ได้จำกัดสถานะเครดิตโดยลำพังของ SCCC ตามหลักเกณฑ์การจัดอันดับของฟิทช์ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทแม่กับบริษัทลูก สถานะเครดิตโดยลำพังของ SCCC สะท้อนถึงสถานะทางธุรกิจของ SCCC ในฐานะผู้ผลิตปูนซีเมนต์ขนาดเล็กในระดับภูมิภาค ซึ่งมีสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในประเทศที่เป็นตลาดหลัก รวมถึงการกระจายความเสี่ยงไปสู่ธุรกิจเหมืองถ่านหิน

 

การกระจายตัวของธุรกิจที่ดีขึ้น: ฟิทช์มองว่าการรวมงบการเงินของ SCCC กับ บริษัท ลานนารีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) หรือ LANNA จะช่วยเพิ่มการกระจายตัวของธุรกิจปลายทางที่หลากหลายมากขึ้น และเพิ่มการกระจายความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์ ฟิทช์ประเมินว่ารายได้จากธุรกิจถ่านหินของ LANNA จะคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 25 ของรายได้รวมของ SCCC ในช่วง2-3ปีข้างหน้า ถึงแม้ฟิทช์จะคาดว่าราคาถ่านหินจะปรับตัวลงก็ตาม ซึ่งจะช่วยสนับสนุน SCCC ในการลดการกระจุกตัวของรายได้ที่สูงจากธุรกิจปูนซีเมนต์ซึ่งเผชิญกับความต้องการที่ผันผวนและคิดเป็นประมาณร้อยละ 72 ของรายได้ของ SCCC ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567

 

ฟิทช์คาดว่ารายได้เพิ่มเติมจาก LANNA และการฟื้นตัวของความต้องการปูนซีเมนต์ในประเทศเวียดนามและศรีลังกา จะช่วยลดความเสี่ยงของการกระจุกตัวของรายได้จากประเทศไทยในช่วง2-3ปีข้างหน้า รายได้จากการขายและการดำเนินงานในประเทศของ SCCC คิดเป็นประมาณร้อยละ 65 ของรายได้ในปี 2566 ในขณะที่รายได้มากกว่าร้อยละ 80 ของ LANNA มาจากต่างประเทศ ฟิทช์คาดการณ์ว่าความต้องการปูนซีเมนต์ในประเทศเวียดนามมีแนวโน้มที่จะเติบโตในระดับกลางถึงสูง โดยได้รับการสนับสนุนจากการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและการเพิ่มขึ้นของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ความต้องการปูนซีเมนต์ในประเทศศรีลังกามีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจค่อยๆ ดีขึ้น

 

EBITDA เติบโตอย่างต่อเนื่อง: ฟิทช์คาดว่ากำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจาหน่าย (EBITDA)  ของ SCCC จะเพิ่มขึ้นเป็น 9 พันล้านบาทในปี 2567 (9 เดือนแรกของปี 2567: 6 พันล้านบาท) และ 1.1-1.2 หมื่นล้านบาทในปี 2568-2569 โดยได้รับการสนับสนุนจากการรวมงบการเงินกับ LANNA ซึ่งฟิทช์คาดว่าจะมีส่วนช่วยเพิ่ม EBITDA ประมาณ 2-3 พันล้านบาทต่อปีในช่วง2-3ปีข้างหน้า นอกจากนี้ต้นทุนพลังงานที่ปรับตัวลดลง และมาตรการการลดต้นทุนต่างๆ เช่น การบริหารต้นทุนคงที่ การลดสัดส่วนการใช้ปูนเม็ด และการใช้พลังงานทดแทนที่สูงขึ้นจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของ EBITDA ในช่วง2-3ปีข้างหน้าเช่นกัน

 

ความสามารถในการรองรับการลงทุนที่เพิ่มขึ้น: ฟิทช์คาดว่า SCCC จะสามารถรองรับค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งฟิทช์คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาทในช่วงปี 2568-2570 (2566: 1.3 พันล้านบาท) โดยที่จะยังสามารถรักษาอัตราส่วนหนี้สินให้อยู่ในระดับที่ไม่เกิน 2.3 เท่า ซึ่งเป็นระดับสูงสุดที่ยังสอดคล้องกับสถานะเครดิตโดยลำพังที่ ‘a(tha)’ ของบริษัทฯ (ณ สิ้นเดือนกันยายน 2567: 1.6 เท่า) และยังมีความสามารถในการรองรับหนี้สินเพิ่มเติมโดยไม่กระทบต่ออันดับเครดิต

 

ถึงแม้ว่าค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนที่จำเป็นและไม่สามารถยกเลิกได้ (Committed capex) ส่วนใหญ่จะใช้เพื่อการบำรุงรักษา ฟิทช์เชื่อว่าบริษัทฯมีแนวโน้มที่จะลงทุนในการขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับความต้องการปูนซีเมนต์ที่ฟื้นตัวในช่วง 2-3ปีข้างหน้า รวมถึงการลงทุนอื่นๆบางส่วนเพื่อลดต้นทุนการผลิต และบรรลุเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน

 

สถานะทางการตลาดและการกระจายความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์: สถานะเครดิตโดยลำพังของ SCCC สะท้อนถึงความสามารถในการรักษาส่วนแบ่งทางการตลาด ในฐานะผู้ผลิตปูนซีเมนต์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศไทย แม้ว่าจะมีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ด้วยชื่อเสียงของตราสินค้าของบริษัทฯ ที่แข็งแกร่งและความยืดหยุ่นในการปรับราคาสินค้า   นอกจากนี้ SCCC ยังเป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์ที่ใหญ่ที่สุดและผู้ผลิตปูนเม็ดเพียงรายเดียวในประเทศศรีลังกา และเป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเวียดนามตอนใต้ ซึ่งทำให้บริษัทฯ มีการกระจายความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์ที่มากขึ้น

 

การกำหนดอันดับเครดิตโดยสรุป

SCCC มีสถานะทางธุรกิจอ่อนแอกว่า บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC (อันดับเครดิตปัจจุบัน  ‘A(tha)’  แนวโน้มเครดิตเป็นลบ) ซึ่งเป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์ในประเทศเช่นเดียวกัน เนื่องจาก SCC เป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งมีกระแสเงินสดที่สูงกว่า และการกระจายความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์และทางธุรกิจที่มากกว่า อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งทางสถานะทางธุรกิจที่สูงกว่า ได้ถูกลดทอนจากอัตราส่วนหนี้สินของ SCC ที่สูงกว่า SCCC ทำให้อันดับเครดิตของ SCC และ SCCC อยู่ในระดับเดียวกัน แนวโน้มเครดิตเป็นลบของ SCC สะท้อนถึงความเสี่ยงที่อัตราส่วนหนี้สินอาจยังคงอยู่ในระดับสูงในช่วงสองปีข้างหน้า

 

SCCC มีอันดับเครดิตในระดับเดียวกับสถานะเครดิตของบริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP (อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ ‘A(tha)’  แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ/ สถานะเครดิตโดยลำพังที่ a(tha)) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์กระดาษชั้นนำในภูมิภาคอาเซียน SCCC มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่อ่อนไหวต่อวัฏจักรขาลงทางเศรษฐกิจมากกว่า SCGP เนื่องจาก SCCC มีธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์   SCGP ดำเนินธุรกิจอยู่ในอุตสาหกรรมที่ความต้องการซื้อจากลูกค้ามีความสม่ำเสมอมากกว่า และมีกระแสเงินสดที่คาดการณ์ได้มากกว่า SCCC ดังนั้น SCGP จึงสามารถรองรับอัตราส่วนหนี้สินที่สูงกว่า SCCC ได้ในอันดับเครดิตระดับเดียวกัน

 

SCCC มีขนาดธุรกิจที่ใหญ่กว่าบริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG (‘A-(tha)’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ)  ซึ่งเป็นผู้นำในธุรกิจผลิตฉนวนยางกันความร้อน/เย็น ที่ผลิตจากยางสังเคราะห์ประเภท EPDM, ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ ในเชิงรายได้ และEBITDA  EPG มีธุรกิจปลายทางที่กระจายตัวมากกว่า แต่ถูกลดทอนโดย สถานะผู้นำตลาดในธุรกิจปูนซีเมนต์ในประเทศไทย ศรีลังกา และเวียดนาม  ของ SCCC  SCCC มีอัตราส่วนหนี้สินที่สูงกว่า EPG แต่ด้วยสถานะทางธุรกิจที่ดีกว่า ทำให้ SCCC มีอันดับเครดิตที่สูงกว่า EPG อยู่หนึ่งอันดับ        

 

สมมติฐานที่สำคัญของฟิทช์ที่ใช้ในการประมาณการ

-               รายได้เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 3 ในปี 2567 และร้อยละ 30 ในปี 2568 โดยเป็นผลจากการรวมงบการเงินกับ LANNA; รายได้คงที่ในปี 2569

-               ราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของ LANNA สอดคล้องกับราคาถ่านหินตามสมมติฐานของ Fitch สำหรับดัชนี Newcastle 6000 ดังต่อไปนี้ 130 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตันในปี 2567, 100 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตันในปี 2568, 90 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตันในปี 2569 และ 90 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตันในปี 2570

-               EBITDA margin คงที่ระดับร้อยละ 20 ต่อปี ในปี 2567-2569

-               ค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนรวม 1.2 หมื่นล้านบาท ในปี 2568-2570

-               อัตราการจ่ายเงินปันผลต่อกำไรสุทธิ (Dividend Payout) อยู่ในระดับร้อยละ 75-80

 

ปัจจัยที่อาจมีผลกับอันดับเครดิตในอนาคต

ปัจจัยลบ:

-               การที่กระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทฯ อ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญ  หรือการมีค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนโดยใช้แหล่งเงินทุนจากเงินกู้ในระดับสูง รวมถึงการจ่ายเงินปันผลจำนวนมาก ส่งผลให้ EBITDA net leverage อยู่ในระดับสูงกว่า 2.3 เท่า อย่างต่อเนื่อง

ปัจจัยบวก:

-               ฟิทช์ไม่คาดว่าจะมีการปรับเพิ่มอันดับเครดิตในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า เนื่องจาก SCCC มีขนาดธุรกิจที่ค่อนข้างเล็กและการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจที่ต่ำกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทที่มีอันดับเครดิตสูงกว่า

 

สภาพคล่อง

SCCCมีสภาพคล่องอยู่ในระดับที่ดี โดยมีหนี้ที่จะครบกำหนดชำระในอีก 12 เดือนข้างหน้าจนถึงสิ้นเดือนกันยายน 2568 จำนวน 2.9 พันล้านบาท หนี้ส่วนใหญ่ประกอบด้วยเงินกู้ยืมระยะสั้นสำหรับใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ฟิทช์เชื่อว่าบริษัทฯจะสามารถเบิกเงินกู้ใหม่หมุนเวียนทดแทนเงินกู้เดิมได้เงินกู้ยืมระยะสั้นดังกล่าวได้ เนื่องจากบริษัทฯ มีระดับเงินทุนหมุนเวียนที่มั่นคง

 

นอกจากนี้สภาพคล่องของบริษัทฯยังจะได้รับการสนับสนุนจากวงเงินสินเชื่อหมุนเวียนจากสถาบันการเงินประเภทไม่สามารถยกเลิกได้ (Committed credit facilities) จำนวน 9 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2567 และบริษัทฯ ยังมีความสามารถในการกู้ยืมเงินเพื่อชำระคืนหนี้สินเดิม (Refinancing ability) ที่แข็งแกร่ง เนื่องจากความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินกู้ใหม่ผ่านตลาดทุนและสถาบันการเงินของบริษัทฯ ที่แข็งแกร่ง

 

ข้อมูลบริษัท

SCCC มีกำลังการผลิตปูนซีเมนต์รวม 24.6 ล้านตันต่อปี ในประเทศไทย ศรีลังกา และ เวียดนาม SCCC ถือหุ้นร้อยละ 40 ในกิจการร่วมค้า ซึ่งเป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์ในประเทศกัมพูชา ซึ่งมีกำลังการผลิตปูนซีเมนต์จำนวน 2.2 ล้านตันต่อปี และถือหุ้นร้อยละ 61 ใน LANNA ซึ่งเป็นผู้ผลิตถ่านหินขนาดกลาง

 

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

บทความล่าสุด

เจ๊ชะเอม เคลมหุ้น (7 พ.ย. 68)

เจ๊ชะเอม เคลมหุ้น เห็นเส้นกราฟ เส้นเทคนิคของ ดัชนีหุ้นไทย กลับมายืนเหนือ 1,300 จุด..

จิ้งจอกเฒ่า (7 พ.ย. 68)

จิ้งจอกเฒ่า เห็นสภาวะตลาดหุ้นไทย ในตอนนี้ ก็ได้แต่ ก็ต้องทำใจ เข้าใจ และปรับตัว ...

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้