Today’s NEWS FEED

News Feed

ฟิทช์คงอันดับเครดิต SCCC ที่ ‘A(tha)’ พร้อมประกาศยกเลิกเครดิตพินิจภายใต้การพิจารณา

406

 

 

สำนักข่าวหุ้นอินไซด์ (28 กุมภาพันธ์ 2568)----บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-term Rating) และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ไม่มีประกันและไม่ด้อยสิทธิ ของบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ SCCC ที่ ‘A(tha)’  และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้น (National Short-term Rating) ที่ ‘F1(tha)’ โดยแนวโน้มอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวมีเสถียรภาพ นอกจากนี้ฟิทช์ประกาศยกเลิกเครดิตพินิจภายใต้การพิจารณา (Rating Watch Evolving) ของอันดับเครดิตทั้งหมดของบริษัทฯ

 

การประกาศอันดับเครดิตดังกล่าวได้สะท้อนถึงการประเมินของฟิทช์ว่า สถานะทางเครดิตของบริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด หรือ BBTV ซึ่งเป็นบริษัทแม่ในลำดับสูงสุด (Ultimate Parent) ของ SCCC ไม่ได้จำกัดสถานะเครดิตโดยลำพัง (Standalone Credit Profile) ของ SCCC ที่ระดับ ‘a(tha)’ ตามหลักเกณฑ์การจัดอันดับของฟิทช์ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทแม่กับบริษัทลูก (Parent and Subsidiary Rating Linkage Methodology) อันดับเครดิตของ SCCC ถูกนำเข้าสู่เครดิตพินิจภายใต้การพิจารณาในเดือนสิงหาคม 2567 เนื่องจาก บริษัท ซันไรส์ อีคิวตี้ จำกัด หรือ Sunrise ได้เข้าซื้อหุ้น SCCC จำนวนร้อยละ 25.5 ส่งผลให้ Sunrise ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ BBTV กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่มีอํานาจควบคุมใน SCCC จากสัดส่วนการถือหุ้นที่เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 69 ฟิทช์นำอันดับเครดิตออกจากเครดิตพินิจภายใต้การพิจารณา หลังจากฟิทช์มีข้อมูลเพียงพอในการพิจารณาสถานะทางเครดิตของบริษัทแม่ และความเชื่อมโยงระหว่างบริษัทแม่กับ SCCC

 

แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพสะท้อนถึงความคาดหวังของฟิทช์ว่า SCCC จะสามารถคงสถานะทางการเงินที่เข็มแข็ง และสามารถสร้างกระแสเงินสดสุทธิอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ SCCC มีอัตราส่วนหนี้สินที่ลดลงในช่วง 2-3ปีข้างหน้า

 

ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต

 

อันดับเครดิตสะท้อนสถานะเครดิตโดยลำพัง: อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ SCCC ที่ ‘A(tha)’ สะท้อนถึงสถานะเครดิตโดยลำพังของ SCCC ที่ระดับ ‘a(tha)’ โดยฟิทช์ประเมินว่าสถานะทางเครดิตของบริษัทแม่ในลำดับสูงสุด อยู่ในระดับใกล้เคียงกันกับ SCCC และไม่ได้จำกัดสถานะเครดิตโดยลำพังของ SCCC ตามหลักเกณฑ์การจัดอันดับของฟิทช์ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทแม่กับบริษัทลูก สถานะเครดิตโดยลำพังของ SCCC สะท้อนถึงสถานะทางธุรกิจของ SCCC ในฐานะผู้ผลิตปูนซีเมนต์ขนาดเล็กในระดับภูมิภาค ซึ่งมีสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในประเทศที่เป็นตลาดหลัก รวมถึงการกระจายความเสี่ยงไปสู่ธุรกิจเหมืองถ่านหิน

 

การกระจายตัวของธุรกิจที่ดีขึ้น: ฟิทช์มองว่าการรวมงบการเงินของ SCCC กับ บริษัท ลานนารีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) หรือ LANNA จะช่วยเพิ่มการกระจายตัวของธุรกิจปลายทางที่หลากหลายมากขึ้น และเพิ่มการกระจายความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์ ฟิทช์ประเมินว่ารายได้จากธุรกิจถ่านหินของ LANNA จะคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 25 ของรายได้รวมของ SCCC ในช่วง2-3ปีข้างหน้า ถึงแม้ฟิทช์จะคาดว่าราคาถ่านหินจะปรับตัวลงก็ตาม ซึ่งจะช่วยสนับสนุน SCCC ในการลดการกระจุกตัวของรายได้ที่สูงจากธุรกิจปูนซีเมนต์ซึ่งเผชิญกับความต้องการที่ผันผวนและคิดเป็นประมาณร้อยละ 72 ของรายได้ของ SCCC ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567

 

ฟิทช์คาดว่ารายได้เพิ่มเติมจาก LANNA และการฟื้นตัวของความต้องการปูนซีเมนต์ในประเทศเวียดนามและศรีลังกา จะช่วยลดความเสี่ยงของการกระจุกตัวของรายได้จากประเทศไทยในช่วง2-3ปีข้างหน้า รายได้จากการขายและการดำเนินงานในประเทศของ SCCC คิดเป็นประมาณร้อยละ 65 ของรายได้ในปี 2566 ในขณะที่รายได้มากกว่าร้อยละ 80 ของ LANNA มาจากต่างประเทศ ฟิทช์คาดการณ์ว่าความต้องการปูนซีเมนต์ในประเทศเวียดนามมีแนวโน้มที่จะเติบโตในระดับกลางถึงสูง โดยได้รับการสนับสนุนจากการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานและการเพิ่มขึ้นของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ความต้องการปูนซีเมนต์ในประเทศศรีลังกามีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจค่อยๆ ดีขึ้น

 

EBITDA เติบโตอย่างต่อเนื่อง: ฟิทช์คาดว่ากำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อม และค่าตัดจาหน่าย (EBITDA)  ของ SCCC จะเพิ่มขึ้นเป็น 9 พันล้านบาทในปี 2567 (9 เดือนแรกของปี 2567: 6 พันล้านบาท) และ 1.1-1.2 หมื่นล้านบาทในปี 2568-2569 โดยได้รับการสนับสนุนจากการรวมงบการเงินกับ LANNA ซึ่งฟิทช์คาดว่าจะมีส่วนช่วยเพิ่ม EBITDA ประมาณ 2-3 พันล้านบาทต่อปีในช่วง2-3ปีข้างหน้า นอกจากนี้ต้นทุนพลังงานที่ปรับตัวลดลง และมาตรการการลดต้นทุนต่างๆ เช่น การบริหารต้นทุนคงที่ การลดสัดส่วนการใช้ปูนเม็ด และการใช้พลังงานทดแทนที่สูงขึ้นจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของ EBITDA ในช่วง2-3ปีข้างหน้าเช่นกัน

 

ความสามารถในการรองรับการลงทุนที่เพิ่มขึ้น: ฟิทช์คาดว่า SCCC จะสามารถรองรับค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งฟิทช์คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาทในช่วงปี 2568-2570 (2566: 1.3 พันล้านบาท) โดยที่จะยังสามารถรักษาอัตราส่วนหนี้สินให้อยู่ในระดับที่ไม่เกิน 2.3 เท่า ซึ่งเป็นระดับสูงสุดที่ยังสอดคล้องกับสถานะเครดิตโดยลำพังที่ ‘a(tha)’ ของบริษัทฯ (ณ สิ้นเดือนกันยายน 2567: 1.6 เท่า) และยังมีความสามารถในการรองรับหนี้สินเพิ่มเติมโดยไม่กระทบต่ออันดับเครดิต

 

ถึงแม้ว่าค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนที่จำเป็นและไม่สามารถยกเลิกได้ (Committed capex) ส่วนใหญ่จะใช้เพื่อการบำรุงรักษา ฟิทช์เชื่อว่าบริษัทฯมีแนวโน้มที่จะลงทุนในการขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับความต้องการปูนซีเมนต์ที่ฟื้นตัวในช่วง 2-3ปีข้างหน้า รวมถึงการลงทุนอื่นๆบางส่วนเพื่อลดต้นทุนการผลิต และบรรลุเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน

 

สถานะทางการตลาดและการกระจายความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์: สถานะเครดิตโดยลำพังของ SCCC สะท้อนถึงความสามารถในการรักษาส่วนแบ่งทางการตลาด ในฐานะผู้ผลิตปูนซีเมนต์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศไทย แม้ว่าจะมีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ด้วยชื่อเสียงของตราสินค้าของบริษัทฯ ที่แข็งแกร่งและความยืดหยุ่นในการปรับราคาสินค้า   นอกจากนี้ SCCC ยังเป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์ที่ใหญ่ที่สุดและผู้ผลิตปูนเม็ดเพียงรายเดียวในประเทศศรีลังกา และเป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์ที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเวียดนามตอนใต้ ซึ่งทำให้บริษัทฯ มีการกระจายความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์ที่มากขึ้น

 

การกำหนดอันดับเครดิตโดยสรุป

SCCC มีสถานะทางธุรกิจอ่อนแอกว่า บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC (อันดับเครดิตปัจจุบัน  ‘A(tha)’  แนวโน้มเครดิตเป็นลบ) ซึ่งเป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์ในประเทศเช่นเดียวกัน เนื่องจาก SCC เป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งมีกระแสเงินสดที่สูงกว่า และการกระจายความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์และทางธุรกิจที่มากกว่า อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งทางสถานะทางธุรกิจที่สูงกว่า ได้ถูกลดทอนจากอัตราส่วนหนี้สินของ SCC ที่สูงกว่า SCCC ทำให้อันดับเครดิตของ SCC และ SCCC อยู่ในระดับเดียวกัน แนวโน้มเครดิตเป็นลบของ SCC สะท้อนถึงความเสี่ยงที่อัตราส่วนหนี้สินอาจยังคงอยู่ในระดับสูงในช่วงสองปีข้างหน้า

 

SCCC มีอันดับเครดิตในระดับเดียวกับสถานะเครดิตของบริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP (อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวที่ ‘A(tha)’  แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ/ สถานะเครดิตโดยลำพังที่ a(tha)) ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์กระดาษชั้นนำในภูมิภาคอาเซียน SCCC มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่อ่อนไหวต่อวัฏจักรขาลงทางเศรษฐกิจมากกว่า SCGP เนื่องจาก SCCC มีธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์   SCGP ดำเนินธุรกิจอยู่ในอุตสาหกรรมที่ความต้องการซื้อจากลูกค้ามีความสม่ำเสมอมากกว่า และมีกระแสเงินสดที่คาดการณ์ได้มากกว่า SCCC ดังนั้น SCGP จึงสามารถรองรับอัตราส่วนหนี้สินที่สูงกว่า SCCC ได้ในอันดับเครดิตระดับเดียวกัน

 

SCCC มีขนาดธุรกิจที่ใหญ่กว่าบริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG (‘A-(tha)’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ)  ซึ่งเป็นผู้นำในธุรกิจผลิตฉนวนยางกันความร้อน/เย็น ที่ผลิตจากยางสังเคราะห์ประเภท EPDM, ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ ในเชิงรายได้ และEBITDA  EPG มีธุรกิจปลายทางที่กระจายตัวมากกว่า แต่ถูกลดทอนโดย สถานะผู้นำตลาดในธุรกิจปูนซีเมนต์ในประเทศไทย ศรีลังกา และเวียดนาม  ของ SCCC  SCCC มีอัตราส่วนหนี้สินที่สูงกว่า EPG แต่ด้วยสถานะทางธุรกิจที่ดีกว่า ทำให้ SCCC มีอันดับเครดิตที่สูงกว่า EPG อยู่หนึ่งอันดับ        

 

สมมติฐานที่สำคัญของฟิทช์ที่ใช้ในการประมาณการ

-               รายได้เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 3 ในปี 2567 และร้อยละ 30 ในปี 2568 โดยเป็นผลจากการรวมงบการเงินกับ LANNA; รายได้คงที่ในปี 2569

-               ราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของ LANNA สอดคล้องกับราคาถ่านหินตามสมมติฐานของ Fitch สำหรับดัชนี Newcastle 6000 ดังต่อไปนี้ 130 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตันในปี 2567, 100 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตันในปี 2568, 90 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตันในปี 2569 และ 90 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตันในปี 2570

-               EBITDA margin คงที่ระดับร้อยละ 20 ต่อปี ในปี 2567-2569

-               ค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนรวม 1.2 หมื่นล้านบาท ในปี 2568-2570

-               อัตราการจ่ายเงินปันผลต่อกำไรสุทธิ (Dividend Payout) อยู่ในระดับร้อยละ 75-80

 

ปัจจัยที่อาจมีผลกับอันดับเครดิตในอนาคต

ปัจจัยลบ:

-               การที่กระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทฯ อ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญ  หรือการมีค่าใช้จ่ายด้านการลงทุนโดยใช้แหล่งเงินทุนจากเงินกู้ในระดับสูง รวมถึงการจ่ายเงินปันผลจำนวนมาก ส่งผลให้ EBITDA net leverage อยู่ในระดับสูงกว่า 2.3 เท่า อย่างต่อเนื่อง

ปัจจัยบวก:

-               ฟิทช์ไม่คาดว่าจะมีการปรับเพิ่มอันดับเครดิตในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า เนื่องจาก SCCC มีขนาดธุรกิจที่ค่อนข้างเล็กและการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจที่ต่ำกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทที่มีอันดับเครดิตสูงกว่า

 

สภาพคล่อง

SCCCมีสภาพคล่องอยู่ในระดับที่ดี โดยมีหนี้ที่จะครบกำหนดชำระในอีก 12 เดือนข้างหน้าจนถึงสิ้นเดือนกันยายน 2568 จำนวน 2.9 พันล้านบาท หนี้ส่วนใหญ่ประกอบด้วยเงินกู้ยืมระยะสั้นสำหรับใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ฟิทช์เชื่อว่าบริษัทฯจะสามารถเบิกเงินกู้ใหม่หมุนเวียนทดแทนเงินกู้เดิมได้เงินกู้ยืมระยะสั้นดังกล่าวได้ เนื่องจากบริษัทฯ มีระดับเงินทุนหมุนเวียนที่มั่นคง

 

นอกจากนี้สภาพคล่องของบริษัทฯยังจะได้รับการสนับสนุนจากวงเงินสินเชื่อหมุนเวียนจากสถาบันการเงินประเภทไม่สามารถยกเลิกได้ (Committed credit facilities) จำนวน 9 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2567 และบริษัทฯ ยังมีความสามารถในการกู้ยืมเงินเพื่อชำระคืนหนี้สินเดิม (Refinancing ability) ที่แข็งแกร่ง เนื่องจากความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินกู้ใหม่ผ่านตลาดทุนและสถาบันการเงินของบริษัทฯ ที่แข็งแกร่ง

 

ข้อมูลบริษัท

SCCC มีกำลังการผลิตปูนซีเมนต์รวม 24.6 ล้านตันต่อปี ในประเทศไทย ศรีลังกา และ เวียดนาม SCCC ถือหุ้นร้อยละ 40 ในกิจการร่วมค้า ซึ่งเป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์ในประเทศกัมพูชา ซึ่งมีกำลังการผลิตปูนซีเมนต์จำนวน 2.2 ล้านตันต่อปี และถือหุ้นร้อยละ 61 ใน LANNA ซึ่งเป็นผู้ผลิตถ่านหินขนาดกลาง

 

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้