"Selective Play"
KSS Daily Strategy: คาด SET วันนี้ "Sideways/Up" ต้าน 1270/1280 จุด รับ 1257/1253 จุด ประเด็นการลงทุนวันนี้เป็นบวกอ่อนๆ 1.) US Bond Yield 10 ปี -2 bps เงินบาทอยู่โซนแข็งค่า 33.7 +/- บาท หลัง Fed Minutues ไม่มีเรื่องใหม่ ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทำจุดสูงสุดต่อ โดยตลาดเริ่มสลับมาดึงกลุ่ม Value (ร.พ., ค้าปลีก, พลังงาน) ขึ้น บ่งชี้โอกาส Fund Flows เข้า SET ต่อเนื่อง 2.) มาตรการใหม่ ตลท. ที่จำกัดการ Short sales เฉพาะหุ้นใน SET100 เป็นบวกต่อหุ้น Non-SET100 (20% ของ SET) ส่วน SET100 Short คงเดิม แต่มีแผนทยอยยกเลิก Uptick จะใช้เฉพาะ Uptick สำหรับหุ้นที่ผันผวนในวันก่อน -X%(รอ Hearing) ประเด็นนี้แนวทางเดียวกับ US โดยรวมมาตรการจะทำให้ตลาดมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น ไม่สูญเสียสภาพคล่องโดยไม่จำเป็น และเป็นบวกต่อหุ้น non-SET100 ที่มียอด Short sales คงค้างสูงกว่าค่าเฉลี่ย 0.15% ที่คาดตลาดเร่ง Cover short (TTA, TKN, MAJOR, PTG, THCOM, THANI, PSL, TIPH, SNNP, GFPT, SC, CPAXT) 3.) หุ้นธนาคารประกาศปันผลสูงกว่าคาด 4.) รัฐฯเร่งออกกองทุน Thaiesg 2 รองรับเม็ดเงิน LTF เดิม+เร่งหลักเกณฑ์ต่อยอด หนุนนักลงทุนสถาบันน่าจะทยอยซื้อ กลุ่มเด่นวันนี้ คือ หุ้นธนาคาร (เงินปันผลเด่น) หุ้นค้าปลีก-ท่องเที่ยว(กระแส The White Lotus III ดีกว่าคาด) และหุ้นที่มีโอกาสเข้า SET50/100 หลัง GULF รวม INTUCH วันนี้แนะนำ KBANK, VGI, MOSHI
Daily outlook: "Sideways/Up" ต้าน 1270/1280 จุด รับ 1257/1253 จุด
What happened around the world?
(*) US Stocks: ตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนี Dow jones +0.16%d-d ดัชนี Nasdaq +0.07%d-d S&P500 +0.24% โดยดัชนี S&P 500 Sector ที่ปรับขึ้นหลักๆ คือ Healthcare, Consumer staples, Energy, Utilities ฯลฯ กลุ่มที่ Underperform คือ Materials, Financial หุ้นที่เคลื่อนไหวเด่นคือ Super micro Computer +7.7%, Microsoft +1.25%. ส่วนหุ้นที่ลงแรงคือ Micro strategy -4.58% Nikola บริษัทผลิตรถบรรทุกไฟฟ้า - 39.1% รับข่าวยื่นคำร้องต่อศาลสหรัฐฯ เพื่อขอพิทักษ์ทรัพย์ตามมาตรา 11 ของกฎหมายล้มละลาย
(*/+)China Econ : ราคาบ้านในจีน(House Price) เดือน ม.ค. เห็นสัญญาณบวก คือ ติดลบน้อยลงติดต่อกัน 3 เดือน -5.0%y-y Prev. -5.3% และ -0.07%m-m prev. -0.08% KSS ประเมินเป็นสัญญาณบวกต่อภาคอสังหาจีน (Property Sector) คิดราว 30% ของ GDP เป็นจิตวิทยาบวกต่อตลาดหุ้นฝั่งเอเซีย และตลาดหุ้นจีน มองจิตวิทยาบวกต่อหุ้น China play
(*) US Econ : ตัวเลขบ้านสหรัฐออกมาชะลอ คือ ยอดบ้านเริ่มสร้างเดือน ม.ค. 25 พลิกจากบวกกลับมาลดลงอีกครั้งที่ 1.366 ล้านหลัง ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 1.39 ล้านหลัง -9.8%m-m prev. +16.1% โดยได้รับแรงกดดันจากอากาศที่หนาวกดดันยอดขายชะลอ สอดคล้องกับตัวเลข Mortgage rate ประกาศในวันเดียวกัน ปรับลดลง 3 สัปดาห์ติดอยู่ที่ 6.93% prev. 6.95% KSS ยังคงคงประเมินย้ำมุมมองตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐในเดือน ก.พ. ในหมวดอสังหา Shelter มีแนวโน้มอ่อนตัวลง หนุนนมุมมองอัตราดอกเบี้ยปรับลงในสหรัฐในปีนี้ อิง Fed Watch tool คาดจะเห็นการลดดอกเบี้ยครั้งแรกคือ รอบ ก.ค.25 ราว 25 bps
(*) Fed Minutes : คณะกรรมการ Fed เผยรายงานการประชุม Fed Minutes ประจำ 28-29 ม.ค. โดยระบุว่า กรรมการ Fed มีมุมมองเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง และกังวลว่ามาตรการต่าง ๆ ของปธน.ทรัมป์ อาจจะส่งผลกระทบต่อความพยายามของ Fed ในการฉุดเงินเฟ้อให้ชะลอตัวลงสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% โดยรวม KSS ตีความโทน Neutral
(+) Apple : Apple ล่าสุดเปิดตัว IPhone รุ่นประหยัดที่สุด เปิดตัวคือ iPhone 16E ราคาเริ่มต้นเอาไว้ที่ 22,900 บาท (ราคาสูงกว่าที่คาดและรุ่นก่อนที่คาด < 2 หมื่นบาท) สั่งซื้อล่วงหน้า 21 ก.พ., วางจำหน่าย 28 ก.พ. โดยรายละเอียดคือ มีหน้าตาเหมือนกับ iPhone 14 ขนาด 6.1 นิ้ว แต่ภายในมาพร้อมกับ chip A18 ที่รองรับ Apple Intelligence(เหมือนกับ iphone 16) โดยรวมหุ้น Apple ในสหรัฐเมื่อคืนปรับขึ้นเพียง 0.16% แต่จุดที่น่าสนใจคือ ใน X หมวด News ข่าวคำว่า iPhone 16e ได้รับการโพสต์ขึ้นเป็นอันดับ 1 โดยรวม KSS มองการเปิดตัวสินค้าใหม่ IPhone 16e จะเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นที่เน้นขาย Iphone แนะนำ Trading ระยะสั้น อาทิ COM7, CPW, JMART แนะนำ Trading เน้น COM7 และในเชิงพื้นฐานแนะนำ ADVICE – งบ 4Q24 คาดจะออกมาดี Valuation ถูก P/E 10 เท่า PEG 0.5 เท่า
(*) To monitor : ฝั่งสหรัฐ 21 ก.พ. ยอดขายบ้านมือ 2 ตลาดคาด 4.1 ล้านหลัง -3.3%m-m 21 ก.พ. ติดตาม Flash PMI ภาคผลิตและบริการ ก.พ. 25 ไม่มีคาด vs prev. 51.2 และ 52.9 จุด 20 ก.พ. รายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ รอบ ม.ค. 25 ฝั่งยุโรป 21 ก.พ. ติดตาม Flash PMI ภาคผลิตและบริการ ก.พ. 25 ไม่มีคาด vs prev. 46.6 และ 51.3 จุด ฝั่งญี่ปุ่น 21 ก.พ. ติดตามเงินเฟ้อ CPI ก.พ. 25 ตลาดคาด 4%y-y vs prev. 3.6%
(*) US Bond Yields & Dollar : Bond yield สหรัฐ ปรับลง อายุ 2 ปี ปรับลง -3 bps อยู่ที่ 4.27% และอายุ 10 ปี ปรับลง -2 bps อยู่ที่ 4.35% (หากอิงสถิติ US Bond yields 10 ปี และ Thai Bond yield 10 ปี มีค่าสหสัมพันธ์สูงราว 0.6 หรือไปทางเดียวกัน) ระยะสั้นมองเป็นจิตวิทยบวกต่อหุ้น กลุ่มการเงิน MTC กลุ่มโรงไฟฟ้า GPSC กลุ้มหนี้สูง MINT CPAXT ส่วน Dollar Index แข็งค่าที่ 107.1 จุด
(*/+)Oil : ราคาน้ำมันดิบ อิง น้ำมันดิบ Brent +0.37%d-d ปิดที่ USD 76.12/barrel น้ำมันดิบ West Texas +0.56%d-d ปิดที่ USD 72.25/barrel
(+)BDI : ดัชนีค่าระวางเรือ BDI +7.49%d-d ปิดที่ 904 จุด แรงหนุนมาจากตัวเลขเศรษฐกิจจีน มีสัญญาณฟื้นตัว อาทิ ตัวเลขบ้าน โดยรวมมองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นกลุ่มเรือเทกอง อาท PSL แนวรับ 6.2/6.3 Cut loss < 6.0 และ TTA แนวรับ 4.30 Cut loss < 4.2 แนะนำ Trading
What happened in Thailand?
(*/+) SET Index : SET Index วันทำการล่าสุด ปิดตลาด +4.79 จุด หรือ +0.38% ปิดที่ 1262.27 จุด กลุ่มหนุน คือ กลุ่มธนาคาร (BBL, SCB) แรงหนุนเชิงบวกจาก SCB ประกาศจ่ายเงินปันผล 2H24 ที่ 8.44 บาท สูงกว่าที่ตลาดคาด ผสาน BBL มีแนวโน้มปรับเพิ่ม Dividend Payout Ratio กลุ่มเช่าซื้อ (THANI, MTC) ตอบรับผลประกอบการ 4Q24 เป็นบวก โดยเฉพาะคุณภาพสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้นชัดเจน กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มพลังงาน (GULF, GPSC) GULF จากการขึ้นเครื่องหมาย XD ก่อนควบรวมกับ INTUCH ส่วนภาพรวมกลุ่มถ่วงจากจิตวิทยาลบราคาก๊าซฯ +7.6% กลุ่มขนส่ง (AOT) ยังเผชิญแรงขายจากปัจจัยลบเฉพาะตัวต่อเนื่อง
(*/+) Flows: เงินทุนต่างชาติวันทำการล่าสุด เงินไหลเข้า ซื้อหุ้น +31.3 ล้านเหรียญฯ ขายพันธบัตร -15.2 ล้านเหรียญฯ TFEX Net Short -11,650 สัญญา เงินบาทอ่อนค่าเล็กๆสู่ที่ราว 33.7+/- บาท
(*/+) TH Tourism: โมเมนตัมซีรีส์ The White Lotus Season III หลังออกอากาศต่อการท่องเที่ยวไทยดูจะมีภาพทางบวกดีขึ้นกว่าช่วงเปิดตัว จาก 1.) ยอดค้นหาที่พักเกาะสมุยผ่านช่องทาง Application "Agoda" ของชาวสหรัฐฯ +65% 2.) ยอดผู้ชมซีรีส์สูง 2.4 ล้านคน +57% และ +155% จากยอดผู้ชม Season I และ II ตามลำดับ ประเมินภาพบวกต่อหุ้นที่ได้ประโยชน์สูงในส่วนผู้ที่มีธุรกิจเชื่อมโยงสมุย เน้น MINT (มี 5 โรงแรมบนเกาะสมุย และเป็นโรงแรมหลักที่ใช่ถ่ายทำ) BA (60% ของรายได้มาจากเส้นทางบินสมุย + ค่าธรรมเนียมการใช้สนามบิน) นอกจากนี้ เราแนะนำนักลงทุนระยะยาว เริ่มทยอยสะสม AOT หลังหุ้นสะท้อนความเสี่ยงในระดับต่ำกว่าสัญญา Duty Fee กลับไปเท่ากับสัญญาก่อนหน้าที่จะรวมส่วนต่อขยายแห่งใหม่แล้ว
(*/+) SET Regulation: ตลท. เห็นชอบปรับปรุงมาตรการเพิ่มความเชื่อมั่นผู้ลงทุนและรักษาเสถียรภาพตลาดหุ้น ดังนี้
1.) การขาย Short Sales ให้เฉพาะกลุ่มหุ้นใน SET100 (เดิม = SET100 + non SET100 ที่มีสภาพคล่องสูง Market Cap 3 เดือนเฉลี่ยเกิน 7.5 พันล้านบาท + Monthly Turnover 12 เดือนไม่น้อยกว่า 2% และ Free Float >/= 20%) นอกจากนี้ จะปรับเกณฑ์ Uptick Rule เมื่อจำเป็น เมื่อหลักทรัพย์นั้นๆ เข้าเกณฑ์ที่กำหนด เช่น ราคาปรับลงแรงวันนี้ วันทำการถัดไปจะถูกบังคับใช้เกณฑ์ Uptick (ปัจจุบันใช้ Uptick ทั้งหมด)
2.) การส่งคำสั่งซื้อนักลงทุนกลุ่ม High Frequency Trade จะทำได้เฉพาะหุ้นใน SET100
3.) ยกเลิกเกณฑ์กำหนดเวลาขั้นต่ำในการส่งคำสั่งซื้อขาย (Minimum Resting Time) + เลื่อนการใช้ Dynamic Price Band เฟส 2
KSS ประเมินประเด็นนี้เป็นกลาง-บวกอ่อนๆ เพราะ
1.) ช่วยลดความผันผวนของหุ้นขนาดกลาง-เล็กได้ดีขึ้น โดยปัจจุบันหุ้น Non SET100 มีสัดส่วนราว 20% ของ SET รวมถึงเพิ่มความเชื่อมั่นนักลงทุนต่อการลงทุนหุ้นขนาดกลาง-เล็กที่มีศักยภาพเติบโตระยะกลาง-ยาว โดยไม่มีความผันผวนระยะสั้นที่มากเกินควร โดยการปรับเกณฑ์ดังกล่าวคาดหนุนหุ้นกลุ่ม non SET 100 มีโอกาสถูกเร่ง Cover Short โดยปัจจุบันหุ้นที่มีประเด็นหนุนระยะสั้น ในกลุ่มดังกล่าวที่ยังถูก Short สูงกว่าค่าเฉลี่ย (0.15% ของทุนชำระแล้ว) และ KSS คาดเห็นการเร่ง Cover Short แนะนำเก็งกำไร TTA(ยอด Short 1.04%) TKN (0.79%) MAJOR (0.62%) PTG (0.58%) THCOM (0.48%) THANI (0.46%) PSL (0.38%) TIPH (0.36%) SNNP (0.26%) GFPT (0.25%) SC (0.16%) CPAXT (0.15%)
2.) หุ้นขนาดใหญ่ SET100 หลักเกณฑ์มีความสอดคล้องกับต่างประเทศมากขึ้น ผสาน การปรับในประเด็นที่ 3 อีกด้านจะหนุนสภาพคล่องและปริมาณซื้อขายกลับมาเพิ่มสูงขึ้น
(*/+) SET 50/100 interim Rebalance: การเปลี่ยนแปลง SET50/SET100 ระหว่างกาล Update สืบเนื่องจากกรณี GULF, INTUCH จะมีการควบรวมเป็นบริษัทใหม่ คือ GULF Development ซึ่งจะเข้าตลาดวันที่ 3 เม.ย. ทำให้มีการนำหุ้นเข้า SET50/SET100 ใหม่ในระหว่างกาล ดัชนีละ 1บริษัท KSS ได้ประเมินหุ้นที่มีโอกาสเข้า SET50 และ SET100 ใหม่ผลจากประเด็นนี้
SET50 : คาด 1 บริษัทเข้าใหม่ระหว่างกาล Rebalance สิ้นวันที่ 2 เมย คือ VGI (โอกาสเข้า 95%)
SET100 : คาด 1 บริษัทเข้าใหม่จะแข่งกันระหว่าง MOSHI (โอกาส 50%), THCOM (โอกาส 30%), KAMART (โอกาส 20%)
กลยุทธ์ : เราคาดหุ้นที่ถูกนำเข้า SET50/100 จะถูกเพิ่มน้ำหนักจาก Passive Fund เป็นบวกต่อราคาหุ้น โดยในส่วน SET 50 เราแนะนำเก็งกำไร VGI และ BTS บ.แม่ (ถือหุ้น 57.1%) ส่วน SET100 แนะนำเก็งกำไร MOSHI
(*/+) ThaiESG/LTF: ปลัดกระทรวงการคลังเปิดเผยความคืบหน้าเกี่ยวกับกองทุนการลงทุนระยะยาว โดยขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งดำเนินการจัดตั้ง กองทุน ThaiESG กองที่ 2 คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในเดือนมีนาคม 2568 โดยวงเงินกองทุนอยู่ที่ประมาณ 1.8 แสนล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่ครบกำหนดอายุไปแล้ว ส่วนโครงสร้างการลงทุนและสิทธิประโยชน์ของกองทุนยังอยู่ระหว่างการหารือ ซึ่งอาจมีความแตกต่างจากกองทุน ThaiESG เดิม แต่ยังคงเน้นให้เป็นการลงทุนภายในประเทศ
• KSS ประเมินว่าการจัดตั้งกองทุนดังกล่าวเป็นปัจจัย บวก ต่อตลาดหุ้นไทย เนื่องจากจะช่วยลดแรงขายจาก LTF ที่ครบอายุ โดยมีปัจจัยหนุนสองประการ ได้แก่ การเติมสภาพคล่องใหม่จาก ThaiESG ที่เข้ามาทดแทน LTF เดิมซึ่งไม่มีเงินใหม่ไหลเข้ามา และการที่นักลงทุนที่ถือ LTF ในช่วง 7 ปีหลัง ซึ่งมีต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 1,620-1,640 จุด จะได้รับโอกาสจากเม็ดเงินใหม่ที่เข้าสู่ตลาด ทำให้การฟื้นตัวของ SET มีแนวโน้มที่ดีขึ้น
• สิ่งที่ต้องติดตามต่อไปและอาจส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นไทยในระยะกลางถึงยาวมี 3 ประเด็นหลัก คือ แนวทางกองทุนที่มุ่งเน้นสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับการลงทุนในหุ้นไทย หากมีการขยายเพดานลดหย่อนภาษีของ THAIESG จาก 300,000 บาท เป็น 500,000 บาท เท่ากับ LTF เดิม จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นในตลาดมากขึ้น ประเด็นที่สองคือ แนวทางให้กองทุนมีการลงทุนในหุ้นไทย 100% ซึ่งจะช่วยรักษาสภาพคล่องให้อยู่ภายในประเทศ และประเด็นสุดท้ายคือ การขยายขอบเขตของหุ้น ESG ให้กว้างขึ้นเพื่อเพิ่มโอกาสการลงทุน
• KSS ประเมินว่าตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยเผชิญปัจจัยกดดันจากการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และการขาดแคลนเงินทุนระยะยาวจากการที่ LTF หมดสิทธิประโยชน์ในปี 2562 ซึ่งทำให้ SET เริ่มอยู่ในช่วง Underperform อย่างไรก็ตาม หากมีความชัดเจนเกี่ยวกับแนวทางของภาครัฐที่มุ่งเน้นการลงทุนระยะกลางถึงยาวในประเทศ จะช่วยให้ตลาดหุ้นไทยค่อย ๆ ฟื้นตัวขึ้น แนวโน้มสภาพคล่องในประเทศกำลังได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง KSS จึงยังคงมุมมองเชิงบวกต่อการสะสมหุ้น เนื่องจาก SET ยังอยู่ใน Deep Value Zone โดยมีค่า PER ปี 2568 อยู่ที่ 13.5 เท่า และหากไม่นับรวมหุ้น DELTA ค่า PER จะต่ำเพียง 11.5 เท่า
กลยุทธ์ KSS แนะนำ 7 หุ้น Deep Value(Z-Score สะท้อน Value : PER, PBV, Invert Dividend Yield) พร้อมมีโมเดลธุรกิจแข็งแกร่งและทนทานต่อปัจจัยภายนอก ได้แก่ CPALL, BDMS, MINT, BH, GPSC, SCGP และ HMPRO พร้อมกันนี้ยังแนะนำอีก 5 บริษัท ที่เข้าเงื่อนไข PER < 12X, PBV < 1X และ Dividend Yield > 3% ในกลุ่มธนาคาร KBANK, KTB, BBL ผสาน อสังหาริมทรัพย์ ที่เริ่มมีปัจจัยหนุนเชิงบวก เช่น AP และ SIRI
(*) To monitor: สัปดาห์นี้ปัจจัยภายในติดตาม
1.) รายงานกำไร Real Sector 20 ก.พ. BCP, PTT, BCPG* 21 ก.พ. WHA (* = หุ้นที่คาดรายงานกำไรออกมาดี)
2.) 21-26 ก.พ. รายงานส่งออก - นำเข้า ม.ค. 25 ยังไม่มีคาด vs prev. +8.7%y-y, +14.9%y-y
Daily Strategy : KBANK, VGI, MOSHI
ระยะสั้น วันนี้มองตลาดหุ้นไทยวันนี้ "Sideways/Up" ประเมินตลาดวันนี้อยู่ในลักษณะทรง-แกว่งขึ้น หุ้นนำเน้นรายธีม 1.) หุ้นธนาคาร (เงินปันผลเด่น) 2.) หุ้นค้าปลีก-ท่องเที่ยว(กระแส The White Lotus III ดีกว่าคาด) ขณะที่แนะนำเก็งกำไร 3.) หุ้นที่มีโอกาสเข้า SET50/100 หลัง GULF รวม INTUCH และ 4.) หุ้น non-SET100 ที่มียอด Short sales คงค้างสูงกว่าค่าเฉลี่ย 0.15% ที่คาดตลาดเร่ง Cover short (TTA, TKN, MAJOR, PTG, THCOM, THANI, PSL, TIPH, SNNP, GFPT, SC, CPAXT)
หุ้นในธีมประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่การเป็นหนึ่งในศูนย์กลาง Infrastructure Technology ของภูมิภาค (WHA, GULF, GPSC, STPI, DELTA ADVANC, TRUE, INSET, BE8, BBIK)
หุ้นในธีม Trump 2.0 (AMATA, WHA, PTT, PTTEP, CPF, SCB, KBANK, KTB, BJC, HMPRO, ADVANC, GULF, GPSC)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มไวขึ้นของรัฐบาลใหม่ ผสาน ท่องเที่ยว การผลักดัน Entertainment Complex คาดเป็นนโยบายหลัก หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (BTS, VGI, BJC, ERW, BA, MBK)
กลุ่มได้ประโยชน์จีนกระตุ้นเศรษฐกิจ (IVL, AOT, AU, PTTGC, SCC, CPALL, BJC)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงต่อในปี 2025 (GULF, BA, AAV, MTC, AEONTS, TRUE, CPALL, BJC)
กลุ่ม Value ที่คาดมีโอกาสซื้อหุ้นคืน (PTT , SCB , KBANK , KTB , BBL , BCP)
7 หุ้นที่อยู่ในโซนลงทุนกลาง-ยาว (CPALL, BDMS, MINT, BH, GPSC, SCGP, HMPRO)
• FEB25 Best Picks: ADVANC, AMATA, BA, BTS, ERW, KBANK, TTB
• 2025F Stock Picks : ADVANC, AWC, BJC, BTS, CPALL, HMPRO, IVL, KBANK, KTB, TRUE Mid-Small Cap Play : INSET, JMT, MALEE, MOSHI