Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

516

 

Turnover เริ่มกลับมาเพียงพอหล่อเลี้ยง

 

External Factor
• สหรัฐฯ เผยรายงานผลการประชุม FOMC Fed Minute รอบวันนี้29 ม.ค. 67 โดย Fed มีมติคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 4.5% เนื่องจากต้องการเห็นเงินเฟ้อลดลงต่อเนื่อง เพื่อมั่นใจว่าเงินเฟ้อจะกลับสู่เป้าหมาย 2%
• นอกจากนี้ Fed ยังส่งสัญญาณว่าอาจพิจารณาหยุดหรือชะลอการลดขนาดงบดุล (QT) จนกว่าจะมีการแก้ไขปัญหาเพดานหนี้

 

Internal Factor
• ตัวเลขราคาบ้านใหม่จีนชะลอตัวน้อยลงเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน -5.0%YoY ซึ่งน้อย กว่าในเดือนธ.ค.ที่ปรับตัวลง 5.3%YoY หลังจากจีนพยายามใช้มาตรการกระตุ้น อสังหาฯมานานกว่า 3 ปี ขณะที่ในบ้านเรารอลุ้นมาตรการ LTV จาก ธปท. ดีต่อหุ้น กลุ่มอสังหาฯ AP SIRI SPALI LH
• ASPS มองว่าไทยจะได้ประโยชน์หากเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว เนื่องจากไทยมีมูลค่าส่งออก ไปจีนเป็นลำดับ 2 (เป็นรองแค่สหรัฐฯ) คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 15.5% ของมูลค่าส่งออก ในไทยทั้งหมด และหากพิจารณาในมุมของจีนก็นำเข้าสินค้าจากไทย สูงเป็นลำดับ 13 หรือคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 1.8% ของมูลค่านำเข้าในจีนทั้งหมด

 

Investment Strategy
เดือน ก.พ. นี้ ตลาดหุ้นไทยเริ่มมีมูลค่าซื้อขายเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเป็น 4.88 หมื่นล้านบาท/วัน (เพิ่มขึ้น 28%MoM) สวนทางกับ Market Cap ต้นปีที่ 17.4 ล้านล้านบาท ย่อตัวลงจนปัจจุบันเหลือ 15.7 ล้านล้านบาท

ส่งผลให้ Turnover ต่อปี ในเดือน ก.พ. ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่75% ซึ่งสูงเดือน ม.ค. ที่ Turnover เฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 56% และยังมากกว่า 70% ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่เพียงพอจะพยุงและผลักดันให้ตลาดให้มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นได้

กลยุทธ์ยังคงแนะนำทยอยสะสมหุ้นใหญ่หลากหลายกลุ่ม ปันผลสูง ESG Rating เด่น -> HMPRO, SCC, PTT, PTTEP, TOP, TU, BDMS, IVL, SCGP, CPN, SCB

 

Fed ส่งสัญญาณ “ไม่รีบ” ลดดอกเบี้ย
วานนี้ สหรัฐฯ เผยรายงานผลการประชุม FOMC Fed Minuteรอบ 29 ม.ค. 67โดยสรุปสาระสำคัญๆ ดังนี้

 

Fed มีมติคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 4.5% เนื่องจากต้องการเห็นเงินเฟ้อลดลงต่อเนื่อง เพื่อมั่นใจว่าเงินเฟ้อจะ กลับสู่เป้าหมาย 2%

เจ้าหน้าที่ Fed บางรายแสดงความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เกิดจากนโยบายการค้าและการอพยพของ ปธน. Trump ซึ่งอาจส่งผลต่อแนวโน้มเงินเฟ้อ ตลาดแรงงาน และการเติบโตทางเศรษฐกิจ

การประชุม Fed ในเดือน ม.ค. เป็นการเริ่มต้นทบทวนกรอบนโยบายการเงินของ Fed ซึ่งจะเน้นไปที่บทเรียน จากการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อหลังวิกฤตโควิด-19 และการตอบสนองของ Fed

เจ้าหน้าที่ Fed หลายรายแสดงความเห็นว่าควรปรับโครงสร้างการซื้อสินทรัพย์เพื่อให้สอดคล้องกับ องค์ประกอบของหนี้สินของกระทรวงการคลัง

อาจพิจารณาหยุดหรือชะลอการลดขนาดงบดุล (QT) จนกว่าจะมีการแก้ไขปัญหาเพดานหนี้

 

ทั้งนี้ หาก Fed มีการหยุด/ชะลอการทำ QT จะหนุนให้การเดินหน้านโยบายเงินไปในทิศทางเดียวกันมากขึ้น (ลดการ ดึงเงินออกนอกระบบ พร้อมกับการลดดอกเบี้ยหนุนเศรษฐกิจ) อย่างไรก็ตาม อาจเป็นการสะท้อนภาพในระยะยาวว่า แรงกดดันจากการทำ QT ลดลง อาจทำให้ Fed คงดอกเบี้ยไว้ยาวนานขึ้นได้ในอนาคต “Higher for Longer”

 

สรุป ทิศทางดอกเบี้ยสรัฐฯ ที่มีแนวโน้มปรับตัวได้ไม่มาก ราว 1-2 ครั้งในปีนี้ และอาจล่าช้ากว่าตลาดคาดการณ์ มอง เป็นหนึ่งในปัจจัยหนึ่งที่ทำให้บ้านเราน่าจะยังไม่เห็นการปรับลดดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ ขณะที่ Bloomberg Consensus คาดการประชุม กนง. ในวันที่ 26 ก.พ. 68 จะยังคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 2.25% อีกทั้งยังมีสัญญาณของ Bond Yield 10 ปี ของไทย ที่ล่าสุดอยู่ระดับ 2.30% (สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบาย)

 

เศรษฐกิจจีนทยอยดีขึ้น หุ้นตัวใดที่ ASPS สนใจบ้าง
วานนี้ตัวเลขราคาบ้านใหม่จีนชะลอตัวน้อยลงเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน โดยออกมา -5.0%YoY ซึ่งน้อยกว่าในเดือน ธ.ค.ที่ปรับตัวลง 5.3%YoY ซึ่ง Bloomberg คาดว่าข้อมูลดังกล่าวทำให้ตลาดมีความหวังมากขึ้น หลังจากจีน พยายามใช้มาตรการกระตุ้นอสังหาฯมานานกว่า 3 ปีและถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อเศรษฐกิจจีนในอนาคตที่ปีนี้ ตลาด คาดว่า GDP Growth จะโตราว 5%YoY ซึ่งมาตรการกระตุ้นจะมาจาก 3 ส่วน คือ ดอกเบี้ย-อสังหาฯ-ตลาดหุ้น ประเด็นดังกล่าวหนุนให้ Flow ต่างชาติทยอยไหลเข้าตลาดหุ้น Hong Kong มากขึ้นเรื่อยๆ โดยตั้งแต่ต้นปี +14.5%(Ytd) Outperform ตลาดหุ้นอื่นๆในเอเชียทั้งหมด

 

ซึ่งฝ่ายวิจัยฯมองว่าประเทศไทยจะได้ประโยชน์อย่างแน่นอน หากเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว เนื่องจากไทยมีมูลค่าส่งออกไป จีนเป็นลำดับ 2 (เป็นรองแค่สหรัฐฯ) คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 15.5% ของมูลค่าส่งออกในไทยทั้งหมด และหากพิจารณา ในมุมของจีนก็นำเข้าสินค้าจากไทย สูงเป็นลำดับ 13 หรือคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 1.8% ของมูลค่านำเข้าในจีนทั้งหมด และมีโอกาสเสริมให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยมากขึ้นในอนาคต ส่วนหุ้นกลุ่มที่คาดจะได้ประโยชน์ หรือ Sentiment เชิงบวก มีรายละเอียด ดังนี้

 

กลุ่มท่องเที่ยว-โรงแรม: AOT, ERW, CENTEL, MINT
กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์: KCE, DELTA
กลุ่มธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย : AP, LH, SC
กลุ่มวัสดุก่อสร้าง : SCC, SCGP
กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี: PTT, TOP, PTTGC, IVL
กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม : CBG, CRC, BJC, CPALL
กลุ่มยางพารา : NER, STA

 

มูลค่าซื้อขายเริ่มดีขึ้น และเริ่มอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับการผลักดันดัชนี
ในเดือน ม.ค. 68 ตลาดหุ้นไทยมีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยเบาบางมากเพียง 3.82 หมื่นล้านบาท/วัน (ต่ำ 4 หมื่นล้านบาท เกือบทุกวัน) แต่เดือน ก.พ. นี้ ตลาดหุ้นไทยเริ่มมีมูลค่าซื้อขายเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเป็น 4.88 หมื่นล้านบาท/วัน (เพิ่มขึ้น 28%MoM) สวนทางกับ Market Cap ต้นปีที่ 17.4 ล้านล้านบาท ย่อตัวลงจนปัจจุบันเหลือ 15.7 ล้านล้านบาท

 

ส่งผลให้ Turnover ต่อปี ในเดือน ก.พ. เริ่มเด่นขึ้นโดยปรับตัวขึ้นมาเฉลี่ย 75% ซึ่งสูงเดือน ม.ค. ที่Turnover เฉลี่ย ต่อปีอยู่ที่ 56% และยังมากกว่า 70% ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่เพียงพอจะพยุงและผลักดันให้ตลาดให้มีโอกาสปรับตัว เพิ่มขึ้นได้

 

กลยุทธ์ยังคงแนะนำทยอยสะสมหุ้นใหญ่หลากหลายกลุ่ม ปันผลสูง ESG Rating เด่น -> HMPRO, SCC, PTT, PTTEP, TOP, TU, BDMS, IVL, SCGP, CPN, SCB

 

Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

"พาณิชย์"จับมือ 4 ปั๊มน้ำมัน ซื้อมะม่วงแฟนซีภาคเหนือ นำแจกเป็นของสมนาคุณผู้เติมน้ำมัน

"พาณิชย์"จับมือ 4 ปั๊มน้ำมัน ซื้อมะม่วงแฟนซีภาคเหนือ นำแจกเป็นของสมนาคุณผู้เติมน้ำมัน

PCE ลุย! ส่งออกกะลาปาล์มคุณภาพสูง

PCE ลุย! ส่งออกกะลาปาล์มคุณภาพสูง

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้