Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.เอเซีย พลัส : Market Talk

542

 

Turnover เริ่มกลับมาเพียงพอหล่อเลี้ยง

 

External Factor
• สหรัฐฯ เผยรายงานผลการประชุม FOMC Fed Minute รอบวันนี้29 ม.ค. 67 โดย Fed มีมติคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 4.5% เนื่องจากต้องการเห็นเงินเฟ้อลดลงต่อเนื่อง เพื่อมั่นใจว่าเงินเฟ้อจะกลับสู่เป้าหมาย 2%
• นอกจากนี้ Fed ยังส่งสัญญาณว่าอาจพิจารณาหยุดหรือชะลอการลดขนาดงบดุล (QT) จนกว่าจะมีการแก้ไขปัญหาเพดานหนี้

 

Internal Factor
• ตัวเลขราคาบ้านใหม่จีนชะลอตัวน้อยลงเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน -5.0%YoY ซึ่งน้อย กว่าในเดือนธ.ค.ที่ปรับตัวลง 5.3%YoY หลังจากจีนพยายามใช้มาตรการกระตุ้น อสังหาฯมานานกว่า 3 ปี ขณะที่ในบ้านเรารอลุ้นมาตรการ LTV จาก ธปท. ดีต่อหุ้น กลุ่มอสังหาฯ AP SIRI SPALI LH
• ASPS มองว่าไทยจะได้ประโยชน์หากเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว เนื่องจากไทยมีมูลค่าส่งออก ไปจีนเป็นลำดับ 2 (เป็นรองแค่สหรัฐฯ) คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 15.5% ของมูลค่าส่งออก ในไทยทั้งหมด และหากพิจารณาในมุมของจีนก็นำเข้าสินค้าจากไทย สูงเป็นลำดับ 13 หรือคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 1.8% ของมูลค่านำเข้าในจีนทั้งหมด

 

Investment Strategy
เดือน ก.พ. นี้ ตลาดหุ้นไทยเริ่มมีมูลค่าซื้อขายเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเป็น 4.88 หมื่นล้านบาท/วัน (เพิ่มขึ้น 28%MoM) สวนทางกับ Market Cap ต้นปีที่ 17.4 ล้านล้านบาท ย่อตัวลงจนปัจจุบันเหลือ 15.7 ล้านล้านบาท

ส่งผลให้ Turnover ต่อปี ในเดือน ก.พ. ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่75% ซึ่งสูงเดือน ม.ค. ที่ Turnover เฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 56% และยังมากกว่า 70% ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่เพียงพอจะพยุงและผลักดันให้ตลาดให้มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นได้

กลยุทธ์ยังคงแนะนำทยอยสะสมหุ้นใหญ่หลากหลายกลุ่ม ปันผลสูง ESG Rating เด่น -> HMPRO, SCC, PTT, PTTEP, TOP, TU, BDMS, IVL, SCGP, CPN, SCB

 

Fed ส่งสัญญาณ “ไม่รีบ” ลดดอกเบี้ย
วานนี้ สหรัฐฯ เผยรายงานผลการประชุม FOMC Fed Minuteรอบ 29 ม.ค. 67โดยสรุปสาระสำคัญๆ ดังนี้

 

Fed มีมติคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 4.5% เนื่องจากต้องการเห็นเงินเฟ้อลดลงต่อเนื่อง เพื่อมั่นใจว่าเงินเฟ้อจะ กลับสู่เป้าหมาย 2%

เจ้าหน้าที่ Fed บางรายแสดงความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เกิดจากนโยบายการค้าและการอพยพของ ปธน. Trump ซึ่งอาจส่งผลต่อแนวโน้มเงินเฟ้อ ตลาดแรงงาน และการเติบโตทางเศรษฐกิจ

การประชุม Fed ในเดือน ม.ค. เป็นการเริ่มต้นทบทวนกรอบนโยบายการเงินของ Fed ซึ่งจะเน้นไปที่บทเรียน จากการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อหลังวิกฤตโควิด-19 และการตอบสนองของ Fed

เจ้าหน้าที่ Fed หลายรายแสดงความเห็นว่าควรปรับโครงสร้างการซื้อสินทรัพย์เพื่อให้สอดคล้องกับ องค์ประกอบของหนี้สินของกระทรวงการคลัง

อาจพิจารณาหยุดหรือชะลอการลดขนาดงบดุล (QT) จนกว่าจะมีการแก้ไขปัญหาเพดานหนี้

 

ทั้งนี้ หาก Fed มีการหยุด/ชะลอการทำ QT จะหนุนให้การเดินหน้านโยบายเงินไปในทิศทางเดียวกันมากขึ้น (ลดการ ดึงเงินออกนอกระบบ พร้อมกับการลดดอกเบี้ยหนุนเศรษฐกิจ) อย่างไรก็ตาม อาจเป็นการสะท้อนภาพในระยะยาวว่า แรงกดดันจากการทำ QT ลดลง อาจทำให้ Fed คงดอกเบี้ยไว้ยาวนานขึ้นได้ในอนาคต “Higher for Longer”

 

สรุป ทิศทางดอกเบี้ยสรัฐฯ ที่มีแนวโน้มปรับตัวได้ไม่มาก ราว 1-2 ครั้งในปีนี้ และอาจล่าช้ากว่าตลาดคาดการณ์ มอง เป็นหนึ่งในปัจจัยหนึ่งที่ทำให้บ้านเราน่าจะยังไม่เห็นการปรับลดดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ ขณะที่ Bloomberg Consensus คาดการประชุม กนง. ในวันที่ 26 ก.พ. 68 จะยังคงดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 2.25% อีกทั้งยังมีสัญญาณของ Bond Yield 10 ปี ของไทย ที่ล่าสุดอยู่ระดับ 2.30% (สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบาย)

 

เศรษฐกิจจีนทยอยดีขึ้น หุ้นตัวใดที่ ASPS สนใจบ้าง
วานนี้ตัวเลขราคาบ้านใหม่จีนชะลอตัวน้อยลงเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน โดยออกมา -5.0%YoY ซึ่งน้อยกว่าในเดือน ธ.ค.ที่ปรับตัวลง 5.3%YoY ซึ่ง Bloomberg คาดว่าข้อมูลดังกล่าวทำให้ตลาดมีความหวังมากขึ้น หลังจากจีน พยายามใช้มาตรการกระตุ้นอสังหาฯมานานกว่า 3 ปีและถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อเศรษฐกิจจีนในอนาคตที่ปีนี้ ตลาด คาดว่า GDP Growth จะโตราว 5%YoY ซึ่งมาตรการกระตุ้นจะมาจาก 3 ส่วน คือ ดอกเบี้ย-อสังหาฯ-ตลาดหุ้น ประเด็นดังกล่าวหนุนให้ Flow ต่างชาติทยอยไหลเข้าตลาดหุ้น Hong Kong มากขึ้นเรื่อยๆ โดยตั้งแต่ต้นปี +14.5%(Ytd) Outperform ตลาดหุ้นอื่นๆในเอเชียทั้งหมด

 

ซึ่งฝ่ายวิจัยฯมองว่าประเทศไทยจะได้ประโยชน์อย่างแน่นอน หากเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว เนื่องจากไทยมีมูลค่าส่งออกไป จีนเป็นลำดับ 2 (เป็นรองแค่สหรัฐฯ) คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 15.5% ของมูลค่าส่งออกในไทยทั้งหมด และหากพิจารณา ในมุมของจีนก็นำเข้าสินค้าจากไทย สูงเป็นลำดับ 13 หรือคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 1.8% ของมูลค่านำเข้าในจีนทั้งหมด และมีโอกาสเสริมให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยมากขึ้นในอนาคต ส่วนหุ้นกลุ่มที่คาดจะได้ประโยชน์ หรือ Sentiment เชิงบวก มีรายละเอียด ดังนี้

 

กลุ่มท่องเที่ยว-โรงแรม: AOT, ERW, CENTEL, MINT
กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์: KCE, DELTA
กลุ่มธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย : AP, LH, SC
กลุ่มวัสดุก่อสร้าง : SCC, SCGP
กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี: PTT, TOP, PTTGC, IVL
กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม : CBG, CRC, BJC, CPALL
กลุ่มยางพารา : NER, STA

 

มูลค่าซื้อขายเริ่มดีขึ้น และเริ่มอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับการผลักดันดัชนี
ในเดือน ม.ค. 68 ตลาดหุ้นไทยมีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยเบาบางมากเพียง 3.82 หมื่นล้านบาท/วัน (ต่ำ 4 หมื่นล้านบาท เกือบทุกวัน) แต่เดือน ก.พ. นี้ ตลาดหุ้นไทยเริ่มมีมูลค่าซื้อขายเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเป็น 4.88 หมื่นล้านบาท/วัน (เพิ่มขึ้น 28%MoM) สวนทางกับ Market Cap ต้นปีที่ 17.4 ล้านล้านบาท ย่อตัวลงจนปัจจุบันเหลือ 15.7 ล้านล้านบาท

 

ส่งผลให้ Turnover ต่อปี ในเดือน ก.พ. เริ่มเด่นขึ้นโดยปรับตัวขึ้นมาเฉลี่ย 75% ซึ่งสูงเดือน ม.ค. ที่Turnover เฉลี่ย ต่อปีอยู่ที่ 56% และยังมากกว่า 70% ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่เพียงพอจะพยุงและผลักดันให้ตลาดให้มีโอกาสปรับตัว เพิ่มขึ้นได้

 

กลยุทธ์ยังคงแนะนำทยอยสะสมหุ้นใหญ่หลากหลายกลุ่ม ปันผลสูง ESG Rating เด่น -> HMPRO, SCC, PTT, PTTEP, TOP, TU, BDMS, IVL, SCGP, CPN, SCB

 

Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

ความหวัง By : แม่มดน้อย

แม่มดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ ตลาดหุ้นไทย เขียวสดใส แรงซื้อหุ้นบิ๊ก แคป หนุนนำ ท่ามกลางนักลงทุน ลุ้นผลเจรจาภาษีระหว่าง..

ATLAS โชว์ศักยภาพผู้นำตลาด LPG ร่วมเวทีเสวนาสร้างธุรกิจยั่งยืนก่อนเข้า SET

ATLAS โชว์ศักยภาพผู้นำตลาด LPG ร่วมเวทีเสวนาสร้างธุรกิจยั่งยืนก่อนเข้า SET

มัลติมีเดีย

TMILL วางกลยุทธ์ ขยายตลาดควบคู่เน้นบริหารต้นทุน ดันมาร์จิ้นสดใส

TMILL วางกลยุทธ์ ขยายตลาดควบคู่เน้นบริหารต้นทุน ดันมาร์จิ้นสดใส

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้