Trump เตรียมเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ ยา เซมิคอนดักเตอร์ 25%ล่าสุด Trump กล่าวว่าจะกำหนดภาษีศุลกากรสำหรับการนำเข้า “รถยนต์ เซมิคอน ดักเตอร์ และยา” ราว 25% โดยคาดว่ามีผลเร็วที่สุดในวันที่ 2 เม.ย. 68 ทั้งนี้ หาก มาตรการกีดกันภาษีของสหรัฐฯ เริ่มมีผลบังคับใช้ อาจเห็นการตอบโต้จากประเทศ ต่างๆ ละเป็นเหตุปัจจัยให้สงคราการทวีความรุนแรงมากกว่าช่วงปี 2018 ได้
การปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ อาจผลักดันให้เงินเฟ้อเข้าสู่กรอบเป้าหมายได้ช้า ลง โดย Bloomberg คาดการณ์แนวโน้มเงินเฟ้อสหรัฐฯ ในปี 2568 จะอยู่ที่ +2.7% และ อาจเห็นการเร่งตัวขึ้นไปอยู่ที่ +2.9% ในช่วง 3Q68
นายกฯขอให้ ธปท.พิจารณาลดดอกเบี้ย ช่วยลดภาระประชาชน หลังหนี้ครัวเรือนอยู่ ในระดับสูง พร้อมชูการกระตุ้นเศรษฐกิจส่วนบริโภค(C)และการลงทุนเอกชน(I) เพื่อ ขยายตัวเศรษฐกิจปี 2568 ให้เติบโต 3.5%YoY ขณะที่ธปท. อาจมีการทบทวนเรื่อง เกณฑ์LTV สำหรับการกู้ซื้อบ้านสัญญาณ 2-3
ภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่ทยอยดีขึ้นตามลำดับในปีนี้ จึงทำให้ต่างชาติเริ่มสนใจตลาด หุ้นไทย โดยเดือน ก.พ. ต่างชาติซื้อหุ้นไทย 6 พันล้านบาท (179 ล้านเหรียญ) แห่งเดียว จากทั้งหมด 7 แห่งในภูมิภาคเดียวกัน
Investment Strategy
แม้ในช่วง 3 วันทำการที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวลง 27 จุด มาอยู่ที่ 1257 จุด แต่ถ้าไปดูใส้ใน พบว่า จำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบ โดยมีหุ้นบวก 480 หุ้น หุ้นลบ 271 หุ้น พร้อมกับ Fund Flow เดือนนี้ ไหลเข้าหุ้น ไทยเด่นที่สุดในภูมิภาค ทำให้หุ้นหลายตัวใน SET Index ยังมีโอกาสฟื้นต่อได้
กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ ธีมหุ้น “2L” คือ LTV : หุ้นเด่นรอความคืบหน้าผ่อนปรน LTV อย่าง อสังหาฯ -> AP, LH, SPALI, SIRI, ธ.พ. -> SCB, TTB, KTB, KBANK, BBL และตกแต่งบ้าน -> HMPRO, ILM LTF : หุ้นใหญ่ ปันผลสูง ESG Rating เด่น -> HMPRO, SCC, PTT, PTTEP, TOP, TU, BDMS, IVL, SCGP, CPN, SCB
Stock Focus
ธปท. พร้อมพิจารณาข้อเสนอทบทวนมาตรการ LTV หลังสัปดาห์ที่ผ่านมามีการหารือกับผู้ประกอบการภาค อสังหาฯ และก่อสร้าง เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกันในภาคอสังหาฯ โดยสิ่งที่ผู้ประกอบการขอคือ การผ่อน คลาย LTV สำหรับการซื้อบ้านสัญญาที่ 2 และ 3
ถือเป็น Sentiment ที่ดีต่อกลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัย เนื่องจากสถานการณ์ตลาดอสังหาฯ ปัจจุบัน เผชิญกับหลาย ปัจจัยกดดัน โดยเฉพาะในเรื่องอัตราดอกเบี้ย และการถูกปฏิเสธสินเชื่อจากแบงค์สูง
คงแนะนำลงทุนเท่าตลาดสำหรับกลุ่มฯ เลือกหุ้นเด่นที่มีพอร์ตสินค้าหลากหลาย กระจายตัว และฐานธุรกิจ แข็งแรง พร้อมรับประโยชน์จากมาตรการดังกล่าว และให้เงินปันผลสูง ได้แก่ AP (FV@12.80) คาดปันผลรอบปี 2567 ระดับ 0.55 หรือ 6.8% และ SIRI (FV@B2.22) คาดปันผล 2H67 หุ้นละ 0.08 บาท หรือ 4.9%
นโยบายกีดกันการค้าเพิ่มความกังวลผลักดันเงินเฟ้อ
นับตั้งแต่ ปธน. Trump ขึ้นรับตำแหน่ง ได้มีการประกาศปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าในหลายๆ ประเทศ อาทิ โคลอมเบีย, เม็กซิโก, แคนนาดา, จีน เป็นต้น อย่างไรก็ตามมีเพียงแค่ “ประเทศจีน” เท่านั้น ที่มีผลบังคับใช้ไปแล้วเมื่อ 4 ก.พ.
ขณะที่ล่าสุด Trump กล่าวว่าจะกำหนดภาษีศุลกากรสำหรับการนำเข้า “รถยนต์ เซมิคอนดักเตอร์ และยา”ราว 25% โดยคาดว่ามีผลเร็วที่สุดในวันที่ 2 เม.ย. 68 ทั้งนี้ หากมาตรการกีดกันภาษีของสหรัฐฯ เริ่มมีผลบังคับใช้ อาจเห็นการ ตอบโต้จากประเทศต่างๆ ละเป็นเหตุปัจจัยให้สงคราการทวีความรุนแรงมากกว่าช่วงปี 2018 ได้
นอกจากนี้ การปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ อาจผลักดันให้เงินเฟ้อเข้าสู่กรอบเป้าหมาได้ช้าลง โดย Bloomberg คาดการณ์แนวโน้มเงินเฟ้อสหรัฐฯ ในปี 2568 จะอยู่ที่ +2.7% และอาจเห็นการเร่งตัวขึ้นไปอยู่ที่ +2.9% ในช่วง 3Q68 ขณะที่ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ของสหรัฐฯ อยู่ที่ 1.5% (ดอกเบี้ย 4.5% - เงินเฟ้อ 3%) ทำให้ตลาดคาดว่า Fed จะลดดอกเบี้ยเพียงแค่ 1 ครั้งในปีนี้ (Dot Plot คาด 2 ครั้ง) และเกิดขึ้นในช่วงการประชุมรอบเดือน ก.ย.
สรุป การปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ อาจผลักดันให้เงินเฟ้อเข้าสู่กรอบเป้าหมาได้ช้าลง โดยตลาดคาดว่า Fed จะลดดอกเบี้ยเพียงแค่ 1 ครั้งในปีนี้ (Dot Plot คาด 2 ครั้ง) และเกิดขึ้นในช่วงการประชุมรอบเดือน ก.ย.
ปัจจัยในประเทศมีอะไร ทำไม Flow ต่างชาติถึงไหลเข้าในช่วงนี้
ปัจจัยในประเทศมีอะไรที่น่าติดตามบ้าง ขอเริ่มจากธปท. พร้อมพิจารณาข้อเสนอทบทวนมาตรการ LTV คาดมี ชัดเจนในช่วง 2Q68 (รายละเอียดเพิ่มเติมในหัวข้อถัดไป) ประเด็นต่อมา คือ นายกฯ เรียกร้องให้ ธปท.พิจารณาลด ดอกเบี้ย ช่วยลดภาระประชาชน หลังหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง พร้อมชูการกระตุ้นเศรษฐกิจส่วนบริโภค(C)และการ ลงทุนเอกชน(I) เพื่อขยายตัวเศรษฐกิจปี 2568 ให้เติบโต 3.5%YoY ดังนั้นด้วยภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่ทยอยดีขึ้น ตามลำดับในปีนี้ จึงทำให้ต่างชาติเริ่มสนใจตลาดหุ้นไทย โดยเดือน ก.พ. ต่างชาติซื้อหุ้นไทย 6 พันล้านบาท (179 ล้าน เหรียญ) แห่งเดียว จากทั้งหมด 7 แห่งในภูมิภาคเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ดอกเบี้ยไทยอาจจะไม่ได้ปรับตัวลงในเร็วๆนี้ ประเมินจากสัญญาณของ Bond Yield 10 ปี ของไทย ที่ ล่าสุดอยู่ระดับ 2.30%(สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบาย) อีกทั้งเมื่อพิจาราณาอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง(ดอกเบี้ย - เงิน เฟ้อ) ของไทยอยู่ที่ 1.02%ซึ่งมีช่องว่างในการปรับลดดอกเบี้ยไม่มากนัก โดยหากเทียบกับประเทศในกลุ่ม TIP อย่าง อินโดนีเซีย/ฟิลิปปินส์อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงอยู่ที่ 4.99% และ 2.85% ซึ่งอยู่ในระดับสูงกว่าไทยมาก
หุ้นไทยแอบฟื้น แบบกระจายตัวมากขึ้น
แม้ในช่วง 3 วันทำการที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวลง 27 จุด มาอยู่ที่ 1257 จุด แต่ถ้าไปดูใส้ใน พบว่า จำนวนหุ้น บวกมากกว่าหุ้นลบ โดยมีหุ้นบวก 480 หุ้น หุ้นลบ 271 หุ้น พร้อมกับ Fund Flow เดือนนี้ ไหลเข้าหุ้นไทยเด่นที่สุดใน ภูมิภาค ทำให้หุ้นหลายตัวใน SET Index ยังมีโอกาสฟื้นต่อได้ และในมุม Valuation P/E25F ของ SET (Ex DELTA, AOT) เหลือเพียง 12.0 เท่าเท่านั้น น่าหาหุ้นซื้อสะสมระยะกลาง-ยาวเช่นกัน
กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ ธีมหุ้น “2L” คือ
LTV : หุ้นเด่นรอความคืบหน้าผ่อนปรน LTV อย่าง อสังหาฯ -> AP, LH, SPALI, SIRI, ธ.พ. -> SCB, TTB, KTB, KBANK, BBL และตกแต่งบ้าน -> HMPRO, ILM, DOHOME, SCGD
LTF : หุ้นใหญ่ปันผลสูง ESG Rating เด่น -> HMPRO, SCC, PTT, PTTEP, TOP, TU, BDMS, IVL, SCGP, CPN, SCB
แบงค์ชาติ รับพิจารณาผ่อน LTV
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผย ธปท. พร้อมพิจารณาข้อเสนอทบทวนมาตรการ LTV หลังสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการหารือกับผู้ประกอบการภาคอสังหาฯ และก่อสร้าง เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกันในภาคอสังหาฯ โดยสิ่งที่ ผู้ประกอบการขอคือ การผ่อนคลาย LTV สำหรับการซื้อบ้านสัญญาที่ 2 และ 3 ทั้งนี้ธปท. เตรียมนำข้อมูลดังกล่าว เพื่อไปนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน (กนส.) ต่อไป คาดมีชัดเจนในช่วง 2Q68 หรือ 1H68
ถือเป็น Sentiment ที่ดีต่อกลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัย เนื่องจากสถานการณ์ตลาดอสังหาฯ ปัจจุบัน เผชิญกับหลาย ปัจจัยกดดัน โดยเฉพาะในเรื่องอัตราดอกเบี้ย และการถูกปฏิเสธสินเชื่อจากแบงค์สูง ดังนั้นหากมีการทบทวน/ผ่อน คลาย หรือปลดล็อก LTV จากธปท. ย่อมมีผลบวกมากขึ้น แม้ LTV ไม่มีข้อจำกัดกับผู้ซื้อบ้านสัญญา 1 (บ้านหลังแรก วงเงินไม่เกิน 10 ล้านบาท คงกู้ได้ 100% และตกแต่งเพิ่มได้อีก 10%) แต่การเกิดขึ้นของ LTV ทำให้ผู้ซื้อบ้านถูกจำกัด การกู้ลงสำหรับบ้านหลังที่ 2-3 กู้ได้เพียง 70-90% กอปรกับการเข้มงวดมากขึ้นของการปล่อยสินเชื่อของแบงค์, ปัญหาเงินเฟ้อ และทิศทางดอกเบี้ยระดับสูงในปีนี้ รวมถึงภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ทำให้ภาพรวมตลาด อสังหาฯ ชะลอตัวลง เมื่อเทียบกับช่วงโควิด-19 โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่อาศัยระดับกลาง-ล่าง และเริ่มลามมายังกลุ่ม กลาง-บน ที่เห็นการแข่งขันระหว่างผู้ประกอบการมากขึ้น เนื่องจากมีผู้เล่นเข้ามาในตลาดเพิ่ม ดังนั้นมองว่าภายใต้ ภาวะเศรษฐกิจไทยและภาคอสังหาฯ ที่ยังต้องการแรงสนับสนุน หากมีการปลดล็อกหรือลดความเข้มงวดของ มาตรการ LTV ย่อมเป็นผลบวกและมีโอกาสกระตุ้นภาคธุรกิจที่อยู่อาศัย ซึ่งถือเป็นธุรกิจที่สร้าง Multiplier Effect ให้กับธุรกิจอื่นในวงจรเศรษฐกิจไทย
คงแนะนำลงทุนเท่าตลาดสำหรับกลุ่มฯ เลือกหุ้นเด่นที่มีพอร์ตสินค้าหลากหลาย กระจายตัว และฐานธุรกิจแข็งแรง พร้อมรับประโยชน์จากมาตรการดังกล่าว และให้เงินปันผลสูง ได้แก่ AP (FV@12.80) คาดปันผลรอบปี 2567 ระดับ 0.55 หรือ 6.8% และ SIRI (FV@B2.22) คาดปันผล 2H67 หุ้นละ 0.08 บาท หรือ 4.9%
Research Division
จัดทำโดย
ภราดร เตียรณปราโมทย์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 075365
ภวัต ภัทราพงศ์
นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
เลขทะเบียนนักวิเคราะห์: 117985
สิริลักษณ์ พันธ์วงค์
ผู้ช่วยนักวิเคราะห์