AT THE OPEN (#ATO)
SET Index พักสร้างฐาน
หุ้นที่ได้ประโยชน์จาก Bond Yield ดีดกลับ

Market Strategy
SET Index คาดพักตามกรอบ 1270-1290 จุด แรงกดดันจากเงินเฟ้อลงช้า FED ลดดอกเบี้ยช้า บวกกับคาดว่าวันนี้คุณทรัมป์เตรียมประกาศรายละเอียดภาษีเท่าเทียมเป็นปัจจัยที่อาจทำให้ Fund Flow สะดุด ส่วนปัจจัยในประเทศมีความหวังบวกจากคลังเตรียมฟื้น LTF สำหรับหุ้นเด่นวันนี้เลือก TLI ที่ได้ประโยชน์จาก Bond Yield Steepening

ปัจจัยต่างประเทศยังคงเป็นตัวที่สร้างแรงกดดัน หลัง วานนี้ เงินเฟ้อทั่วไปสหรัฐฯเดือน ม.ค.ขยายตัว 3%YoY มากกว่าตลาดคาดอยู่ที่ 2.9%YoY และเงินเฟ้อพื้นฐานขยายตัว 3.3%YoY มากกว่าตลาดคาด 3.1%YoY ประกอบกับประธาน FED ที่ได้แถลงต่อสภาคองเกรสที่ส่งสัญญาณไม่เร่งปรับลดดอกเบี้ย ทำให้ตลาดคาดการปรับลดดอกเบี้ยฯของ FED จะล่าช้าออกไป ซึ่งล่าสุด FEDWATCH Tool คาดการปรับลดดอกเบี้ยฯ ปีนี้จะอยู่ที่ 1 ครั้งและการลดครั้งแรกจะเกิดขึ้นในช่วง 3Q68 ถือว่าช้ากว่าเดิมที่คาดจะลดดอกเบี้ยในช่วง 2Q68 การตอบสนองของสินทรัพย์ต่างๆ วานนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ Dow Jones ปรับลง -0.5% S&P500 -0.3% มีเพียง NASDAQ แกว่งทรงตัว ด้าน U.S. Bond Yield 2 และ 10 ปีปรับขึ้นทำจุดสูงสุดของเดือนที่ 4.4% และ 4.6% สภาพแวดล้อมข้างต้น มองเป็นที่สร้างความท้าทายต่อทิศทาง Fund Flow ว่าจะไหลเข้าบ้านเราต่อเนื่องหรือไม่ ส่วนหุ้นที่ได้ประโยชน์จากสถานการณ์มองไปที่กลุ่มธนาคาร (ชอบ KTB TTB KKP) และกลุ่มประกัน (ชอบ TLI) แต่เป็นลบต่อกลุ่มไฟแนนซ์ กลุ่มโรงไฟฟ้า

ประเด็นการฟื้น LTF ที่คลังเผยกำลังพิจารณาโอนหรือจัดตั้งกอง LTF ใหม่มาตั้งเป็นอีกกองทุนใน TESG เรามีมุมมองเป็นบวกต่อแนวคิดดังกล่าวเพราะการปรับลงของตลาดหุ้นบ้านเราปีนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการไถ่ถอน LTF เดิม สะท้อนได้จากตั้งแต่ต้นปีที่มีแรงขายจาก LTF ราว 2.4 หมื่นล้านบาท ขณะที่ NAV ปัจจุบันยังมีอยู่ราว 1.8 แสนล้านบาท หากมาตรการออกมาเร็วและจูงใจนักลงทุน เชื่อว่าเป็นปัจจัยที่ช่วยชะลอแรงขายกองทุนได้เป็นอย่างดี

Market Summary
SET Index ปรับขึ้น 13.48 จุด จากความคาดหวังต่อการฟื้น LTF ที่จะช่วยชะลอแรงขายกดดันตลาด โดยเป็นการบวกกระจายในหลายอุตสาหกรรม หุ้นที่หนุนตลาด นำโดย กลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ DELTA +2% CCET +11% KCE +7% จากรายงานยอดขายเดือน ม.ค. ฟื้นตัว QoQ และ YoY CPAXT +3% จากบริษัทออกมาปฏิเสธการลงทุนในญี่ปุ่น ส่วนกลุ่มค้าปลีกอื่นๆฟื้นได้ดี CPALL +1.5% CRC +3% HMPRO +4.3% สำหรับกลุ่มที่ปรับลงกลุ่มธนาคารหลังจากแกร่งมาตั้งแต่ต้นปี และ SCGP -2.6% โดยแรงซื้อมาจากนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเพียงกลุ่มเดียว 1 พันล้านบาท

DAILY Stock Pick

TLI
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 13.50 บาท
การรายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ขยายตัวมากกว่าคาด หนุน U.S. Bond Yield สหรัฐฯ เร่งตัวทำจุดสูงสุดของเดือน ก.พ. จากคาดการณ์ลดดอกเบี้ยที่อาจช้าลง สถานการณ์ข้างต้นหนุน U.S. Bond Yield ปรับขึ้นทุกช่วง โดย Bond Yield 10 ปีเพิ่มขึ้น 8 bps ด้าน U.S. Bond Yield 2 ปีปรับขึ้นราว 6 bps ซึ่งน่าจะทำให้ความคาดหวังต่อการลดดอกเบี้ยฯ ของ กนง. ในการประชุมเดือน ก.พ.จะลดลง โดยเราคาดว่าจะคงดอกเบี้ยที่ 2.25%
TLI ได้ประโยชน์จากภาวะ Yield Curve Steepening ( ดังกล่าวเนื่องจากระยะเวลาหนี้สินยาวกว่าสินทรัพย์ ทำให้มูลค่าหนี้สินลดลงเร็วกว่าสินทรัพย์เมื่ออัตราผลตอบแทนเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงไปสู่มาตรฐานการบัญชี IFRS17 คาดว่าจะส่งผลดีต่อกำไรของ TLI โดยสะท้อนถึงความสามารถในการทำกำไรของผลิตภัณฑ์ที่เพิ่งขายไปได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น

KEY FACTOR
แถลงการณ์ประธาน Fed ต่อคณะกรรมาธิการธนาคารประจำวุฒิสภา สอดคล้องกับการส่งสัญญาณหลังการประชุม เมื่อ 29 ม.ค. ที่ผ่านมา ย้ำยังไม่รีบปรับลดดอกเบี้ยนโยบาย โดยให้น้ำหนักการแก้ปัญหาเงินเฟ้อ ในขณะที่ภาคเศรษฐกิจจริงและแรงงานยังคงแข็งแกร่ง
เงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือน ม.ค. 1) ดัชนี CPI +3.0%YoY และ +0.5%MoM สูงกว่าที่ Consensus คาด +2.9%YoY และ +0.3%MoM 2) ดัชนี Core CPI พลิกกลับมาเร่งตัว +3.3% YoY และ +0.4%MoM Consensus คาด +3.1%YoY และ +0.3%MoM แรงกดดันหลักมาจากเงินเฟ้อภาคบริการที่กลับมาเร่งตัว +0.5%MoM (หมวดที่อยู่อาศัย +0.4%, หมวดบริการขนส่ง +1.8%)

EYES ON
[ในสัปดาห์] การรายงานงบฯ 4Q67, นโยบายของทรัมป์
12 ก.พ. ดัชนี CPI สหรัฐฯ,
13 ก.พ. ดัชนี PPI สหรัฐฯ
14 ก.พ. ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ, GDP 4Q67 Eurozone

นักกลยุทธ์ : ธีรเศรษฐ์ พรหมพงษ์, ชาญชัย พันทาธนากิจ