Equality for All
OR : บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก
4Q24 กำไร 2,999 ลบ. ฟื้น q-q และ แรง y-y จากฐานกำไรที่ต่ำปีก่อน :
กลุ่ม Mobility (สถานีบริการ) ปริมาณขายน้ำมันอยู่ที่ 7,075 ล้านลิตร +9% q-q โดยกลุ่มค้าปลีกและตลาดพาณิชย์โตในทิศทางเดียวกัน ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยต่อลิตรเพิ่มขึ้นเป็น 0.83 บาท/ลิตร จาก 3Q24 ที่ 0.51 บาท/ลิตร โดยมีขาดทุนสต็อกเพียง -50 ลบ.
กลุ่ม Lifestyle (อาหาร และเครื่องดื่ม) ปริมาณขายกาแฟเพิ่มเป็น 103 ล้านแก้วจาก 98 ล้านแก้วใน 3Q24 ตามปัจจัยฤดูกาล ขณะที่ EBITDA margin เพิ่มเป็น 25.5% จาก 20.2% ใน 3Q24 เนื่องจากไตรมาสก่อนมีค่าใช้จ่ายพิเศษในการปิดร้านไก่ทอดเท็กซัส
กลุ่มต่างประเทศ ปริมาณขายน้ำมันทรงตัว q-q ที่ 516 ล้านลิตร โดยลาว +21% กัมพูชา +13% ตามปัจจัยฤดูกาล แต่ฟิลิปปินส์ -10% ส่วนยอดขายกาแฟดีขึ้น +6% q-q ที่ 7.7 ล้านแก้วตามฤดูกาลเช่นกัน
ค่าใช้จ่ายขายและบริหาร -16% y-y -3% q-q จากการควบคุมค่าใช้จ่ายเข้มงวดขึ้น และการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากบ. ร่วมเพิ่มขึ้นเป็น 311 ลบ. จากโอนกลับการตั้งด้อยค่าเกินเงินลงทุนในพม่า +86 ลบ. แต่มีตั้งด้อยค่าบ. KNEX (ธุรกิจซักผ้า Otteri) -343 ลบ. และมีมูลค่าเงินลงทุนเหลือ 800 ลบ.
ยังจืดชืด
“แม้การดำเนินงานกลับมาฟื้นตัวตามปัจจัยฤดูกาล และการควบคุมค่าใช้จ่ายที่เข้มงวดขึ้น แต่หากคู่แข่งที่เร่งตัวขึ้นทั้งกลุ่มสถานีบริการ และการขยายร้านกาแฟอย่างต่อเนื่องทำให้บริษัทเสียส่วนแบ่งตลาดไปพอสมควร อีกทั้งต้องรอว่าราคาเมล็ดกาแฟที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังปี 2025 มากเพียงใด เนื่องจากเมล็ดกาแฟคิดเป็นต้นทุน 40% ของกาแฟ
ยังไม่มีปัจจัยเร่งต่อการดำเนินงาน แต่คงต้องรอดูว่า OR จะมีกลยุทธ์อย่างไรเพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดให้กลับมาอีกครั้งเป้าจะโต 2-3% โดยล่าสุดส่วนแบ่งตลาดขยับขึ้นเป็น 35.8% รวมถึงการหาร้านอาหารใหม่มาแทนไก่ทอดเท็กซัส ”
นารี อภิเศวตกานต์
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน #17971
naree.a@liberator.co.th