---คาดกำไรสุทธิปี 25 จะทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง---

กำไรสุทธิ 4Q24 เป็นไปตามคาด โดยเติบโตแข็งแกร่ง +15.9% y/y +5.4% q/q เป็น 1.04 พันล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิปี 24 อยู่ที่ 4.2 พันล้านบาทสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยขยายตัว +11.6% y/y จากรายได้เพิ่มขึ้น ทั้งจากปล่อยสินเชื่อและขายประกัน แม้ค่าใช้จ่ายดำเนินงานและ Credit cost จะสูงขึ้นก็ตาม

สำหรับปัจจัยหนุนการเติบโต y/y ใน 4Q24 คือ รายได้ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น (จากการขยายตัวของสินเชื่อและ NIM) รายได้ค่าธรรมเนียมสูงขึ้น (จากการเติบโตของยอดขายเบี้ยประกัน) และ Credit cost ลดลง ส่วนการเพิ่ม q/q มาจากรายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มขึ้นและ Credit cost ลดลง

สินเชื่อ 4Q24 ขยายตัว +6.6% y/y และ +1.2% q/q สู่ระดับ 103.9 พันล้านบาท ณ สิ้นปี 24 การเติบโตของสินเชื่อที่ชะลอตัวสอดคล้องกับกลยุทธ์ระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อของบริษัท ทั้งนี้ สินเชื่อจำนำทะเบียนรถเพิ่มขึ้น +8.9% y/y และ +1.9% q/q ขณะที่สินเชื่อเช่าซื้อ (HP) ลดลง -12.5% y/y และ -5.6% q/q

NPL ratio ลดลงเป็น 1.81% ณ สิ้น 4Q24 (เทียบกับ 1.88% ณ 3Q24) ขณะที่ Credit cost ลดเป็น 2.72% ใน 4Q24 (เทียบกับ 3.91% ใน 3Q24) ซึ่งเป็นผลมาจากคุณภาพสินเชื่อที่ดีขึ้นและการตัดหนี้สูญที่ลดลง ด้าน Coverage Ratio เพิ่มเป็น 243% ณ สิ้นปี 24 (เทียบกับ 231% ณ สิ้น 3Q24) ขณะที่ Credit cost ปี 24 เพิ่มเป็น 3.40% (เทียบกับ 3.34% ในปี 23)

การปรับโครงสร้างองค์กรเป็นบริษัท Holdings คาดว่าจะแล้วเสร็จใน 1H25 ซึ่งจะช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการพัฒนากลยุทธ์ธุรกิจ การบริหารจัดการ และการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกัน โดยจะให้ผู้ถือหุ้นแลกจากหุ้น TIDLOR เป็น TIDLOR Holdings ในสัดส่วน 1 : 1 และเมื่อแล้วเสร็จบริษัท Holdings จะจดทะเบียนอยู่ในตลาดฯ ขณะที่ TIDLOR จะออกจากตลาดฯ

คาดกำไรสุทธิปี 25F จะเติบโต +15.3% y/y ทำสถิติสูงสุดใหม่ จากสินเชื่อที่ขยายตัวต่อ และรายได้ขายประกันเติบโตดี รวมทั้งการลงทุนภาครัฐที่เพิ่มขึ้นในปี 25 จะช่วยให้ความต้องการใช้สินเชื่อรถบรรทุกเพิ่มขึ้น หลังจากชะลอตัวใน 2-3 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้บริษัทเป็นผู้นำในตลาดสินเชื่อจำนำทะเบียนรถบรรทุก และปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อเฉพาะรถบรรทุกมือสองเท่านั้น

คงคำแนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 21 บาท อิงกับ P/BV ปีนี้ที่ 1.8 เท่า (Mean-1SD)

นักวิเคราะห์ : ธนินี สถิรเรืองชัย : thaninees@dbs.com : Tel. 02 857 7837