สำนักข่าวหุ้นอินไซด์(10 กุมภาพันธ์ 2568)------การ์ทเนอร์เผยรายได้อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกในปี 2567 มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 626 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 18.1% จากปี 2566 พร้อมคาดการณ์ว่าในปีนี้จะมีมูลค่าเพิ่มเป็น 705 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
 
จอร์จ บร็อคเคิลเฮิร์ส รองประธานฝ่ายวิจัยการ์ทเนอร์ กล่าวว่า "ชิป GPUs และโปรเซสเซอร์ AI ที่ใช้ในแอปพลิเคชันของดาตาเซ็นเตอร์ (สำหรับ Servers และ Accelerator Cards) เป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในปีที่ผ่านมา โดยความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับงาน AI และ generative AI ทำให้ดาตาเซ็นเตอร์กลายเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับสอง รองจากสมาร์ทโฟน ทำให้ในปี 2567 รายได้เซมิคอนดักเตอร์ในกลุ่มดาตาเซ็นเตอร์มีมูลค่ารวมที่ 112 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจาก 64.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2566"
 
ผลการดำเนินงานด้านบวกของตลาดโดยรวมส่งผลต่อการจัดอันดับผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์หลายราย โดยมีผู้ผลิต 11 รายที่เติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก และมีเพียง 8 ราย จาก 25 อันดับแรกที่มีรายได้ลดลงในปีที่ผ่านมา
 
Samsung Electronics กลับมาครองอันดับหนึ่ง
ในปี 2567 การ์ทเนอร์พบว่าผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ 9 จาก 10 อันดับแรกนั้นมีรายได้เติบโตเป็นบวก และการจัดอันดับ Top 10 มีการเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา (ดูตารางที่ 1)
 
- Samsung Electronics กลับมาครองอันดับ 1 แทน Intel และเพิ่มช่องว่างระหว่างกันมากขึ้นในปี 2567 โดยบริษัทฯ ได้แรงหนุนมาจากการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของราคาอุปกรณ์หน่วยความจำหรือ Memory Devices ส่งผลให้มีรายได้รวมที่ 66.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
 
- Intel เลื่อนมาอยู่อันดับ 2 เนื่องจากผลิตภัณฑ์ของบริษัทในกลุ่ม AI PCs และ Core Ultra Chipset ไม่เพียงพอที่จะชดเชยความสำเร็จของผลิตภัณฑ์ AI accelerator รวมถึงการเติบโตในธุรกิจ x86 ที่ยังมีไม่มากนัก ส่งผลให้รายได้เซมิคอนดักเตอร์ของ Intel เติบโตเล็กน้อยเพียง 0.1% ในปี 2567
 
- NVIDIA ยังคงมีผลการดำเนินงานโดดเด่น บริษัทฯ มีรายได้เซมิคอนดักเตอร์เพิ่มขึ้น 84% ในปี 2567 คิดเป็นมูลค่ารวม 46 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 3 ด้วยความแข็งแกร่งของธุรกิจ AI
 
 
ตารางที่ 1. 10 อันดับรายได้ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก ปี 2567 (หน่วย: ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)
| 
 2024 Rank 
 | 
 2023 Rank 
 | 
 Vendor 
 | 
 2024 Revenue 
 | 
 2024 Market Share (%) 
 | 
 2023 Revenue 
 | 
 2024-2023 Growth (%) 
 | 
| 
 1 
 | 
 2 
 | 
 Samsung Electronics 
 | 
 66,524 
 | 
 10.6 
 | 
 40,942 
 | 
 62.5 
 | 
| 
 2 
 | 
 1 
 | 
 Intel 
 | 
 49,189 
 | 
 7.9 
 | 
 49,117 
 | 
 0.1 
 | 
| 
 3 
 | 
 5 
 | 
 NVIDIA 
 | 
 45,988 
 | 
 7.3 
 | 
 25,053 
 | 
 83.6 
 | 
| 
 4 
 | 
 6 
 | 
 SK hynix 
 | 
 42,824 
 | 
 6.8 
 | 
 23,027 
 | 
 86.0 
 | 
| 
 5 
 | 
 3 
 | 
 Qualcomm 
 | 
 32,358 
 | 
 5.2 
 | 
 29,225 
 | 
 10.7 
 | 
| 
 6 
 | 
 12 
 | 
 Micron Technology 
 | 
 27,843 
 | 
 4.4 
 | 
 16,123 
 | 
 72.7 
 | 
| 
 7 
 | 
 4 
 | 
 Broadcom 
 | 
 27,641 
 | 
 4.4 
 | 
 25,613 
 | 
 7.9 
 | 
| 
 8 
 | 
 7 
 | 
 AMD 
 | 
 23,948 
 | 
 3.8 
 | 
 22,307 
 | 
 7.4 
 | 
| 
 9 
 | 
 8 
 | 
 Apple 
 | 
 18,880 
 | 
 3.0 
 | 
 18,052 
 | 
 4.6 
 | 
| 
 10 
 | 
 9 
 | 
 Infineon Technologies 
 | 
 16,001 
 | 
 2.6 
 | 
 17,022 
 | 
 -6.0 
 | 
| 
   
 | 
   
 | 
 Others (outside top 10) 
 | 
 274,775 
 | 
 43.9 
 | 
 263,483 
 | 
 4.3 
 | 
| 
   
 | 
   
 | 
 Total Market 
 | 
 625,971 
 | 
 100.0 
 | 
 529,964 
 | 
 18.1 
 | 
ที่มา: การ์ทเนอร์ (กุมภาพันธ์ 2568)
 
ในปี 2568 ชิป HBM จะมีสัดส่วนเป็น 19.2% ของรายได้จากชิปกลุ่ม DRAM โดยเพิ่มจาก 13.6% ในปีที่แล้ว
รายได้จากหน่วยความจำ (Memory) เติบโต 71.8% ในปี 2567 หรือคิดเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น 25.2% ของยอดขายเซมิคอนดักเตอร์ทั้งหมด ขณะที่รายได้ชิป DRAM เพิ่มขึ้น 75.4% ส่วนรายได้หน่วยความจำประเภท NAND เพิ่มขึ้น 75.7% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยการผลิตหน่วยความจำแบนด์วิดท์สูงหรือ High-Bandwidth Memory (HBM) มีส่วนสำคัญต่อรายได้ของผู้ผลิตชิป DRAM โดยรายได้ชิป HBM มีสัดส่วน 13.6% ของรายได้ชิป DRAM ทั้งหมดในปี 2567
 
รายได้ Nonmemory เพิ่มขึ้น 6.9% ในปี 2567 คิดเป็นสัดส่วน 74.8% ของรายได้เซมิคอนดักเตอร์ทั้งหมดในปี 2567
"Memory และ AI semiconductors จะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตในระยะสั้น โดยการ์ทเนอร์คาดการณ์ว่าตลาดชิป HBM จะมีสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 19.2% ของชิป DRAM ในปี 2568 และคาดว่ารายได้ชิป HBM จะเพิ่มขึ้น 66.3% ในปี 2568 มีมูลค่าแตะ 19.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ" บร็อคเคิลเฮิร์ส กล่าวเพิ่มเติม