Today’s NEWS FEED

News Feed

บล.กรุงศรี : KSS Daily Strategy

406

 

 

"Domestic Play"

 

KSS Daily Strategy: คาด SET วันนี้ "Sideways/Up" ต้าน 1315/1323 จุด รับ 1295/1288 จุด ดัชนี S&P500 ฟื้น +0.72% บรรยากาศสงครามการค้าออกในแนวเชิงสัญลักษณ์ ระดับผลกระทบนโยบายระลอกแรก โดยเฉพาะจีนที่มีการตอบโต้ปรับเพิ่มภาษีนำเข้าจากสหรัฐในส่วนน้ำมัน ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติและรถแทรกเตอร์ คิดเป็นมูลค่า 1.39 หมื่นล้านดอลลาร์ คิดเป็นเพียง 8% ของยอดนำเข้าจากสหรัฐของจีน แม้เราคงมุมมองการใช้นโยบายจะอยู่ในลักษณะดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เราประเมินบรรยากาศลงทุนโดยเฉพาะหุ้นอิงภายนอกยังมีโอกาสผันผวนไปตามจิตวิทยาลบสงครามการค้าสหรัฐและคู่กรณีต่างๆ กลยุทธ์หลัก เน้นหุ้นอิงภายใน ซึ่งปัจจัยหนุนเข้ามาต่อเนื่อง วานนี้ ครม. อนุมัติ Mega Project ใหญ่ รถไฟความเร็วสูงไทย - จีน เฟส 2 มูลค่า 3.4 แสนล้านบาท, เดินหน้าออกกฎหมายรองรับ Financial Hub ขณะที่นักท่องเที่ยว แม้เป็นช่วงท้ายตรุษจีน 1-2 ก.พ. ยังสูงเฉลี่ยวันละ 1.29 แสนคน ยังมีโมเมนตัมบวกที่อยู่ในระดับใกล้เคียง Pre-Covid กอปรกับ วันนี้ติดตามรายงานเงินเฟ้อ หากขยับขึ้นตามตลาดประเมิน ถือเป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสะท้อนภาพบวกภายใน ประเมิน SET วันนี้แกว่งขึ้น หุ้นนำ คือ หุ้น Domestic ธนาคาร ท่องเที่ยว นิคม สื่อสาร รับเหมา วันนี้แนะนำ KBANK, KTB, ERW เด่น

 

Daily outlook: "Sideways/Up" ต้าน 1315/1323 จุด รับ 1295/1288 จุด

What happened around the world?

(*/+) US Stock Markets: ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัวได้ ดัชนี S&P500 +0.72% ดัชนี Dow Jones +0.3% ส่วนดัชนี NASDAQ เด่น 1.35% หนุนจากภาพสงครามการค้าที่แม้จะมีการตอบโต้จากจีน แต่อยู่ในระดับที่จำกัด ขณะที่สถานการณ์เม็กซิโก แคนาดา ก็เลื่อนออกไปอีก 1 เดือน หุ้นเด่นอยู่ในกลุ่มพลังงาน กลุ่มสื่อสาร และกลุ่มเทคโนโลยี โดยกลุ่มเทคโนโลยี หุ้น Palantinr บริษัท Software ที่มีความโดดเด่นในการทำงานกับหน่วยงานป้องกันประเทศรายงานกำไรดีกว่าคาด จากอานิสงส์ทางบวกเทคโนโลยี AI หนุนหุ้นปิดบวก +24% ทั้งนี้ หลังตลาดปิด Alphabet (Google) ราคาหุ้น After Hours ดิ่ง -9% รายงานกำไรต่ำกว่าคาด จากรายได้ต่ำคาด ต้นทุนลงทุน AI สูง

(*/-) Trade war (US Vs China): ทางออกยังมี – จีนประกาศขึ้นภาษีนำเข้าถ่านหินและก๊าซธรรมชาติจากสหรัฐในอัตรา 15%, น้ำมันและรถแทรกเตอร์ 10% เริ่มมีผลตั้งแต่ 10 ก.พ. เป็นต้นไป พร้อมกันนี้จีนสั่งให้มีการสอบสวน Google เพื่อตอบโต้ที่สหรัฐสั่งขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีน 10% เราไม่ได้กังวลกับประเด็นนี้เพราะมองเป็นเพียงการตอบโต้ในเชิงสัญลักษณ์เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองในอนาคตเท่านั้น เนื่องจากมาตรการตอบโต้ครั้งนี้มีมูลค่าเพียง 13,900 ล้านดอลลาร์ (น้ำมัน, รถแทรกเตอร์, อุปกรณ์การเกษตร 9,500 ล้านดอลลาร์ และ ถ่านหิน, ก๊าซฯ 4,400 ล้านดอลลาร) คิดเป็น 8% ของมูลค่านำเข้าทั้งหมดจากสหรัฐในปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกับคำสั่งสอบสวน Google เรามองผลกระทบจำกัดเนื่องจาก Google ถูกสั่งห้ามดำเนินธุรกิจในจีนนับตั้งแต่ปี 2010 การตอบสนองของตลาดหุ้นฮ่องกงน่าจะสอดคล้องกับสิ่งที่เราประเมิน โดยวานนี้ดัชนี ฮั่งเส็งปรับลงทันทีที่มีข่าวจีนเรียกเก็บภาษีจากสหรัฐแต่จากนั้นดัชนีฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่องจนปิดตลาดเพิ่มขึ้นได้ราว 2.8%

(*/-) US Econ: การเปิดรับสมัครงานลดลง - กระทรวงแรงงานสหรัฐเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือน ธ.ค.มีตัวเลขการเปิดรับสมัครงานเพิ่มขึ้น 7.6 ล้านต่ำแหน่ง แต่ต่ำกว่าที่ Consensus คาดไว้ที่ 8 ล้านตำแหน่งและต่ำกว่าเดือน พ.ย. ที่ 8.156 ล้านตำแหน่ง นับเป็นการเปิดรับสมัครงานใหม่ต่ำสุดในรอบ 3 เดือน บ่งชี้ความแข็งแกร่งในตลาดแรงงานของสหรัฐเริ่มชะลอลง เปิดทางเฟดปรับลดดอกเบี้ย อย่างไรก็ตามเราคาดว่าตลาดจะให้ความสำคัญและโฟกัสที่ตัวเลข Nonfarm payrolls และ อัตราว่างงานเดือน ม.ค. ที่สหรัฐจะประกาศในช่วงเย็นวันศุกร์นี้มากกว่า

(*/-) Tech war: ขยายวง – ออสเตรเลียแบน DeepSeek สั่งห้ามใช้บริการ DeepSeek AI ในระบบและอุปกรณ์ของรัฐบาลทั้งหมด ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ อย่างไรก็ตามรัฐบาลไม่ได้ปิดกั้นการใช้แอปดังกล่าวในอุปกรณ์ของประชาชน ข่าวนี้อาจจุดชนวนให้กระแสกีดกันการค้าระหว่างจีนกับออสเตรเลียปะทุขึ้นอีกครั้งซ้ำร้อยเหตุการณ์เมื่อปี 2018 ซึ่งออสเตรเลียสั่งห้าม Huawei ติดตั้งระบบ 5G กดดันให้จีนใช้มาตรการคว่ำบาตรสินค้าส่งออกของออสเตรเลียเพื่อเป็นการตอบโต้

(*) US Bond Yields & Dollar : Bond yield สหรัฐ แกว่งตัว อายุ 2 ปีขยับขึ้น +5 bps อยู่ที่ 4.26% และอายุ 10 ปี -2 bps ปิดที่ 4.54% (หากอิงสถิติ US Bond yields 10 ปี และ Thai Bond yield 10 ปี มีค่าสหสัมพันธ์สูงราว 0.6 หรือไปทางเดียวกัน) ส่วน Dollar Index แกว่งตัว 107.8 จุด

(*/-)Oil : ราคาน้ำมันดิบในแนวโน้มขาลง น้ำมันดิบ Brent +0.29%d-d ปิดที่ USD 76.18/barrel น้ำมันดิบ West Texas -0.63%d-d ปิดที่ USD 72.7/barrel

(*) To monitors: วันนี้ ฝั่งจีน PMI ภาคบริการ ม.ค. (Caixin) คาด 52.3 Vs Prev. 52.2, ฝั่งสหรัฐ PMI ภาคบริการ (ISM) คาด 54.3 Vs prev. 54.1, ตัวเลขจ้างงาน (ADP) ม.ค. คาด 1.53 แสนราย Vs prev. 1.22 แสนราย, 7 ก.พ. ตัวเลขรจ้างงานนอกภาคเกษตร ม.ค. คาด 1.5 แสนราย Vs prev. 2.56 แสนราย และอัตราการว่างงาน คาด 4.1% เท่ากับเดือน ธ.ค., ฝั่งยุโรป: 6 ก.พ. BoE Meeting คาดลดดอกเบี้ย 0.25% จาก 4.75 เป็น 4.5%

 

What happened in Thailand?

(-) SET Index : SET Index วันทำการล่าสุด ผันผวน หลังระหว่างวันจีนประกาศมาตรการภาษีตอบโต้สหรัฐฯ ทำให้ปิด -3.37 จุด ปิดที่ 1301.02 จุด กลุ่มถ่วง คือ กลุ่มชิ้นส่วน (DELTA) ตลาดกังวลผลกระทบสงครามการค้าที่สหรัฐ – จีน ขยายวงกระทบความต้องการสินค้าเทคโนโลยี กลุ่มพลังงาน (PTTEP, PTT) ราคาน้ำมัน ก๊าซชะลอลงตัวตามความเสี่ยงเศรษฐกิจ จากสงครามการค้า กลุ่มหนุน คือ กลุ่มธนาคาร (KBANK) มองตอบรับภาพบวกงานประชุมนักวิเคราะห์ที่ส่งสัญญาณบวก ค่าใช้จ่ายสำรองจะลดลง และการปรับเพิ่มอัตราจ่ายเงินปันผล กลุ่มขนส่ง (AOT, BTS) ตอบรับสัญญาณท่องเที่ยวเร่ง + BTS คาดหวังภาพ Turnaround+โครงการต่อยอด

(*/+) Flows: เงินทุนต่างชาติวันทำการล่าสุด เงินไหลออก ซื้อหุ้น +20.2ล้านเหรียญฯ ขายพันธบัตร -78.5 ล้านเหรียญฯ TFEX Net Long 16,461 สัญญา เงินบาทแข็งค่าสู่บริเวณ 33.7+/- บาท

(+) TH Tourism: โมเมนตัมท่องเที่ยวยังเป็นบวก ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติ 29 ม.ค. – 2 ก.พ. อยู่ที่ 9.46 แสนคน +7.53%w-w ขณะที่จุดบวกสำคัญ คือ หากนับเฉพาะยอด 2 วันแรก ก..พ. นักท่องเที่ยวสูง 2.59 แสนคน เฉลี่ยวันละ 1.29 แสนคน เป็นโมเมนตัมที่สูงกว่า Pre-COVID ต่อเนื่อง vs ก.พ. 19 เฉลี่ยวันละ 1.28 แสนคน และ ก.พ. 24 ที่เฉลี่ยวันละ 1.16 แสนคน หรือเติบโต +11.8%y-y ประเมินบวกต่อหุ้นท่องเที่ยวที่ตลาดมีโอกาสปรับมุมมองบวกขึ้น เน้น MINT ERW AAV BA

(*/+) Cabinet: ผลประชุม ครม. วานนี้ มีมติสำคัญ ดังนี้

1.) อนุมัติให้ดำเนินการโครงการรถไฟความเร็วสูง ระยะที่ 2 เส้นทาง นครราชสีมา - หนองคาย มูลค่า 3.4 แสนล้านบาท ระยะเวลา 8 ปี ตั้งแต่ปี 2025-32 เป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นธนาคาร หุ้นรับเหมา สอดคล้องกับมุมมองของเรา ซึ่งคาดว่าจะเห็นการเร่งลงทุนภาครัฐฯมากขึ้น เพื่อเป็นฟันเฟืองขับเคลื่อน GDP ในปี 2025F ร่วมกับ การลงทุนภาคเอกชน และน่าจะเห็นภาพฟื้นตัวพร้อมครั้งแรกนับจากปี 2021

นอกจากนี้ จุดสำคัญ คือ ความต่อเนื่องของการผลักดันโครงการ โดยเป็นการอนุมัติ Mega Project โครงสร้างพื้นฐานต่อเนื่องเป็นโครงการที่ 3 ต่อจาก i.) โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 5 สายทางยกระดับอุตราภิมุข ช่วงรังสิต-บางปะอิน ของกรมทางหลวง หรือ M5 มูลค่า 3.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งอนุมัติรอบประชุม ครม. นัดสุดท้ายของปี 2024 ii.) โครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ระยะทาง 8.84 กม. วงเงินลงทุน 6.47 พันล้านบาท เชิงกลยุทธ์ กลุ่มธนาคาร เน้น KTB, KBANK, SCB กลุ่มรับเหมา ระยะสั้นเก็งกำไร CK, STECON

2.) อนุมัติ ร่าง พ.ร.บ.ศูนย์กลางการเงิน เตรียมเสนอกฤษฎีกา ก่อนเข้าสภาฯ เปิดทาง 8 ธุรกิจนิติบุคคลต่างประเทศลงทุน ตั้งบริษัทในไทย ประเมินบวกต่อภาพความครบวงจรในการดึงเม็ดเงินลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ (FDI) และระยะถัดไปในส่วนกิจกรรมทางการเงิน กิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศเร่งขึ้นหนุนหุ้นนิคม WHA, AMATA และธนาคาร KTB, KBANK, SCB

(*/+) TH Inflation: วันนี้ (5 ก.พ.) เงินเฟ้อ CPI ม.ค. 25 เงินเฟ้อทั่วไป ตลาดคาด 1.3%y-y, +0.1%m-m vs prev. +1.2%y-y, -0.18%m-m เงินเฟ้อพื้นฐาน ตลาดคาด +0.82%y-y, vs prev. +0.79%y-y เราประเมินมีโอกาสใกล้เคียงกับที่ตลาดคาด อิงราคาน้ำมันเฉลี่ย ม.ค. 25 ค่อนข้างนิ่งบริเวณ 75 +/- เหรียญฯ ใกล้เดือนก่อนและช่วงเดียวกันปีก่อน เงินเฟ้อที่บวกขึ้นน่าจะเป็นสัญญาณเศรษฐกิจไทยที่ค่อยๆฟื้นตัว โดยรวมจะเป็นภาพชี้นำความเชื่อมั่นการฟื้นตัวเศรษฐกิจ หนุนหุ้น Domestic ขณะเดียวกัน ระดับเงินเฟ้อที่ยังต่ำกว่าดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.25% ยังหนุน Real Yield หนุน BOT ยังมีช่องว่างสำหรับการลดดอกเบี้ยได้ในกรณีจำเป็น โดยรวมเป็นภาพทางบวกต่อตลาดหุ้น

(*) To monitor: สัปดาห์นี้ปัจจัยภายในติดตาม

1.) 5 ก.พ. เงินเฟ้อ CPI ม.ค. 25 เงินเฟ้อทั่วไป ไม่มีคาด vs prev. +1.2%y-y, +0.18%m-m เงินเฟ้อพื้นฐาน ไม่มีคาด vs prev. +0.79%y-y

2.) 7-13 ก.พ. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ม.ค. 25 ไม่มีคาด vs prev. 57.9 จุด

3.) เข้าสู่ช่วงรายงานกำไรกลุ่ม Real Sector งวด 4Q24 ทั้งนี้ หุ้นหลักๆ ที่จะรายงานกำไร ได้แก่ ADVANC, THCOM, OKJ

 

Daily Strategy : KTB, KBANK, ERW

ระยะสั้น วันนี้มองตลาดหุ้นไทยวันนี้ "Sideways/Up" หุ้นอิงภายนอกวานนี้ช่วงบ่ายซึมลงตอบรับสถานการณ์สงครามการค้าที่จีนตอบโต้สหรัฐฯ แต่ระดับการตอบโต้ที่ออกไปในเชิงสัญลักษณ์ ทำให้ความผันผวนหุ้นมีโอกาสนิ่งขึ้น และรอติดตามพัฒนาการนโยบายดังกล่าวสหรัฐฯ กับคู่กรณีอื่นๆต่อ ขณะที่หุ้นอิงภายใน (Domestic) ช่วงนี้น่าจะเด่นขึ้น จากแรงหนุนรอบด้าน 1.) นักท่องเที่ยวแม้อยู่ในช่วงปลายตรุษจีนแล้ว ยังมีโมเมนตัมที่สูงระดับ Pre-COVID ในช่วงวันที่ 1-2 ก.พ. 2.) ครม. เร่งอนุมัติโครงการ Mega Project วานนี้เห็นชอบโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย - จีน เฟส 2 มูลค่ามหาศาล 3.4 แสนล้านบาท และ 3.) การผลักดันร่างกฎหมาย พ.ร.บ. ศูนย์กลางการเงิน น่าจะเพิ่มช่วยเพิ่มเม็ดเงินลงทุน+กิจกรรมทางเศรษฐกิจระยะยาว ประเมินหุ้นนำวันนี้ กลุ่มที่มีแรงหนุนกระแสภายใน ธนาคาร ท่องเที่ยว นิคม สื่อสาร รับเหมา

 

หุ้นในธีมประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่การเป็นหนึ่งในศูนย์กลาง Infrastructure Technology ของภูมิภาค (WHA, GULF, GPSC, STPI, DELTA ADVANC, TRUE, INSET, BE8, BBIK)
หุ้นในธีม Trump 2.0 (AMATA, WHA, PTT, PTTEP, CPF, SCB, KBANK, KTB, BJC, HMPRO, ADVANC, GULF, GPSC)
หุ้นภาคบริการได้ประโยชน์มาตรกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มไวขึ้นของรัฐบาลใหม่ ผสาน ท่องเที่ยว การผลักดัน Entertainment Complex คาดเป็นนโยบายหลัก หนุน บริโภค ท่องเที่ยว โรงแรม ร.พ. (AOT, BTS, VGI, BJC, STECON, ERW, BA, MBK)
กลุ่มได้ประโยชน์จีนกระตุ้นเศรษฐกิจ (IVL, AOT, AU, PTTGC, SCC, CPALL, BJC)
กลุ่มได้ประโยชน์ที่วงจรดอกเบี้ยพลิกเป็นขาลงต่อในปี 2025 (GULF, BA, AAV, MTC, AEONTS, TRUE, CPALL, BJC)
กลุ่มที่คาดรายงานกำไร 4Q24F ออกมาดี ขยายตัว y-y q-q (ADVANC, AMATA, BTS, ERW, CRC, HMPRO , TRUE, OKJ)
กลุ่มที่คาดมีโอกาสซื้อหุ้นคืน (PTT , SCB , KBANK , KTB , BBL , PTTGC , TOP BCP)

• FEB25 Best Picks: ADVANC, AMATA, BA, BTS, ERW, KBANK, TTB

• 2025F Stock Picks : ADVANC, AWC, BJC, BTS, CPALL, HMPRO, IVL, KBANK, KTB, TRUE Mid-Small Cap Play : INSET, JMT, MALEE, MOSHI

 

 

Tactical & Investment Idea

 

Research Highlight

 

Strategy Update : โอกาสลงทุนจากกระแสหุ้นทุนซื้อคืน (Treasury Stocks)

· กระแสการซื้อหุ้นคืนรายบริษัท (Treasury Stocks) ของตลาดหุ้นไทย นับจากนี้มีแนวโน้มคึกคักขึ้น โดยเฉพาะฝั่งหุ้น Big-Mid Cap หลัง TTB นำร่องประกาศซื้อคืน 3 ปีปีละ 7.0 พันล้านบาท กรอบวงเงินรวม 2.1 หมื่นล้านบาท ผสาน SET Index ระดับดัชนีปัจจุบันอยู่ในโซนลงทุนดึงดูดเม็ดเงินลงทุนระยะกลาง-ยาว

· ทีมกลยุทธ์ ประเมินจากข้อเสนอแนะอดีตนายกฯ ในงานสัมมนาล่าสุด 1 ในแนวทางที่ช่วยเรียกคืนความเชื่อมั่นตลาดคือการซื้อหุ้นคืน(Treasury Stock) KSS ทำการคัดเลือกหุ้นที่มีโอกาสเห็นการประกาศซื้อหุ้นคืน (Treasury Stock) ในระยะถัดไป โดยใช้เกณฑ์

1.)เป็นหุ้น Undervalue ที่ซื้อขายต่ำมูลค่าทางบัญชี หรือมี PBV ต่ำกว่า 1.0 เท่า คือ

2.) มีสภาพคล่องมากพอซื้อคืน > 5.0% ของมูลค่าตลาดหุ้น (Market Cap) และมีสภาพคล่องเข้าเกณฑ์ของตลาดฯ 3.) มีสภาพคล่องเพียงพอชำระหนี้ครบกำหนดในอีก 1 ปี (vs ตลาดกำหนด6 เดือน)

4.)มีกำไรสะสมยังไม่ได้จัดสรรในงบเดี่ยวเพียงพอรองรับการซื้อคืน

· กลยุทธ์การลงทุน : แนะนำลงทุนในหุ้น Theme "Treasury Stock Plays" โดยเลือกหุ้นที่มีศักยภาพ และผ่านเข้าเกณฑ์ดังกล่าวข่าวต้น และมีปัจจัยหนุนอุตสาหกรรม พบว่ามีหุ้น Big Cap หลักๆ ในกลุ่มพลังงาน ธนาคาร ปิโตรเคมีที่มีโอกาสเห็นการซื้อคืนระยะถัดไป อาทิ PTT, SCB, KBANK, KTB , BBL, PTTGC, TOP, BCP

Strategist Comment: Deepseek

กระแสข่าว AI Application จากประเทศจีน "Deepseek" ที่ทำงานได้ใกล้เคียงผู้นำตลาด โดยไม่จำเป็นต้องใช้ชิปประมวลผลสูง ทำให้ต้นทุนพัฒนาต่ำกว่า

โดยรวมประเมินนำมาสู่โอกาสเห็นภาพ AI Adoption ทั่วโลกเร่งขึ้น แต่สร้างความเสี่ยงหุ้น Semiconductor โลกที่จำหน่ายชิปประมวลผลระดับสูงที่อาจมีผลกระทบต่อยอดขาย จึงน่าจะเป็นจิตวิทยาลบต่อหุ้นใน 1.) กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ไทย ให้เกิดภาพชะลอลงทุนระยะสั้น อย่างไรก็ตาม KSS ประเมินผลกระทบจำกัด เพราะบริษัทชิ้นส่วนไทยไม่ได้มีสินค้าหรือรายได้ชิปประมวลผลสูง อาทิ กรณี DELTA เน้นจำหน่าย Power Supply ส่วนอีกกลุ่มที่อาจจะเห็นการชะลอลงทุน คือ 2.) กลุ่มโรงไฟฟ้า อาจจะมีความกังวลการใช้ไฟฟ้าต่ำลงตามรูปแบบชิปประมวลผลสูงลดลง อย่างไรก็ตาม ภาพบวกที่ AI Adoption จะเพิ่มขึ้นหนุนความต้องการโรงไฟฟ้ารวมถึงอุปกรณ์ Power Supply ในท้ายที่สุดอยู่ดี กลยุทธ์รอตั้งรับเมื่อหุ้นอ่อนตัวรับความกังวล

ขณะที่กลุ่มคาดได้ประโยชน์จากกรณีดังกล่าว คือ กลุ่มที่ผู้ใช้งาน AI ที่มีทางเลือกมากขึ้น ต้นทุนลดลง คาดนำมาสู่ปริมาณการใช้ข้อมูลในโครงข่ายโทรคมนาคมเพิ่มขึ้นก้าวกระโดด ในส่วนกลุ่มสื่อสาร เน้น ADVANC และกลุ่ม Digital Tech Consult ที่ปริมาณงานที่ปรึกษาดิจิตอลจะเพิ่มขึ้นตาม AI Adoption เน้น BE8, BBIK

Strategy Update: MSCI Rebalance

MSCI Rebalance รอบเดือนก.พ. จะประกาศรายชื่อวันที่ 11 ก.พ.มีผลราคาปิดวันที่ 28 ก.พ. เราคาดหุ้นเข้า/ออก ดัชนี MSCI ACWI ดังนี้

หุ้นเข้า: ไม่มี

หุ้นออก: TOP (medium conviction)

Strategy Update : Dividend Plays 2H24

ช่วงปลายเดือน ก.พ. - พ.ค. 2025 จะเข้าสู่เทศกาลจ่ายปันผลประจำปี 2024 ของบริษัทจดทะเบียน ทีมกลยุทธ์ KSS จึงได้รวบรวมหุ้นที่คาดจะจ่ายปันผลช่วง 2024F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลครั้งเดียว) หรือ 2H24F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง) จากคาดการณ์ของ KSS และ Consensus เพื่อนำมาคัดสรรหุ้นปันผลสูง (High Dividend) คือ Dividend Yield มากกว่า 3.5% สำหรับกลยุทธ์การลงทุนระยะ 1 - 2 เดือนแรกของปี ใน "Theme Dividend Play"

Key Ideas : KSS มีมุมมองบวกต่อการลงทุนในหุ้นปันผลในช่วงต้นปีเนื่องจาก

o KSS ได้ทำการศึกษาสถิติผลตอบแทนหุ้นปันผล(SETHD) ย้อนหลัง 10 ปี พบว่า SETHD ในช่วงเดือน ม.ค. – ก.พ. ของทุกปี ผลตอบแทนมักเป็นบวก เดือน ม.ค. ผลตอบแทนบวก 6 ใน 10 ปี เฉลี่ย +0.7%, เดือน ก.พ. บวก 7 ใน 10 ปี ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย +0.67%

o SETHD ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของทุกปี (งวด 1Q) ผลตอบแทนเป็นบวก 7 ใน 10 ปี เฉลี่ย +0.85%)

กลยุทธ์ : ในเชิงกลยุทธ์ KSS แนะนำซื้อหุ้นปันผลสูงก่อนที่จะขึ้นเครื่องหมาย XD 2 สัปดาห์แล้วขายวันที่ขึ้นเครื่องหมาย XD (dividend capture) มักจะให้ผลตอบแทนที่ดี ทีมกลยุทธ์ KSS ได้ทำการคัดกรองหุ้นปันผลเด่น ภายใต้เงื่อนไข 2 ข้อ คือ

1.) เป็นหุ้นที่จะจ่ายเงินปันผล ช่วง 2024F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลครั้งเดียว) หรือ 2H24F (สำหรับบริษัทที่จ่ายเงินปันผลปีละ 2 ครั้ง)

2.) เป็นหุ้นพื้นฐานที่มีแนวโน้มการเติบโต/กระแสเงินสดมั่นคง /อยู่ใน Theme การลงทุนหลักของ KSS ปี 2025 อาทิ Theme เศรษฐกิจไทยปี 2025F เติบโต อาทิ กลุ่มธนาคาร หรือ อยู่ในอุตสาหกรรม Up Cycle อาทิ Sector ICT หรือ หุ้นที่อยู่ในกลุ่มได้ประโยชน์จากทิศทางดอกเบี้ยขาลง อาทิ กลุ่มอสังหา กลุ่มการเงิน ฯลฯ โดยเรียงตามอัตราตอบแทนเงินปันผลจากสูงไปต่ำ

พบว่ามีหุ้นที่คาดจะจ่ายปันผลเด่น 9 บริษัท คือ

หุ้น Big Cap ได้แก่ SCB (TP Max Con 135.0, Yield 2H24F 8.6%), TTB (TP25-2.2,Yield 2H24F 7.2%) HMPRO (TP25-13.5,Yield 2H24F 4.3%) INTUCH (TP25-108,Yield 2H24F 4.2%), ADVANC (TP25-305, Yield 2H24F 3.7%),
หุ้น Mid Cap ได้แก่ AP (TP25-11.8., Yield 2H24F 7.65%), TISCO (TP25-97.0, Yield 2H24F 5.84%), SC (TP25-3.2, Yield 2H24F 5.52%), JMT (TP25-22.8, Yield 2H24F 2.3%),

หุ้นปันผลสูงครึ่งหลังปี 2024 ADVANC, INTUCH, SCB, TTB, HMPRO,JMT AP, SC, TISCO

โดยทีมกลยุทธ์ KSS ได้ทำการศึกษาสถิติหุ้นปันผลเด่น 9 บริษัทดังกล่าวข้างต้น ย้อนหลัง 8 ปี พบว่าหากลงทุนซื้อหุ้นก่อน 2 สัปดาห์และขายวันที่ขึ้น XD พบว่า ผลตอบแทนเป็นบวก โดยหุ้นที่ให้ Return มากที่สุด คือ JMT +5.36%, TTB +4.16%, ADVANC +3.05%, ส่วน SCB, HMPRO, INTUCH, AP, SC, TISCO ผลตอบแทน (Capital Gain) เฉลี่ยอยู่ราว 1% เท่ากับว่า การลงทุนหุ้นกลุ่ม High Dividend ในช่วงเวลาดังกล่าว หลาย ๆ ครั้งนักลงทุนจะมักจะได้รับเงินปันผลฟรี

 

• WHA (Buy, TP25F-6.4): We anticipated Bt1.5b core profit in 4Q24F, +247% qoq, which will take FY24F core profit to Bt4.7b, growing 8% yoy and higher than our full year forecast by 7%. The favorable growth qoq is driven by higher deed transfer and improved gross margin coupled with Bt1b asset monetization. We look for continued strong land sales in 2025 (2,700 rai, +5% yoy) supported by 800+ rai LOI/MOU and 10% price increase. Earnings will continued growing backed by high 1,500+ rai backlog with favorable margin (price increase 20% in 2024). Final DPS of Bt0.13 (yield 2.7%) is a catalyst in short-term and Mobolix (new S-curve) is for longer-term. At latest closing price, the stock is trading at undemanding 14.3x PER of FY25F, almost -1SD. We maintain BUY rating.

• PLANB (Buy, TP25F-9.35): เราคงคำแนะนำ Buy ราคาเป้าหมาย 9.35 บาท เรายังชอบ PLANB จากการเป็นผู้นำธุรกิจสื่อนอกบ้าน ผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโต ราคาหุ้นลดลงมาซื้อขายที่ P/E'25F ต่ำกว่า -1SD ของค่าเฉลี่ยอดีต Catalyst ระยะสั้นคาดกำไร 4Q24F ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 305 ลบ.

• BCPG (Buy, TP25F-7.8): BCPG's 4Q24F net profit is expected to reach Bt555m, a significant yoy turnaround driven by US plant profits and FX gains, though core profit is expected to decline slightly qoq, due to lower revenue from solar asset expirations and maintenance. Thus, we have revised up FY24F earnings forecast by 25%, reflecting lower costs and stronger US performance, leading to a revised TP of Bt7.80 (from Bt7.70). We maintain a Buy rating. TP Upside to Bt8.20 is possible if delayed projects in Nabas-2 and Taiwan resume as planned.

 

2025F Equity Outlook : Resilient Domestic Escort amid Market Volatility

Stock Best Picks : ADVANC, AWC, BJC, BTS, CPALL, HMPRO, IVL, KBANK, KTB, TRUE

Mid-Small Cap Play : INSET, JMT, MALEE, MOSHI

 

 

 

 

อณุภา ศิริรวง

: รายงาน/เรียบเรียง โทร 02-276-5976 อีเมล์: reporter@hooninside.com ที่มา: สำนักข่าวหุ้นอินไซด์

บทความล่าสุด

1200 แตก By: แม่มดน้อย

แม่ดน้อย ขี่ไม้กวาดวิเศษ และแล้ว ดัชนีตลาดหุ้นไทย ก็แตก 1,200 จุด ด้วยพ่อใหญ่อย่าง DELTA แม่ใหญ่ AOT เป็นหัวหอก....

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

FTI จัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ผถห.อนุมัติไฟเขียวทุกวาระ จ่ายปันผล 0.04 บาทต่อหุ้น

มัลติมีเดีย

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

NER บนสงครามการค้าโลก - สายตรงอินไซด์ - 24 เม.ย.68

สามารถติดตามหน้าเพจของ หุ้นอินไซด์ เพื่อรับข่าวเด่นและประเด็นที่คุณไม่ควรพลาดได้ตามขั้นตอนนี้