ภาวะตลาด : SET Index วานนี้ลงไปต่ำสุดที่ 1270.87 แล้วเด้งขึ้นแรงมาปิดตลาดในระดับสูงสุดของวันที่ 1304.39 (-10.11 จุด) ปัจจัยกดดันคือ กังวลกับการเปิดฉากสงครามการค้ารอบใหม่ของทรัมป์ โดยหุ้นที่ปรับขึ้นสวนตลาดได้ เป็นแบงค์ที่จ่ายปันผลสูง หุ้นนิคมฯที่จะได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตมาไทย (AMATA, WHA) และหุ้นที่ได้อานิสงค์จากการลดภาษีธุรกิจสหรัฐ (IVL) อย่างที่เราได้แนะนำไปวานนี้ นอกจากนั้นยังมีหุ้นท่องเที่ยวช่วยหนุน เช่น ERW,MINT, CENTEL ฯลฯ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ -363 ลบ. สถาบันในประเทศซื้อสุทธิ 601 ลบ.
ปัจจัยต่างประเทศ
•/- ยูโรโซน : ดัชนี PMI ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายม.ค.ดีขึ้นเป็น 46.6 (หดตัวน้อยลง) ปัจจัยเสี่ยง คือ ทรัมป์ อาจปรับขึ้นภาษีสินค้าจากยูโรโซนเป็นลำดับต่อไป
+ สหรัฐ : ดัชนี PMI ภาคผลิตเดือนม.ค.เพิ่มเป็น 50.9 สูงกว่าตลาดคาดที่ 49.8 และดีขึ้นจาก 49.2 เดือนธ.ค. และการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนธ.ค.เพิ่ม 0.5%MoM สูงกว่านักวิเคราะห์คาดที่ 0.2%MoM
+ ทรัมป์ประกาศชะลอแผนการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้า 25% จากเม็กซิโกออกไปอีก 1 เดือน...ตลาดหุ้นสหรัฐลดช่วงลบ ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ลดลง 100bps เป็น 108.4 ราคาน้ำมันดิบ WTI & BRENT เพิ่มเล็กน้อยเป็น 73-76 US$/bbl ผลประชุมกลุ่มโอเปกพลัส 3 ก.พ.มีมติลดการผลิตต่อ 5.86 ล้านบาร์เรล/วันดัชนีราคาถ่านหิน (NC) ลดเป็น 115.65 สูงสุด 149) ดัชนี Baltic Dry Index ปรับขึ้นเล็กน้อยสู่ 738 (สูงสุด 2110)
• ติดตามตัวเลขภาคแรงงานสหรัฐ ทั้งผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, การจ้างงานภาคเอกชน และการจ้างงานนอกภาคเกษตร
ปัจจัยในประเทศ & ข่าวหุ้นเด่น
+ ยังคงแนะนำซื้อสะสมหุ้นปันผลสูงจังหวะที่ราคาอ่อนตัว หุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ SCB, TISCO, TTB, KTB, KBANK, SIRI, AP, PTT, MC, IMPACT เป็นต้น รวมถึงซื้อหุ้นที่มีผลประกอบการ 4Q24F โตแกร่ง และมีแนวโน้มดีต่อในปี 2025 เช่น MTC, TIDLOR, ERW, MINT, ADVANC เป็นต้น
+ KBANK : ส่งสัญญาณเพิ่มอัตราการจ่ายเงินปันผล ย้ำไม่มีโครงการซื้อหุ้นคืน ทาง DBSVTH คาดว่าธนาคารจะจ่ายปันผลสำหรับ 2H24 อีก 6.50 บาท (ณ ราคาหุ้น 159 บาท คิดเป็น Remaining DY เท่ากับ 4.1%) ทำให้ทั้งปี 2024 จ่ายปันผลรวม 8.00 บาท (คิดเป็น DY ประมาณ 5%)
กลุยทธ์
“เด้งได้ที่ Low เดิม แต่หากจะเป็นขึ้นต้องยืนเหนือ 1310/1323-1333”...ทิศทางระยะสั้นการรีบาวด์ต่อจะมีแนวต้านที่ 1310/1323-1333 ที่เป็นแนวรับที่หลุดลงมากลับมาทำหน้าที่เป็นแนวต้าน ต้องสามารถยืนเหนือได้จึงจะเปลี่ยนกลับมาเป็นการแกว่งตัวขึ้น มิฉะนั้นยังเป็นแค่การรีบาวด์หลังลงแรงส่วนการอ่อนตัวลงมีแนวรับที่ 1288/1270 ไม่ควรลงหลุดต่ำกว่าถ้าหลุดจะลงรอบใหม่ หุ้นเด่นเทคนิควันนี้เป็น PTTEP, TISCO
หุ้นพื้นฐานแนะนำลงทุน
ERW – กำไรหลักใน 4Q24F ที่ 324 ล้านบาท (+51% y/y, +160% q/q) จากการเติบโตที่แข็งแกร่งของ RevPar และการขยายตัวของอัตรากำไร EBITDA ทั้งนี้ อัตราการเข้าพักของโรงแรม Grand Hyatt Erawan ฟื้นตัวดีขึ้น โรงแรม Holiday Inn Pattaya กลับมาเปิดให้บริการเต็มรูปแบบหลังปิดปรับปรุงไปช่วงก่อนหน้า นอกจากนั้นการเติบโต q/q ได้อานิสงค์จากปัจจัยฤดูกาลด้วย แนวโน้มปี 25F ไปได้ดีต่อ คาดกำไรหลักโต +19% y/y จากขยายโรงแรมต่อเนื่อง และต้นทุนการเงินลดลง แนะนำ ซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 5.50 บาท
นักวิเคราะห์&กลยุทธ์: อาภาภรณ์ แสวงพรรค : arparporns@dbs.com : Tel 02 587 7829