สำนักข่าวหุ้นอินไซด์( 20 มีนาคม 2561)--------TMILL เปิดสูตรเป้ารายได้ปี61 โต10% จากปีก่อนที่ทำได้ 1.3 พันลบ. หลังอัพกำลังการผลิตเพิ่มเป็น75% วางงบลงทุนปีนี้ 10 ลบ. ส่งเสริมการตลาด-ลงทุนR&D อยู่ระหว่างเจรจาร่วมทุน-ซื้อกิจการ ทั้งใน-ตปท. คาดQ3/61 ชัดเจน 1 ราย

ดร.ชาญกฤช เดชวิทักษ์ รองประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ที เอส ฟลาวมิลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TMILL เปิดเผยว่าบริษัทตั้งเป้ารายได้ปี2561 โต 10%จากปีก่อนที่มีรายได้ 1.30 พันล้านบาท โดยแผนการดำเนินงานในปี 2561 บริษัทตั้งเป้าหมายเพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิตเป็นร้อยละ 75 เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่มีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ร้อยละ 65 ซึ่งบริษัทประเมินว่าภาพรวมอุตสหรกรรมปีนี้ยังค่อนข้างดี ตามภาพรวมเศรษฐกิจที่ปรับตัวขึ้น ส่งผลให้กำลังซื้อเริ่มปรับตัวดีตามไปด้วย

ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนที่จะขยายตลาดไปในกลุ่มลูกค้า SME โดยจะขยายไปในในแถบภาคเหนือ อีสาน ควบคู่กับการจำหน่ายในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ซึ่งเป็นตลาดหลักอยู่แล้วโดยคาดว่าในปีนี้บริษัทจะมีลูกค้าเพิ่มเป็น300 รายจากปีก่อนที่มีอยู่ 200 ราย อย่างไรก็ตามบริษัทจะลดการจำหน่ายให้กับลูกค้ากลุ่มใหญ่ลงบ้างเล็กน้อย แม้ว่าจะมีปริมาณการขายค่อนข้างสูง แต่ได้มาร์จิ้นที่ค่อนข้างต่ำ

"กำไรสุทธิในปีนี้เราคาดว่าจะเติบโต30%จากปี 2559 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 69.50ล้านบาท ตามการอัตราการใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มากขึ้น ประกอบกับราคาข้าวสาลีในช่วงครึ่งปีแรกปี61ต่ำกว่าปี 2560 เราจึงประเมินว่าอัตรากำไรสุทธิในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 8-10%และอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 15-20% แต่อย่างไรก็ตามเราคาดว่ากำไรสุทธิในปี2561จะไม่สามารถเทียบกับปี 2560 ที่ถือเป็นปีที่ดีสุดได้ เนื่องจากสถานการณ์ทุกอย่างออกมาดีกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ อย่างการบริหารจัดการต้นทุนขายที่ลดลง เนื่องจากมีการเจรจาทำสัญญาซื้อขายวัตถุดิบล่วงหน้าเพื่อควบคุมราคาต้นทุนไว้ ขณะที่ราคาข้าวสาลีในตลาดมีการปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรง ทำให้ราคาต้นทุนแป้งสาลีของบริษัทฯ ได้เปรียบตลาดและคู่แข่ง "ดร.ชาญกฤช กล่าวเพิ่มเติม

สำหรับงบลงทุนในปีนี้บริษทวางงบลงทุนไว้ราว 10 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมการตลาดและศึกษาและวิจัย(R&D)เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้ผลิตภัณฑ์ พร้อมกันนี้ที่ผ่านมาบริษัทยังได้มีการลงทุนด้านเทคโนโลยีเพื่อพัฒนากระบวนการผลิตที่ทันสมัยและลดต้นทุนแรงงานในระยะยาว โดยเริ่มทดสอบการใช้งานหุ่นยนต์จัดเรียงสินค้าในคลังสินค้าเมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา และมีแผนที่จะลงทุนต่อเนื่องอีก 2 เฟสในปี 2562-2563

ส่วนความคืบหน้าแผนเข้าร่วมทุนกับพันธมิตรหรือการเข้าไปซื้อกิจการบริษัทได้มีการเจรจราทั้งในประเทศและต่างประเทศอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้มีการเจรจาอยู่ในขั้นตอนกระบวนการแลกเปลี่ยนข้อมูล มีการศึกษา มีการวิเคราะห์ นอกจากนี้ ยังจะต้องมีการตั้งที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อมาช่วยดูแลรายละเอียดของผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย โดยบริษัทคาดว่าใน 3/61จะเห็นความชัดเจนในการร่วมทุนกับพันธมิตรในประเทศ 1ราย ซึ่งเป็นธุรกิจปลายน้ำ

สำหรับปี 2560 (สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม2560) ว่า TMILL มีกำไรสุทธิ 105.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.99 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 51.8 เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีรายได้จากการขายกว่า1,303.3 ล้านบาท ลดลง 35.54 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.7 เมื่อเทียบกับปี 2559 ทั้งนี้ หากพิจารณาในส่วนของปริมาณการจำหน่ายแป้งสาลี พบว่า ในปีที่ผ่านมา TMILL สามารถจำหน่ายแป้งสาลีได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 แต่จากราคาจำหน่ายแป้งสาลีเฉลี่ยที่ลดลงร้อยละ 3.8 จึงส่งผลให้มีรายได้จากการขายลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน

"รอบปีที่ผ่านมา TMILL สามารถทำสถิติกำไรสุทธิสูงสุดได้สำเร็จ ซึ่งเป็นผลมาจากการบริหารจัดการต้นทุนขายที่ลดลง เนื่องจากมีการเจรจาทำสัญญาซื้อขายวัตถุดิบล่วงหน้าเพื่อควบคุมราคาต้นทุนไว้ ขณะที่ราคาข้าวสาลีในตลาดมีการปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรง ทำให้ราคาต้นทุนแป้งสาลีของบริษัทฯ ได้เปรียบตลาดและคู่แข่ง จึงส่งผลให้มีอัตรากำไรขั้นต้นในปี 2560 สูงขึ้นเป็นร้อยละ 20.9 จากร้อยละ 14.8 ในปี 2559 และมีกำไรสุทธิต่อหุ้นขั้นพื้นฐานเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 55 เมื่อเทียบกับปีก่อน" ดร.ชาญกฤช กล่าว

----จบ----